บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 กิ่งหลิวกลางพายุ

ชายหนุ่มพยายามคิดแต่ก็คิดไม่ออก จนเมื่อเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาจึงรับสาย

“พี่โต้งอยู่ที่ไหนคะ แม่อยากคุยด้วย วันนี้แวะมาที่บ้านได้ไหมคะ แม่กำลังโกรธมาก”

แม่โกรธเรื่องอะไร...แม้น้องสาวไม่ได้บอก แต่เขาก็รู้ได้ไม่ยาก

“ตอนเย็นพี่จะไปกินข้าวที่บ้านนะ บอกแม่ด้วยว่าพี่จัดการทุกอย่างได้ ไม่ต้องห่วง แต้วก็เหมือนกัน เชื่อมือพี่ อย่าตื่นตูมไปหน่อยเลย”

“แต้วเชื่อมือพี่โต้งอยู่แล้ว ไม่ได้กังวลอะไรเลย”

น้องสาวค้านเสียงสูงจนพี่ชายได้แต่หัวเราะ

“ฟังแค่เสียงก็รู้ว่าเราตื่นตูมขนาดหนัก รู้เรื่องของพี่แล้วเหมือนกันใช่ไหม”

“รู้จากแม่นี่แหละค่ะ แต้วเพิ่งกลับจากไปเที่ยวญี่ปุ่นกับเพื่อน พอมาถึงบ้าน แม่ก็ถามเรื่องของพี่โต้ง ตอนแรกแต้วงงมากเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วแม่ก็เล่าให้ฟังว่าพี่โต้งกับ เอ่อ...พี่เมเลิกกันแล้ว”

“เราไม่ได้เลิกกัน แต่เขาหนีไป”

“หมายความว่าพี่ยัง...” น้ำเสียงของน้องสาวฟังเหมือนกังขา จนตุลวัตต้องตัดบทอธิบายเพื่อไม่ให้เจ้าหล่อนคิดฟุ้งซ่านไปไกล

“ถ้าเลิกกัน เราก็ไม่ติดค้างต่อกัน แต่นี่เมหนีไป มันเลยไม่เหมือนกัน แต่พี่จะไม่ขวางการเลือกและการตัดสินใจของเขา”

“ถึงแต้วจะไม่เข้าใจที่พี่โต้งพูด แต่แต้วเชื่อว่าพี่โต้งแก้ปัญหาได้ ขอแค่พี่โต้งไม่เสียใจก็พอค่ะ”

“พี่ไม่แน่ใจว่าเสียใจหรือเปล่า แต่พี่รู้ว่าพี่โกรธเม”

“ว้า! พี่โต้งก็อารมณ์เดียวกับแม่เลย แต่พี่โต้งดีกว่าตรงที่ไม่วีนแตกเหมือนแม่ พี่โต้งยังพูดคำว่าโกรธได้แบบเสียงเรียบๆ แสดงว่าดีกรีอารมณ์โกรธต่ำกว่าแม่หลายระดับ ค่อยยังชั่วหน่อย” เจ้าหล่อนตบท้ายด้วยการถอนหายใจอย่างโล่งอกอีกด้วย

“พี่โกรธเมกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทุกคน เพราะพวกเขาทำให้พี่เสียความรู้สึกและเสียหน้าชะมัด พี่ไม่ชอบความรู้สึกนี้ ส่วนเราก็ไม่ต้องกลัว พี่ยังเป็นพี่โต้งของเราเหมือนเดิม พี่แยกแยะได้”

“พี่โต้งน่ารักกับน้องตลอดเลย แล้วเจอกันตอนเย็นนะคะ เดี๋ยวแต้วจะบอกแม่ไว้ให้”

สองพี่น้องต่างบิดาที่รักใคร่กลมเกลียวจบการสนทนาแล้วตัดสายจากกัน คนเป็นพี่ชายก็ก้าวเท้าออกจากห้องชุดนั้นอย่างมีเป้าหมาย

ไลลาจ้ำเท้าไปหยุดหน้าประตูลิฟต์โดยสารเพื่อจะลงไปข้างล่าง แต่แล้วก็ตัดสินใจเดินกลับมายังห้องของอทินอีกรอบ หลังจากเพ่งตัวเลขบนคีย์การ์ดซึ่งบอกเลขที่ห้องได้ถูกต้อง อีกทั้งยังยืนยันด้วยการที่หล่อนสามารถใช้มันเปิดเข้าไปในห้องนั้นได้

