9 งานแรก
“หึ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน จะมีแม่คนไหนจะทนอยู่เฉยได้”
“ถ้าลูกตัวเองเจ็บปวดจน ทนทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น…”
“คุณมีธุระกับฉันเท่านี้ใช่ไหม ฉันจะได้ไป” มือบางยกขึ้นปาดน้ำตา
ก่อนจะขอตัวออกไป
“เดี๋ยว”
“กลับมา ถ้าเธอเดินออกไปจากห้องน้ำแม้แต่ก้าวเดียว เธอจะต้องเสียใจ”
“…” หญิงสาวไม่ฟังในสิ่งที่เขาพูด ขาเรียวก้าวเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ในเมื่อยังไงซะเขาก็จะทำให้เธอต้องเจ็บอยู่แล้ว จะเดินออกไป หรืออยู่ต่อก็คงมีค่าไม่ต่างกันมากเท่าไหร่
“หึ เธอเลือกเองนะ”
...
“แฮ่ก แฮ่ก พี่ ขวัญคะ คุณวินท์ คุณวินท์ โมโหมากเลยค่ะ”
“ที่ แฮ่ก ไม่เห็นพี่ขวัญทำงาน แฮ่ก อยู่ที่ไร่” นิราพรวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกพี่สาวของเธอ เธอกำลังจะเดินทางไปเรียนแต่ถูกลุงโทรมาเบรกไวเสียก่อน ว่าให้รีบพาคุณขวัญไปที่ไร่ ด่วน!
“ใจเย็นๆ ก่อนองุ่น ค่อยๆ พูด” ขวัญข้าวที่กำลังช่วยป้ารุ้งเก็บกวาดครัวอยู่เอ่ยบอกเด็กสาวที่ยืนหอบแฮ่กๆ อยู่ใกล้ๆ
“นั่นสิองุ่น ป้าก็ฟังแกพูดไม่รู้เรื่องเหมือนกัน”
“งั้นก็อย่าพึ่งรู้เรื่องเลย แฮ่ก พี่ขวัญไปกับองุ่นก่อนค่ะ ก่อนที่ระเบิดลูกใหญ่จะลง”
“ไปค่ะ” มือน้อยๆ กึ่งลากจึงจูงพี่สาวคนสวยให้ไปกับเธอ ขวัญข้าวเองก็ยอมให้เด็กสาวจูงมือเธอไปโดยง่ายอีกฝ่ายคงมีเรื่องเร่งด่วนจริงๆ ถึงได้รีบมาตามเธอไปแบบนี้
“เกาะแน่นๆ นะคะพี่ขวัญ” ขาเตรียมถีบจักรยานพร้อมออกตัวแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปบอกคนข้างหลัง
“องุ่นจะพาพี่ไปไหนหรอ” หลังจากซ้อนท้ายจักรยานเด็กสาวมาได้สักพัก ขวัญข้าวจึงเอ่ยถามขึ้น เพราะเธอไม่เคยเดินทางไปไหนมาไหนภายในไร่มาก่อน จึงไม่รู้ว่าทางที่เด็กสาวพาเธอมานั้นไปที่ไหน
“ไปหาคุณวินท์ค่ะ ลุงบอกว่าคุณวินท์รอคุณขวัญอยู่ที่โรงคัดแยกองุ่น”
“และตอนนี้คุณวินท์กำลังโมโหมากๆ ด้วย องุ่นเลยต้องรีบมาตามพี่ขวัญ”
ขวัญข้าวพยักหน้ารับรู้นี่คงจะเป็นการทรมานแรกของเขาสินะ ให้เธอทำงานหนัก แล้วเขาจะได้รู้ว่าขวัญข้าวคนนี้อึดและทนมากแค่ไหน!
“ถึงแล้วค่ะ คุณวินท์น่าจะอยู่ตรงนั้น” นิ้วเรียวชี้ไปยังกลุ่มคนที่คุยกันอยู่ไม่ไกลมากนัก
“พี่ขวัญเดินไปได้ไหมคะ พอดีองุ่นมีคลาสเรียนตอนบ่าย นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว คลาสนี้องุ่นไปสายไปได้จริงๆ” เธอต้องออกไปรอรถที่หน้าไร่ แม้ว่าตัวไร่กับตัวจังหวัดจะห่างไกลกันอยู่มาก แต่ตัวไร่กับมหาวิทยาลัยใช่เวลาเดินทางไม่นาน เพียงแค่นั่งรถประจำทางที่เป็นทางผ่านเข้าตัวจังหวัด และลงสถานีก่อนถึงตัวจังหวัดเพื่อต่อรถไปยังมหาวิทยาลัย เวลาที่เธอใช้เดินทางปกติแล้วประมาณ 15 นาที ดีหน่อยที่เมื่อครู่เธอเผื่อเวลาออกมา ทำให้ตอนไปส่งพี่ขวัญของเธอยังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้าง แต่ถ้าเธอคลาดรถเที่ยว 12:30 ที่จะผ่านไร่ล่ะก็ จบกัน
“ได้จ้ะ องุ่นรีบไปเถอะ :) ”
“ขอบคุณนะคะ พี่ขวัญก็สู้ๆ นะคะ :) ” ส่งยิ้มให้กำลังพี่สาวคนสวยแล้ว
ก็รีบซิ่งจักรยานออกไปทันที ขวัญข้าวได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความน่ารักของเด็กสาว
มีสาวสวยระดับนางแบบเดินเข้ามาในโรงคัดแยกองุ่น แน่นอนว่าทุกคนต้องเหลียวมอง แม้จะอยู่ในชุดเสื้อผ้าเก่าๆ ใบหน้าไร้การแต่งแต้มแต่ความสวยของเธอแม้จะไร้การปรุงแต่งใดๆ ก็สามารถสะกดสายตาคนงานนับร้อยทั้งชายและหญิงที่กำลังทำงานกันอยู่ จนเจ้าของไร่หนุ่มที่เผอิญมองมาเห็นเหตุการณ์ขึ้นพอดีนั้นต้องกระแอมขึ้นเบาๆ
“แฮะ แฮ่ม ทำงาน!” เสียงอันทรงพลังเอ่ยสั่งลูกนอกในทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ก่อนจะบังคับรถเข็นไฟฟ้ามาหาหญิงสาวตัวปัญหาที่ทำให้คนงานในไร่เขาหยุดทำงานกันกะทันหัน
“หึ ออกจากห้องวันแรกก็ออกฤทธิ์แล้วหรอ”
“เก็บนอให้มันดีๆ หน่อย นี่ไร่ฉันนะ ไม่ใช่ซ่อง”
“นี่คุณ มันจะมากไปแล้วนะ ฉันก็อยู่ของฉันดีๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าคุณมีตาคุณก็น่าจะเห็น ว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันก็เดินมาของฉันเฉยๆ” เธอว่าเขากลับคืน
“มันก็ช่วยไม่ได้ที่ฉันหน้าตาดี” รอยยิ้มยียวนถูกส่งไปให้เขา
“เหอะ แต่ความหน้าตาดีของเธอมันไม่ทำให้เธอสบายขึ้นหรอกนะ ถ้าจะมาอยู่ที่นี่”
“ไม่แน่…มันอาจจะสร้างความลำบากให้เธอก็ได้” สายตาคมไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม เล่นเอาคนมองรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เลยทีเดียว
“อย่ามาทำสายตาน่าเกลียดแบบนี้กับฉันนะ” แขนเรียวยกขึ้นป้องอกเอาไว้ ก่อนจะแห้วใส่เขากลับอย่างไม่เกรงกลัว
“หึ”
“ตามฉันมา” ชายหนุ่มในรถเข็นเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเพื่อพาเธอไปดูเหล่าคนงานของเขาคัดองุ่น คนงานทั้งหญิงและชายกำลังยืนคัดแยกองุ่นโดยคัดเอาผลที่เสียออก หรือผลที่ไม่ได้ได้มาตรฐานของเกณฑ์ในการทำไวน์คุณภาพดีของโรงงานผลิตไวน์ของเขา รวมถึงคัดเอาเถาและใบที่ติดมาออกไปได้ เพื่อให้ไวน์ที่มีคุณภาพดีที่สุดทุกขั้นตอนนั้นต้องทำอย่างพิถีพิถัน คนงานทุกคนล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ หากเป็นคนงานที่เข้ามาใหม่ก็จะต้องได้รับการฝึกอบรมเป็นอย่างดีก่อนเพื่อที่จะลงสนามจริง
“คุณจะให้ฉันทำหรอคะ?” เธอเอ่ยปากถามเขาหลังจากที่เดินตามเขามาได้สักพัก เขาพาเธอเดินดูนู่นนี่แต่ไม่ยอมพูดกับเธอเลยสักคำ
“ฉลาดดีนี่”
“วันนี้ฉันจะให้เธอคัดแยกองุ่นแค่ยี่สิบตะกร้าก็พอ จากนั้นก็ไปพักได้”
“และคนอื่นก็ห้ามช่วย!!” เขาพูดออกมาเสียงเรียบ แต่คนงานที่อยู่บริเวณนั้นได้แต่มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี พวกเขาที่มีความชำนาญ ยี่สิบตะกร้าก็ถือว่าเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แล้วผู้หญิงคนนี้ที่ดูท่าแล้วน่าจะไม่เคยทำ แถมยังดูอ่อนโยนเกินกว่าจะทำงานหนักแบบนี้ ได้แต่พากันสวดมนต์ให้เธอในใจ ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปช่วยหรือทักท้วง หากนายหัวหนุ่มของพวกเขาของขึ้นขึ้นมาอีกรอบ ดีไม่ดีจะซวยกันไปทั้งหมด จึงได้แต่สงบปากสงบคำตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง หากหญิงสาวเอ่ยถามพวกเขาก็ตอบและให้คำแนะนำบ้างว่าจะต้องทำอย่างไร
“ลูกแบบนี้ใช่ไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยคนถามพี่คนงานชายที่ยืนคัดแยกองุ่นอยู่ข้างๆ เธอ
“ไม่ครับ…” ยังไม่ทันที่เขาจะอธิบายต่อก็มีเสียงเข้มดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ผลต้องเต่งตึง เนื้อแน่นไม่ช้ำ ถ้ามีจุดด่าง ก็คัดออก” ได้ยินเสียงเข้มของเขาบอกแล้ว ปากเล็กก็ขมุบขมิบล้อเลียนคำพูดของเขา ก่อนจะลงมือก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ พอดีอันที่เธอไม่แน่ใจเธอชูพวงองุ่นทั้งพวงหันไปถามเขาที่ยังนั่งอยู่บนรถเข็นใกล้ๆ ไม่ไปไหน ด้านชายหนุ่มเจ้าของไร่เองก็ดูนั่งดูเธอทำงานไม่ไปไหน รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เธอดูตั้งใจทำงานไม่ได้รังเกียจที่จะทำหรือมีท่าทีโวยวายกับงานที่เขามอบให้เลยแม้แต่น้อย แถมจะดูสนุกกับงานที่ทำเสียอีก ยืนส่งยิ้มไปให้เหล่าคนงานอย่างมีความสุขบ้างก็คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมเมื่อตัดสินใจไม่ได้ว่าลูกองุ่นนี้ต้องคัดออกไหม จนเขาอดไม่ได้ที่ต้องเอ่ยบอก
“ลูกนั้นใช้ได้” สายตาจับจ้องมองอดีตนางแบบสาวสวยทำงาน แต่ก็ไม่วายส่งสายตาไปให้เหล่าคนงานชายที่คอยลอบมองเธออยู่ ทุกคนจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป ไม่กล้ามองคนของเจ้านายอีก
...
“นี่ยัยเตี้ย จะไปไหน!” กรวีร์จอดรถเปิดกระจกถามหญิงสาวจอมแก่นที่มักมีปากมีเสียงกับเขาเสมอทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
“อิตาหมอบ้า หลีกไปนะ คนยิ่งรีบๆ อยู่” รถเฟอจูนเนอร์สีขาวจอดขวางทางจักรยานเธอจนไม่สามารถที่จะปั่นไปต่อได้
“นี่บอกให้หลีกไปไง! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง” พูดครั้งหนึ่งแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอมขยับรถออกไป จึงทิ้งจักรยาน ก้าวดุ่มๆ เข้ามาหาคนบนรถที่เลื่อนกระจกไว้อยู่อย่างเอาเรื่อง
“ก็บอกฉันมาก่อนสิว่ากำลังจะไปไหน!!”
“นี่ ตาบอดรึไง ก็เห็นๆ อยู่ว่าฉันใส่ชุดอะไร คงจะไปเดินตลาดมั้ง”
“วันนี้ฉันไม่มีเวลามาทะเลาะกับคุณหรอกนะ ขยับรถออกไปได้แล้ว”
“ไม่ขยับ…จะทำไม” เขาพูด พร้อมส่งสีหน้ายียวนกวนเบื้องล่างให้เด็กสาวตรงหน้า ที่ตอนนี้เริ่มโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง ไม่ใช่เด็กน้อยเนื้อตัวมอมแมมในวันวานอีกแล้ว
ผลัก ปึง
“ไม่ขยับงั้นก็ไปส่งฉันแล้วกัน” ขาเรียวเดินอ้อมไปอีกฝั่งก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถของเขาอย่างถือวิสาสะ ในเมื่อไม่ยอมขยับก็ต้องรับผิดชอบที่ทำให้เธออาจพลาดเที่ยวรถ และไปมหาวิทยาลัยไม่ทัน
“ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย ลงไป”
“ฉันไม่ใช่สารถีขับรถให้เธอนะ ฉันต้องไปตรวจคุณขวัญ แล้วก็ดูอาการไอวินท์”
“ลงไป”
“ไม่” มือบางดึงเอาเข็มขัดมาคาดก่อนจะเกาะสายรัดไว้แน่น เธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าอิตาหมอบ้านี่จะยอมไปส่งเธอ เธอจะสายคลาสนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“นี่ยัยเตี้ย ลงไป”
“นะคะพี่หมอขาาา ไปส่งองุ่นทีนะคะ องุ่นสายคลาสนี้ไม่ได้จริงๆ อาจารย์เอาองุ่นตายแน่” สองมือยกขึ้นไหว ส่งสายตาปริบๆ ให้เขา เสียงหวานเอ่ยอ้อนวอนเขาอย่างสุดความสามารถ แม้จะรู้สึกกระดากปากไปบ้าง
แต่ตอนนี้มันจำเป็นจริงๆ อะไรที่ทำได้เธอต้องยอมทำไปก่อน แม้เขาจะเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้เธอจะไปสายก็เถอะ แต่ตอนนี้เหลือเพียงเขาเท่านั้นที่จะช่วยเธอได้