9 แผนการเอาคืน
ของขวัญ...
"ผมจะขอขวัญแต่งงาน"
"......." ฉันถึงกับนิ่งอึ้งจนพูดไม่ออกเพราะไม่คิดว่่พี่ชนะศึกจะพูดแบบนี้ ส่วนอากานดาเองก็คงจะตกใจเหมือนกัน ตอนนี้มีแค่อากองทัพที่นั่งนิ่งไม่พูดอะไร
"ว่าไงนะลูก"
"ผมจะไปขอขวัญจากคุณย่าผมจะได้พาขวัญออกมาจากบ้านหลังนั้น"
"เป็นความคิดที่ดีนะ" อากองทัพเอ่ยขึ้นพร้อมจิบกาแฟ
"พี่ทัพเห็นด้วยกับตาศึกเหรอคะ"
"อื้มม ถ้ามันช่วยหนูขวัญได้แต่นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับหนูขวัญด้วยว่ายังไงหนูขวัญอยากมาเป็นลูกสะใภ้อาไหม"
"ว่าไงขวัญบอกพี่มาว่าเราอยากออกมาจากบ้านหลังนั้นหรือเปล่าเพราะพี่จะช่วยเราเองแต่ขวัญไม่ต้องเป็นห่วงนะเพราะมันเป็นเพียงการแต่งงานปลิมๆเท่านั้นพี่จะไม่แต่งงานกับขวัญจริงๆหรอกเพราะพี่รู้ว่าขวัญเห็นพี่เป็นพี่ชายและพี่ก็รักขวัญเหมือนน้องสาว พี่จะหย่าให้หลังจากที่พี่มั่นใจว่าสองแม่ลูกนั่นไม่มาทำร้ายขวัญได้อีก"
"ว่าไงขวัญเอาตามที่ลูกชายอาบอกดีไหม อาบอกตามตรงเลยนะว่าอาเป็นห่วงเรารักเราเหมือนลูกสาวแท้ๆคนนึง อายินดีที่จะรับหนูมาเป็นลูกสะใภ้นะ"
"อาก็ยินดีต้อนรับเรานะ" ฉันไม่รู้จะพูดอะไรฉันรู้สึกซึ้งใจที่ทุกคนดีกับฉันมากขนาดนี้แต่ฉันคงทำไม่ได้เพราะฉันเป็นห่วงคุณย่าถ้าฉันออกมาท่านก็ต้องอยู่คนเดียว ถึงจะมีพยาบาลพิเศษคอยดูแลแต่ฉันก็ยังอยากที่จะดูแลท่านด้วยตัวของฉันเองเพราะฉันรู้ว่าท่านจะอยู่กับฉันได้อีกไม่นาน
"ขวัญขอบคุณพี่ศึกของคุณอากานขอบคุณอาทัพมากนะคะที่เป็นห่วงขวัญแต่ขวัญเป็นห่วงคุณย่าค่ะขวัญอยากอยู่ดูแลท่านตอนนี้ท่านไม่ค่อยสบายคุณหมอบอกกับขวัญว่าท่านอาจจะอยู่ได้อีกไม่นานขวัญก็เลยอยากดูแลคุณย่าให้ดีที่สุดเท่าที่ขวัญจะทำได้"
"พ่อว่าให้หนูขวัญได้ใช้เวลาตัดสินใจก่อนดีกว่านะตอนนี้เหมือนเรามัดมือชกเหมือนบีบบังคับให้หนูขวัญตัดสินใจ"
"ใช่ค่ะกานก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เอาเป็นว่าขวัญเก็บเอาไปคิดก่อนก็แล้วกันนะลูกว่าจะทำตามที่ตาศึกบอกหรือเปล่า"
"แต่พี่อยากให้ขวัญทำตามที่พี่บอกนะ"
"ขวัญขอบคุณอีกครั้งนะคะแต่ขวัญคงยืนยันคำเดิม"
"โอเคลูกอาไม่บังคับละ แต่ว่าคืนนี้ขวัญต้องนอนค้างที่นี่นะลูกพรุ่งนี้เราจะได้ตื่นกันแต่เช้าไปทำบุญที่วัดขวัญจะได้ไม่ต้องเดินไปเดินกลับ"
"ก็ได้ค่ะ" สุดท้ายฉันก็ต้องนอนที่บ้านอากานตามที่ท่านต้องการ
อากานพาฉันเดินมายังชั้นสองของบ้านซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ขึ้นมาจากนั้นก็พาฉันเข้ามายังห้องนอนที่น่าจะเป็นห้องเอาไว้รับรองแขก
"ขวัญนอนห้องนี้นะลูกส่วนชุดนอนเดี๋ยวอาเอาของอามาให้ใส่ก่อนส่วนชุดไปวัดพรุ่งนี้อาจะให้เด็กที่บ้านวิ่งไปเอามาให้"
"ขอบคุณค่ะ"
"พักผ่อนนะลูกเหนื่อยช่วยอามาทั้งวันแล้ว เห้อเห็นขวัญมานอนที่นี่ทำให้อารู้สึกว่าตัวเองมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนเลย" ฉันส่งยิ้มไปให้อากานเพราะฉันรู้ว่าอากานอยากมีลูกสาวมากแต่ก็ไม่มีท่านชอบพูดกับฉันเสมอว่าฉันเป็นเหมือนลูกสาวของท่าน
สงคราม....