ถึงตอนนี้ไลลาก็มั่นใจเกินร้อยแล้วว่าห้องนั้นเป็นห้องของอทิน หล่อนไม่ได้เข้าห้องผิด และแน่นอนว่าผู้ชายที่อยู่ในห้องต่างหากที่เป็นผู้บุกรุก ดังนั้นเขาควรเป็นฝ่ายถอย...ไม่ใช่หล่อน

หญิงสาวเดินกลับมาหยุดหน้าประตูห้องชุด สูดลมหายใจลึกอย่างรวบรวมความกล้า ไม่ปฏิเสธว่าผู้ชายคนนั้นดูน่ากลัวสำหรับหล่อน แต่เชื่อว่าเขาฉลาดพอที่จะไม่ทำร้ายหล่อน เพราะคอนโดมิเนียมหรูขนาดนี้ต้องมีระบบความปลอดภัยที่รัดกุม ถ้าเขาคิดทำไม่ดีขึ้นมา เชื่อแน่นอนว่าจะมีภาพจากกล้องวงจรปิดเอาไว้มัดตัวเขา

หากเมื่อประตูห้องเปิดผลัวะแล้วผู้ชายคนนั้นก็พุ่งออกมา ไลลาก็ถึงกับกระโดดหนี เพราะคิดไม่ถึงว่าจะถูกจู่โจมแบบนี้

“เธอเองหรือ แล้วร้องทำบ้าอะไร เดี๋ยวคนก็แตกตื่นกันหรอก”

เสียงเข้มดุของเขาทำให้หญิงสาวหน้าชา หล่อนไม่ได้กลับมาเพื่อให้เขาต่อว่า!

“คุณบุกรุกห้องพี่ทิน”

กว่าจะเปล่งประโยคนั้นออกมาได้ด้วยน้ำเสียงมั่นคงทั้งที่หัวใจยังเต้นรัว มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับไลลา

“เธอพูดถึงพี่ทิน พี่ทิน...นายอทินใช่ไหม”

เขาหรี่ตาพลางถาม แล้วเดินเข้าไปใกล้โดยไม่ลืมปิดล็อกประตูห้องนั้นเสีย ไลลารู้สึกถึงการถูกคุกคาม หล่อนขยับเท้าถอยหลัง สายตาเหลือบมองหากล้องวงจรปิดบริเวณโถงทางเดิน จนเมื่อเห็นว่ามันติดตั้งอยู่ไม่ห่าง หญิงสาวก็ใจชื้น แล้วโต้เขาทันที

“ใช่ พี่ทินที่เป็นเจ้าของห้องนี้ ห้องที่คุณบุกรุกเข้าไปนั่นแหละ ฉันไม่รู้ว่ากุญแจห้องของเขาไปอยู่กับคุณได้ยังไง มันอยู่ที่ฉันชุดหนึ่ง อีกชุดเขาก็น่าจะยังถือไว้”

เจ้าของร่างเพรียวที่มีส่วนสูงเกินกว่าที่ไลลาคาดไว้ในตอนแรกนั้นก้าวมาประจันหน้ากันใกล้ๆ จนหล่อนต้องแหงนหน้ามองเขา

“เธอเป็นอะไรกับเขา”

คำถามนั้นช่างโอหัง ไลลาไม่คิดจะตอบคำถามของเขาแน่นอน หญิงสาวตวัดสายตาดุๆ ไปให้แทน นาทีนี้ไม่กลัวแล้วแหละ เขาไม่กล้าทำอะไรหล่อนตรงทางเดินนี้แน่นอน

“เธอเป็นเมียอีกคนของนายทินใช่ไหม”

ถ้าเป็นภาวะปกติ หญิงสาวคงหันหลังหนีให้กับวาจาไม่ชวนฟัง หล่อนจะไม่เสวนาด้วยหรอก แต่คราวนี้คำบางคำมันสะดุดหูเกินไป...‘เมียอีกคน’ มันทำให้ไลลาต้องมองเขาอย่างพิจารณามากขึ้น

ผู้ชายผิวค่อนข้างคล้ำ หากก็เนียนละเอียด...ควรเรียกผิวสีแทนน่าจะเหมาะกว่า เครื่องหน้าของเขาคมคาย ดวงตาส่อแววมั่นใจ หากมีประกายความมุ่งมั่นบางอย่างที่ทำให้ไลลารู้สึกไม่วางใจ

