11 เป็นของพี่นะครับ
สงคราม...
ผมกลับมาที่ห้องของตัวเองแล้วล้มตัวลงนอนเพราะตอนนี้ง่วงหนักมากมึนๆหัวด้วย แต่ยังไม่ทันจะหลับตานอนก็มีสายโทรเข้ามา ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับคู่หมั้นของผมเองไม่รู้จะโทรมาทำไม ผมดูเวลาตอนนี้เกือบตีสี่แล้วซึ่งที่เกาหลีคงน่าจะหกโมงเช้าแล้วผมถอนหายใจก่อนจะทำใจก่อนกดรับ
"พี่ครามคะ"
"ว่าไงเอม" ผมถามกลับไปอย่างเซ็งๆเพราะไม่อยากคุย
"ทำไมพี่ทำเสียงไม่ค่อยโอเคเลยคะหรือว่าเอมโทรมารบกวนพี่"
"ก็ตอนนี้มันกี่โมงเอมไม่ดูเวลาเลยหรือไง"
"ขอโทษค่ะ คือเอมกำลังจะบอกข่าวดีพี่"
"ข่าวดี??ข่าวดีอะไร"
"เอมจะกลับไทยมะรืนนี้แล้วนะคะ เอมคิดถึงพี่ครามแล้วก็รู้ว่าพี่ครามคิดถึงเอมด้วยเหมือนกัน เอมรู้สึกไม่ดีเลยอ่ะค่ะที่ไม่ได้ไปรับพี่ที่สนามบินวันนี้เอมก็เลยขอแม่กลับก่อน"
"ไหนบอกกลับอาทิตย์หน้า แล้วธุระล่ะเสร็จแล้ว??" ผมพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้แค่ได้ยินได้ฟังเสียงของเอมอรผมก็ยิ่งเกลียดไม่อยากได้ยินไม่อยากเห็นหน้า
"ธุระ?? อ่อสะเสร็จแล้วค่ะ"
"เรียบร้อยดีใช่ไหมธุระที่เอมรีบไปทำที่เกาหลี" อันที่จริงผมอยากจะถามว่าที่รีบไปทำแท้งไกลถึงเกาหลีเรียบร้อยดีใช่ไหมแต่ยั้งปากเอาไว้ได้ก่อน
"ค่ะ"
"ที่โทรหาพี่มีแค่นี้ใช่ไหมที่จะบอกพี่ง่วงจะนอนต่อ"
"ค่ะ แต่มีอีกเรื่องนึงไว้กลับไปเราค่อยคุยกันนะคะรับรองพี่ต้องดีใจอีกแน่ๆ"
"เรื่องอะไร"
"ไม่บอกค่ะไว้กลับไปก่อนดีกว่าเอมเชื่อว่าพี่ต้องดีใจยิ่งกว่ารู้ว่าเอมจะรีบกลับไปหาพี่"
"เรื่องอะไรก็บอกมาเลย เอมก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบอะไรที่มันคาราคาซังจะบอกก็บอกถ้าไม่บอกก็ไม่ต้องบอกแค่นี้นะ" ผมกำลังจะกดวางสายด้วยความหงุดหงิดแต่เสียงของเอมอรดังขึ้นมาในสาย
"เดี๋ยวค่ะพี่ครามอย่าเพิ่งวาง"
"ถ้ายังไม่ให้วางก็บอกมาว่าเรื่องอะไร"
"เอม คิดว่าเราควรจะแต่งงานกันได้แล้วคือพี่ก็เรียนจบแล้วแล้วเอมก็เรียนจบแล้วเอมรอพี่มานานหลายปีเอมว่ามันควรถึงเวลาแล้วที่เราต้องแต่งงานกันสักที"
"เหมือนเอมรีบนะ"
"ก็ไม่ได้รีบนี่คะ คือเอมรักพี่รอพี่มานานหลายปีแล้วพอพี่กลับมาเอมก็อยากดูแลพี่อยากอยู่กับพี่ทุกๆวัน" หึรักพี่รอพี่มานานปลายปีอย่างนั้นเหรอ แม่งโคตรตอแหลโกหกทั้งนั้น ผมอยากพูดออกไปแบบนี้แต่ต้องเงียบไว้ผมคิดว่าเอาไว้พูดต่อหน้าน่าะสะใจกว่า
"เอางั้นเหรอ"
"ค่ะ พี่ครามว่าไงคะโอเคมั้ย"
"เอมว่าไงพี่ก็ว่างั้นแล่ะเอาที่เอมสบายใจละกันอยากทำอะไรก็ทำ"
"พี่ครามยังน่ารักตามใจเอมเหมือนเดิมเลย แบบนี้จะไม่ให้เอมรักพี่ได้ยังไงคะไว้เอมกลับไปเราไปดูฤกษ์ไปเลือกแหวนเลือกชุดเลือกบริษัทออแกไนซ์จัดงานแต่งกันนะคะ"
"อืม" ผมโยนมือถือลงกลางเตียงก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ
ของขวัญ....
หลังจากออกมาจากห้องคุณสงครามฉันก็มาทำอาหารที่ห้องครัวเพราะฉันคงนอนไม่หลับ ฉันเผลอเอามือแตะปากตัวเองที่ถูกเขาขโมยจูบก่อนหน้านี้ ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงจูบฉันทั้งที่เขาเกลยดฉันยังกับอะไรไหนจะให้ฉันเรียกเขาว่าพี่อีก ยิ่งสายตาของเขาที่มองมันทำให้ฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
"ขวัญทำไมตื่นเช้าจังเลยลูกนี่เพิ่งตีห้าเองนะ"
"อากาน!!" ฉันตกใจเมื่อได้ยินเสียงอากานจากทางด้านหลัง
"เป็นอะไรทำไมหน้าแดงแบบนี้ลูก ร้อนเหรอหรือไม่สบาย" อากานเดินมาเอามือแตะหน้าผากฉัน
"ก็ไม่ร้อนนี่นาทำไมหน้าแดงหูแดงขนาดนี้ลูก"
"ปะ ปล่าค่ะขวัญไม่ได้เป็นอะไร ว่าแต่ทำไมคุณอาถึงตื่นเช่าจังเลยคะเพื่งตีห้าเอง" ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
"ว่าแต่อาตื่นเช้าเราเองก็ตื่นเช้ายิ่งกว่าอาอีก คืออาเป็นห่วงตาสงครามน่ะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าออกไปเที่ยวข้างนอกไม่รู้กลับมาหรือก็เลยลุกขึ้นมาเปิดกล้องวงจรปิดดูเห็นรถจอดอยู่ก็เบาใจ แต่จะให้กลับไปนอนต่อก็คงนอนไม่หลับอาก็เลยกะว่าจะมาทำอะไรในครับเพื่อฆ่าเวลาแต่พอดีเห็นเราอยู่ในครัว ว่าแต่ขวัญกำลังทำอะไรอยู่จ๊ะหอมมากเลย"
"ขวัญกำลังทำไข่พะโล้ค่ะเห็นมีไข่อยู่ในตู้หลายฟอง"
"อื้มมม ขอบใจนะลูก ว่าแต่ทำเยอะมั้ย"
"ก็เยอะค่ะเผื่อเป็นอาหารเช้าด้วย"
"ดีลูกเพราะไข่พะโล้ของโปรดตาสงครามเลย" พอได้ยินชื่อเขาฉันก็รับหันกลับมาทำอาหารหน้าเตาต่อ คือตอนนี้แค่ได้ยินชื่อของคุณสงครามใจฉันก็เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว ไม่นะฉันต้องห้ามเป็นแบบนี้เขาเป็นใครฉันเป็นใครห้ามหวั่นไหวกับเขาเด็ดขาดแค่เขาจูบแค่นี้อย่าคิดอะไรเกินเลยเป็นอันขาดและที่สำคัญไปกว่านั้นเขาเป็นคู่หมั้นคุณเอมอรพี่สาวของฉันอีก ฉันคงต้องอยู่ห่างเขาไว้
หลังจากที่ฉันกับอากานและแม่บ้านอีกสองคนช่วยกันทำอาหารเพื่อนำไปทำบุญที่วัดเสร็จอากานก็ไล่ให้ฉันขึ้นมาอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปวัด โดยที่อากานให้แม่บ้านไปเอาชุดของฉันจากบ้านมาให้แล้ว ฉันยืนอยู่หน้าประตูห้องแต่ไม่กล้าเข้าไปเพราะคิดว่าคุณสงครามน่าจะยังนอนอยู่ข้างในยังไม่น่าจะตื่น แล้วฉันจะทำยังไงดี
"อ้าวขวัญยืนทำอะไรหน้าประตู"
"พี่ศึก" เป็นพี่ชนะศึกที่เดินออกมาจากห้องนอนของเขาซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
"เอ่อ ขวัญเพิ่งไปทำอาหารเช้ามากำลังจะขึ้นมาอาบน้ำค่ะ"
"อื้ม ถ้างั้นพี่ลงไปรอข้างล่างนะเสร็จแล้วรีบลงไปล่ะ"
"ค่ะพี่ศึก"
หลังจากพี่ชนะศึกเดินลงบันไดไปแล้วฉันก็ค่อยๆเปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆและเบาที่สุด แต่พอเดินเข้ามาปรากฏว่าเขาไม่อยู่บนเตียงแล้ว เขาคงจะกลับห้องของเขาไปแล้วแน่ๆ ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะรีบปิดประตูแล้วพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำ
ระหว่างที่ฉันกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ
แกร๊ก แอร๊ดดด แกร๊ก เสียงเปิดปิดประตู??
ฉันรีบเอาผ้าเช็ดตัวพันรอบตัวแล้วยื่นหน้าออกไปดูที่หน้าประตูและมองไปรอบๆห้องแต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ สงสัยฉันจะหูฝาดไปเอง ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินไปที่เตียงทีมีชุดของฉันพาดอยู่ แต่....
หมับ!!! เสียงกอด
ฟอด ฟอด "หอมจังเลยครับ" ฉันหันหลังไปดูด้วยความตกใจ คือฉันจำเสียงของเขาได้ปรากฏว่าเป็นคุณสงครามจริงๆที่ฉันไม่รู้ว่าเขาเข้ามาในห้องตอนไหน หรือจะเป็นเสียงเปิดปิดประตูเมื่อครู่ แต่เมื่อกี้ฉันส่องดูทั่วห้องแล้วทำไมไม่เห็นเขาเลย
"ปล่อยขวัญนะ" ฉันพยายามดึงแขนของเขาที่โอบเอวฉันเอวไว้แน่นแต่ยิ่งดึงเขาก็ยิ่งกอดรัดแน่นกว่าเดิม
"ไม่อยากปล่อยเลยพี่อยากกอดขวัญเอาไว้แบบนี้นานๆเลย"
"พี่ไม่ควรทำแบบนี้กับขวัญนะคะ"
"ทำไมจะทำไม่ได้ในเมื่อพี่...ชอบขวัญ ชอบมานานแล้ว"
"........." เขาพูดว่าไงนะ ฉันหูฝาดฟังผิดใช่ไหม
"พี่อาจจะเคยแกล้งขวัญทำเหมือนเกลียดขี้หน้าขวัญแต่จริงๆแล้วพี่ชอบขวัญแต่พี่ไม่กล้าบอกเพราะพี่กล้วว่าขวัญจะถูกเอมอรกลั่นแกล้งเพราะเอมหวงพี่มากพี่ก็เลยต้องแกล้งทำเป็นโกรธเกลียดขวัญต่อหน้าเอมอรและทุกคน พี่ขอโทษนะครับที่เคยแกล้งขวัญตั้งแต่เด็ก"
"พี่คราม"
"พี่ดีใจจังที่ขวัญเรียกพี่แบบนี้ ขวัญจ๋าาา พี่อยากให้ขวัญเป็นของพี่ พี่สัญญาว่าจะรับผิดชอบแต่งงานกับขวัญ"
"ไม่ได้..อื้ออออออ" ฉันกำลังจะบอกกับเขาว่าไม่ได้ฉันไม่ยอมให้เขาทำแบบนั้นกับฉัน ฉันไม่อยากเป็นคนเนรคุณทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าคุณสงครามกับคุณเอมอรซึ่งเธอมีศักดิ์เป็นพี่สาวของฉันเป็นคู่หมั้นกันและมีแพลนจะแต่งงานกัน
จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ เขาจูบอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวลฉันจนฉันแข้งขาอ่อนไปหมดไม่มีแรงที่จะผลักไสเขาออก ในขณะที่ฉันกำลังจะขาดอากาศหายใจเพราะฤทธิ์จูบของเขาจู่ๆผ้าเช็ดตัวที่ฉันใช้พันตัวออกมาจากห้องน้ำก็ถูกเขาดึงจนหลุกร่วงลงไปกองที่พื้น