ผมเดินโซออกมาจากผับโดยมีไอ้เป้กับไอ้ต๋องประกบซ้ายขวาเพราะมันกลัวผมจะล้มฟาดลงไปที่พื้น
"มึงเมาแบบนี้จะขับรถกลับยังไงวะให้กูไปส่งมั้ย" พอเดินมาถึงรถพวกมันก็ถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ต้อง กูไม่ได้เมา" ผมบอกพวกมันเพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้เมาขับกลับไหวแต่จริงๆแล้วตาผมเริ่มลายแล้ว
"ไม่เมาเหี้ยไรเดินยังไม่ไหว ไอ้เป้กูว่ากูกับมึงไปส่งมันที่บ้านเหอะว่ะขืนให้มันขับกลับเองคงไม่ถึงบ้าน กุยังอยากไปงานแต่งงานของมันมากกว่าไปงานศพมัน"
"เออกูก็ว่าอย่างนั้นแล่ะ"
"พวกมึงสองคนแช่งกูเหรอวะ" ถึงผมจะกินไปเยอะแต่ผมก็ยังพอมีสติและได้ยินที่พวกมันสองคนคุยกัน
"กูแค่เป็นห่วงมึง ให้พวกกูไปส่งเหอะพวกกูจะได้สบายใจ"
"อืมๆแล้วแต่พวกมึงเลย ดีเหมือนกันกูจะได้นอน" พูดจบผมก็เปิดประตูหลังแล้วเข้าไปนอน
ผมไม่รู้ว่ามาถึงบ้านตั้งแต่ตอนไหนแต่ที่แน่ๆคือผมถูกไอ้เป้กับไอ้ต๋องพยุงเข้ามาในบ้าน
"พอดีไอ้สงครามมันเมามากพวกเราก็เลยมาส่ง" ไอ้เพื่อนสองคนของผมมันกำลังยืนคุยกับใครวะเสียงอ่อนเสียงหวานจนน่าหมั่นไส้จะบอกว่าเป็นแม่ผมก็ไม่น่าจะใช่จะเป็นแม่บ้านก็คงไม่ใช่อีกนั่นแล่ะ
"เอ่อยังไงช่วยพาคุณสงครามขึ้นไปส่งที่ห้องได้ไหมคะคือขวัญ เอ่อคือฉันคงพาเขาขึ้นไปไม่ไหว" ขวัญ??นี่อย่าบอกนะว่าผู้หญิงที่ไอ้สองตัวนี้คุยด้วยคือยัยกาฝากของขวัญ แล้วยัยนั่นมาอยู่ที่บ้านผมได้ยังไงเพราะเวลานี้มันน่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว
"ได้ครับได้ ยังไงคุณขวัญช่วยเดินนำพวกเราขึ้นไปทีพวกเราจำไมไ่ด้ว่าห้องนอนมันอยู่ห้องไหน"
"เอ่อ..."
"ทำไมมีอะไรหรือเปล่าครับ"
"เอ่อ คือฉันไม่รู้ว่าห้องคุณสงครามอยู่ห้องไหนเหมือนกันค่ะ"
"อ่าวแล้วจะเอายังไงดี หรือจะให้มันนอนที่โซฟาข้างล่างนี่"
"อย่าเลยค่ะ ข้างล่างยุงเยอะ ถ้าอย่างนั้นคุณสองคนช่วยพาคุณสงครามไปที่ห้องรับรองแขกก่อนก็ได้ค่ะ"
ผมได้ยินหมดทุกอย่างแต่ก็ไม่หือไม่อืออะไรเพราะอยากรู้ว่ายัยกาฝากนี้จะให้ผมไปนอนห้องไหน แม่งทำตัวเหมือนเจ้าของบ้านเจ้ากี้เจ้าการ
"ให้คุณสงครามนอนห้องนี้ก่อนก็ได้ค่ะ" ผมหรี่ตามองจนเห็นว่าห้องที่ยัยนี่เปิดประตูคือห้องรับรองแขกจากนั้นไอ้เพื่อนผมสองตัวมันก็ลากผมเข้ามานอนบนเตียง แต่แม่งทำไมกลิ่นมันหอมเหมือนแป้งเด็กเลยวะ แต่ช่างแม่งเหอะเพราะตอนนี้ผมง่วงมากจะเดินกลับไปนอนที่ห้องตัวเองก็เดินไม่ไหว
กุก กัก กุก กัก
"อยู่ไหนนะ" เสียงของใครบางคนทำให้ผมต้องขยับเปลือกตาขึ้นเพื่อจะอ้าปากด่าเพราะมันรบกวนการนอนของผมก็เห็นยัยกาฝากกำลังรื้อค้นอะไรบางอย่างในตู้เสื้อผ้า
"เสียงดังทำเหี้ยไรวะคนจะนอน"
"เอ่อ ขอโทษค่ะ" พอถูกผมด่ายัยนั่นก็รีบเดินออกไปจากห้องแต่...
"อย่าเพิ่งไป"
"คะ??"
"ฉันบอกว่าว่าอย่าเพิ่งไป"
"พี่เอ่อคุณสงครามมีอะไรหรือเปล่าคะ"
"เดินมานี่มายืนตรงนี้" ผมชี้ไปที่ปลายเตียงก่อนจะสั่งยัยนี่
"ถอดถุงเท้าให้ฉัน"
"คะ??"
"หูตึงรึไงฉันบอกให้ถอดถุงเท้าให้ฉัน" พูดจบผมก็ยกขาขึ้นวางพาดบนหมอนข้างแล้วกระดิกนิ้วเพื่อให้ยัยนั่นรีบมาถอดให้
กึก กึก กึก ผมลอบมองยัยกาฝากนี้ที่กำลังนั่งอยู่ที่ปลายเท้าและถอดถุงเท้าให้ผมอย่างทุลักทุเลด้วยความพอใจที่ได้แกล้งแต่พอเห็นหน้ายัยนี่ผมก็พาลนึกถึงพี่สาวต่างแม่ของเธอนั่นก็คือเอมอร ก่อนจะคิดถึงเรื่องที่เพิ่งได้ยินมา รู้ไหมว่าหลังจากที่ผมได้ยินในสิ่งที่ไอ้ผู้ชายคนนั้นพูดผมไม่ยอมทิ้งความสงสัยเอาไว้ผมต้องการความกระจ่างว่าผู้หญิงที่ชื่อเอมอรที่มันพูดถึงจะใช่คนเดียวกับเอมอรที่เป็นคู่หมั้นของผมหรือเปล่าผมจึงให้ไอ้เป้ไปลากคอไอ้ผู้ชายคนนั้นมาคุยที่โต๊ะแล้วมันก็มีสิ่งยืนยันหลายอย่างว่าคนเดียวกันเพราะไอ้ผู้ชายคนนั้นมีทั้งเบอร์ติดต่อมีทั้งไลน์มีทั้งรูปถ่ายของเอมอรในอิริยาบถต่างๆรวมถึงรูปถ่ายบนเตียงที่นอนกอดกันกับไอ้ผู้ชายคนนี้ เอมคงคิดว่าผมโง่มากสินะแต่คนอย่างผมจะไม่มีทางโง่ไปตลอดหรอกผมจะต้องเอาคืนให้สาสมแล้วจู่ๆความคิดด้านเลวๆของผมก็เริ่มทำงาน
ผมรู้ว่าเอมเกลียดยัยของขวัญนี่ยิ่งกว่าอะไร หึผมคิดออกแล้วว่าจะต้องทำยังไงให้เอมอรรู้สำนึกรู้สึกเจ็บที่กล้าทำแบบนี้กับคนอย่างผม