“ฉันคิดว่าเราต้องคุยกัน”

น้ำเสียงของเขาราบเรียบ หากไม่ทันที่ไลลาจะได้ระวังตัว ท่อนแขนของหล่อนก็ถูกคว้าหมับแล้วลากไปอย่างง่ายดาย สัญชาตญาณป้องกันตัวทำให้หญิงสาวดิ้นรน กระเป๋าสะพายที่ถือไว้ในมืออีกข้างก็ถูกยกขึ้นมาฟาดใส่แผ่นหลังของเขาสุดแรง หญิงสาวพยายามยื้อยุดเพื่อให้ตัวเองหลุดเป็นอิสระ

“นายจะทำอะไร ปล่อยฉัน!”

“อย่าดีดดิ้นไปหน่อยเลยน่า ฉันไม่คิดจะซ้ำรอยนายทินหรอก บอกตรงๆ ว่ารังเกียจ”

วาจาเราะร้ายถูกโยนใส่หน้าจนไลลาเจ็บแปลบ ไม่เคยมีใครปฏิบัติกับหล่อนอย่างนี้มาก่อน รวมถึงคำพูดหยาบคายที่ออกจากปากของเขาหลายครั้งเช่นกัน แค่คุยกันไม่กี่นาที ไลลาก็รู้ว่าหล่อนกับเขาไม่ใช่มนุษย์พันธุ์เดียวกันแน่นอน!

จนเขาลากหล่อนมาหยุดหน้าลิฟต์อีกฝั่งโดยที่หล่อนก็เพิ่งได้สังเกตเห็น เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หัวใจของหญิงสาวก็เต้นระรัวขึ้น...ไลลาสัมผัสได้ถึงอันตรายที่เฉียดใกล้เข้ามาทุกที

“คะ...คุณจะพาฉันไปไหน”

นาทีนี้หล่อนควบคุมความกลัวไม่ได้แล้ว ยิ่งดวงหน้าคมคายนั้นหันมามองอย่างช้าๆ หญิงสาวก็ผงะ ฉากฆาตกรรมในหนังสยองขวัญก็ผุดขึ้นมาในหัวเสียอย่างนั้น แต่หล่อนก็ถอยห่างไม่ได้ เพราะพื้นที่ในลิฟต์ไม่อำนวย อีกทั้งท่อนแขนของหล่อนก็ยังถูกเขายึดไว้

“แค่จะคุยกัน...เธอไม่ต้องกลัว เพราะฉันไม่แตะต้องผู้หญิงของนายทินแน่นอน ถึงนายนั่นเป็นแมวขโมยมาแอบกินของของฉันได้ แต่สำหรับฉัน รังเกียจเกินกว่าจะยุ่งกับของของมัน”

เป็นอีกครั้งที่ไลลารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเต็มแรง...แม้มั่นใจว่าตนไม่ได้เป็นสมบัติของใคร การคบหากับอทินยังอยู่ในระดับพูดคุยและทำความรู้จักกัน ยังห่างไกลจากคำที่นายคนนี้พูดเอาไว้มาก หากสายตาจาบจ้วงของเขาที่กราดมองหล่อนทั่วทั้งตัวนั้นก็ทำให้ไลลาแทบทนไม่ได้

จนประตูลิฟต์เปิดออก ไลลาไม่รู้ว่าหล่อนกำลังอยู่ที่ชั้นไหน เขาลากหล่อนออกมา หญิงสาวถึงได้กราดสายตามองรอบอย่างสังเกตไปด้วย แล้วพบว่ามันแปลกตากว่าชั้นที่ห้องของอทินอยู่นัก

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเขาเปิดประตูห้องหนึ่งออกกว้าง แล้วผลักหล่อนเข้าไปในนั้น

ไลลากวาดสายตามองจนทั่ว เนื้อตัวของหล่อนเย็นเฉียบ ท่อนขาทั้งสองข้างกำลังสั่นเทา หล่อนประเมินสถานการณ์ผิดไป นายคนนี้ไม่ได้กลัวกล้องวงจรปิดที่อาจจับภาพไว้เป็นหลักฐานมัดตัวเขาเลยสักนิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel