บทที่ 3 สวย...แต่น่าหมั่นไส้
ผู้ชายคนนั้นผลักไลลาผ่านประตูเข้ามาสู่พื้นที่โถงกว้าง แล้วเขาก็เดินหายเข้าไปในซอกมุมหนึ่ง ปล่อยให้หล่อนมีโอกาสกวาดสายตาสำรวจรอบตัว
สภาพที่เห็นไม่เหมือนห้องชุดทั่วไปซึ่งมักมีพื้นที่จำกัด แม้เป็นห้องใหญ่ขนาด 2-3 ห้องนอนแล้วก็ตาม แต่ยังห่างไกลจากห้องที่หล่อนกำลังยืนเคว้งตามลำพังห้องนี้นัก
จริงสินะ ตัวเลขจากแสงไฟสีแดงที่ปรากฏเมื่อลิฟต์เคลื่อนไปตามชั้นต่างๆ ก็หยุดที่เลขชั้นสูงสุดของตึกนี้...ก่อนที่ลิฟต์จะหยุดแล้วประตูเปิดออกมา
“หรือว่าที่นี่เป็นเพนต์เฮาส์ชั้นบนสุดของตึกนี้”
ดวงตาหวานเริ่มทอประกายความหวาดหวั่น ผู้ชายเถื่อนๆ คนนั้นอาจเป็นเจ้าของพื้นที่ตรงนี้
จนเสียงของเขาดังขึ้นใกล้ๆ ไลลาถึงกับสะดุ้ง...เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่เจอเขา
“ปกติเธอไม่ได้อยู่กับเขาใช่ไหม”
“คุณถามถึงใคร”
หญิงสาวหันไปมองเขาทั้งตัวแล้วถามกลับ กระป๋องเครื่องดื่มในมือของชายหนุ่มบอกให้รู้ว่าเมื่อกี้นี้เขาหายไปทำไม
“ผัวของเธอไงล่ะ”
ตุลวัตตอบลุ่นๆ เหมือนเป็นถ้อยคำธรรมดาที่เขาใช้อยู่ทุกวัน หากมันช่างระคายหูคนฟังนัก ก่อนเขาจะยกกระป๋องเครื่องดื่มขึ้นมาดื่มด้วยท่าทีแสนสบาย เมื่อจัดการเสร็จ หญิงสาวก็ยังปิดปากเงียบกริบ เขาจึงพูดขึ้นต่อ
“หรือว่าแยกกันอยู่ เธอถึงไม่รู้ว่านายนั่นไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
“คุณพูดจาดีๆ หน่อยได้ไหม”
ไลลาอดไม่ได้ที่จะปรามเขา หล่อนไม่อยากสร้างศัตรู เพราะรู้ว่าไม่เป็นการดีกับตัวเองแน่นอน แต่การต้องฟังคำพูดแบบนี้ของเขาต่อไปเรื่อยๆ หล่อนก็ไม่รู้ว่าจะอดทนได้นานสักแค่ไหนเหมือนกัน หากอีกคนนั้นกลับเลิกคิ้วเหมือนข้องใจกับคำขอของหล่อน
“แล้วเธอมีปัญหาอะไร”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แล้วไม่พอใจเรื่องอะไร แต่ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณ ดังนั้นกรุณาพูดจาสุภาพและให้เกียรติฉันด้วย”
“ครับ...คุณผู้หญิง”
ตุลวัตก้มศีรษะรับ เรียวปากหยักฉีกยิ้มกว้างอย่างที่ไลลาเดาทางเขาไม่ถูกทีเดียว
“คุณไม่พอใจพี่ทิน แล้วพาลมาถึงฉัน”
“ไอ้นั่นนรกส่งมาเกิด เธอเป็นเมียมันประสาอะไรถึงไม่รู้ถึงพฤติกรรมของผัวตัวเอง หรือว่ารู้เห็นเป็นใจให้มันมาปอกลอกฉัน”
สีหน้าและท่าทางของชายหนุ่มไม่ส่อแววว่าเกรี้ยวกราดเหมือนในทีแรก ท่าทางเรียบเรื่อยดูว่าสบายใจขึ้น แต่วาจาส่อเสียดที่ส่งมานั้น...ไลลายังต้องข่มใจอย่างหนักที่จะระงับอารมณ์ไม่พอใจไม่ให้ออกมา นาทีนี้หล่อนทำได้แค่พยายามบอกให้เขารู้ตัว
“คุณพูดถึงพี่ทินแบบปกติก็ได้ ยังไงฉันก็เข้าใจในสิ่งที่คุณต้องการบอกอยู่แล้ว”
“ฉันไม่จำเป็นต้องประดิดประดอยคำพูดกับคนอย่างพวกเธอ แล้วที่เธอทะเล่อทะล่าเข้าไปในห้องข้างล่าง ตั้งใจจะมาเก็บเอาอะไรหรือเปล่า”
“ฉันคิดว่าคุณเข้าใจผิดไปมากแล้ว ห้อง 523 เป็นห้องของพี่ทิน ฉันรู้ตั้งแต่เขาซื้อคอนโดที่นี่ เขายืม เอ่อ...ไม่ใช่”
ไลลาหยุดคำพูดลงพลันเมื่อเห็นอีกฝ่ายหรี่ตามองแล้วฟังอย่างตั้งใจ หล่อนรู้สึกตัวแล้วจึงเปลี่ยนเรื่องเสีย
“พี่ทินอยู่ที่นี่มาตั้งแต่คอนโดสร้างเสร็จ แล้วเขาก็เอากุญแจมาให้ฉันเก็บไว้ชุดหนึ่ง ส่วนตัวเขาก็มีอีกชุด ฉันต้องเป็นฝ่ายถามต่างหากว่าคุณเข้าไปในห้องนั้นได้ยังไง คุณเอากุญแจกับคีย์การ์ดที่ไหนมาใช้”
“พูดเพ้อเจ้ออะไรของเธอ ห้องนั้นเป็นของนายอทินตั้งแต่เมื่อไร ฉันไม่เห็นรู้เลย แต่ฉันก็มั่นใจนะว่าฉันยังถือกรรมสิทธิ์ในห้องนั้นอยู่ ยังไม่มีใครมาเล่นแร่แปรธาตุเอาของของฉันไปเหมือนของชิ้นอื่น”
“อะไรนะ! ห้องนั้นเป็นของคุณหรือ”
ไลลาอุทานอย่างแปลกใจและตกใจระคนกัน แต่แล้วก็ฉุกคิดได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้หล่อนจะเชื่อเขาทันทีไม่ได้หรอก
“มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น แค่พี่ทินไม่อยู่สัปดาห์เดียว คุณก็เดินไปชี้เอาได้หรือว่าห้องนั้นเป็นของคุณ ฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณเป็นใคร เป็นนักต้มตุ๋นมาหลอกเอาของของพี่ทินหรือเปล่า”
“เธอสิยายจุ้น!”
เขาโกรธขึ้นมาอีกแล้ว ดวงตาคมนั้นทอประกายวับๆ จนไลลาต้องก้าวเท้าถอยห่างมากขึ้น หากเจ้าของร่างสูงเพรียวก็ยังตามมาใกล้ พร้อมส่งถ้อยคำร้ายกาจใส่หล่อนอีกด้วย
“ถ้าเธอไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับนายอทิน งั้นก็แสดงว่าเธอเป็นยายหน้าโง่ที่ถูกนายนั่นหลอก ทางของเธอมีแค่นี้แหละ แล้วอย่ามาอวดดีกับฉัน”
ต่อให้เป็นคนใจเย็นขนาดไหน นาทีนี้ก็ต้องรู้สึกโกรธขึ้นบ้างเหมือนกัน ไลลาก็อยู่ในข่ายนั้น ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน ถึงต่อว่าหล่อนได้ขนาดนี้ แต่ไม่ทันที่จะได้โต้ตอบ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขัดจังหวะขึ้น
“มีอะไรแต้ว”
ตุลวัตดึงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วรับสาย เขาหันหลังให้สาวสวยที่ยืนจ้องมองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้ออยู่ใกล้ๆ
“ไม่ต้องรอถึงตอนเย็นแล้วค่ะ คุณแม่ให้พี่โต้งมาที่บ้านเดี๋ยวนี้ เพราะคุณพ่ออยากรู้เรื่องด้วย ถ้ามาช้ากว่านี้เดี๋ยวจะไม่เจอกัน เพราะค่ำนี้คุณพ่อต้องบินไปประชุมที่เมืองจีน”
ตุลวัตนิ่วหน้า เขาอยากจบเรื่องน่าขายหน้านี้ด้วยตัวเอง ไม่อยากให้พ่อเลี้ยงที่เป็นอดีตข้าราชการใหญ่และในปัจจุบันก็เป็นที่ปรึกษาของหน่วยงานสำคัญหลายแห่งต้องมารับรู้ด้วย…แต่นั่นละ ถ้าเป็นคำสั่งของแม่ เขาก็ขัดไม่ได้อยู่แล้ว
“ได้ แล้วพี่จะไป”
“อย่าเบี้ยวนะคะพี่โต้ง เพราะคุณแม่เอาจริง ถ้าพี่โต้งหลบหน้า รับรองว่าคุณแม่บุกไปทะลายรังของพี่แน่นอน”
น้องสาวพูดอย่างมีอารมณ์ขัน โดยที่คนฟังไม่นึกขำตามไปด้วยสักนิด ชายหนุ่มถอนหายใจยาว แล้วพูดปลงๆ
“พี่ไม่กล้ากับแม่หรอก แต่พี่จัดการทุกอย่างได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ พี่ไม่อยากให้แม่กับคุณอาต้องมาวุ่นวายใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“การบอกไม่ให้ยุ่งเรื่องของพี่โต้ง มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ค่ะ เพราะพี่โต้งเป็นลูกชายคนโตของคุณพ่อคุณแม่ ต่อให้พี่โต้งปลีกวิเวกยังไง พวกเราก็จะตามให้มารายงานตัวอยู่ดี ไม่ยอมให้หายไปนานๆ หรอก”
“พี่มีทางเลือกเดียวคือตอบตกลงไปรายงานตัวให้ทันเวลาก่อนที่คุณอาจะเดินทางใช่ไหม งั้นพี่จะไปเดี๋ยวนี้แหละ ตอนนี้รถยังไม่ติด ไม่ถึงชั่วโมงพี่ถึงบ้านแน่นอน”
ตุลวัตตัดสายน้องสาว ต่อเมื่อนึกได้ว่าตนไม่ได้อยู่ตามลำพังภายในเพนต์เฮาส์ที่กินพื้นที่ทั้งชั้นของตึกนี้ก็หันหลังกลับมา
ชายหนุ่มมองหล่อน แล้วทำหน้ายุ่งยากขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เอายังไงกับผู้หญิงสวยแต่น่าหมั่นไส้คนนี้ดีวะ ปล่อยไปตอนนี้ก็ไม่ได้ เรายังไม่ได้เค้นความจริงจากเธอ
“เรายังคุยธุระกันไม่เสร็จ แต่ฉันมีธุระต้องไปทำ ดังนั้นเธอจึงต้องรอฉันอยู่ที่นี่”
ตุลวัตตัดสินใจฉับไว โดยไม่สนใจคนที่อ้าปากทำท่าจะค้าน เขาฉวยข้อมือของหล่อนแล้วพาเดินไปทางด้านใน จากนั้นก็ผลักหล่อนเข้าไปในห้องหนึ่ง ก่อนจะกำชับเสียงเข้ม
“เธออยู่ในนี้ ถ้าฉันมาช้าแล้วเธอหิวก็หาอะไรกินไปก่อน ถ้าง่วงก็มีโซฟาให้นอน ส่วนห้องน้ำอยู่ด้านใน ครบขนาดนี้ หวังว่าคงอยู่ได้นะ”
โดยไม่รอฟังคำตอบ ตุลวัตก็ปิดประตูแล้วล็อกเอาไว้ ป้องกันไม่ให้หล่อนออกมาเพ่นพ่านในพื้นที่อื่นของอาณาจักรสุดหวงของเขา
เขายังไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้ เห็นหน้าสวยๆ ก็วางใจไม่ได้หรอก อย่างนายอทินนั่นปะไร มองจากภายนอกออกที่ไหนกันว่าจะเป็นพวกชอบฉกฉวยสมบัติของคนอื่น