10 คนขี้แพ้
“นะคะพี่หมอขาาา ไปส่งองุ่นทีนะคะ องุ่นสายคลาสนี้ไม่ได้จริงๆ อาจารย์เอาองุ่นตายแน่”
“ยัยเด็กบ้า พูดบ้าอะไรของเธอเนี่ย” คนพูดยังกระดากปาก คนฟังอย่างเขาถึงกับใจเต้นรัว ใบหน้าหล่อสะบัดไปมาเพื่อเรียกสติหลังจากรู้สึกแปลกกับเสียงหวานๆ ของยัยเด็กเตี้ยที่นั่งข้างคนขับ
“แล้วจะไปส่งฉันไหม!…ถ้าไม่ไปส่งฉันจะไปเอง!” มือทำท่าทางจะปลดเข็มขัดและเปิดประตูออก แสดงให้เขารู้ว่าเธอจะไปจริง ไม่อยู่ขอร้องอ้อนวอนเขาต่ออีก
ทางด้านคุณหมอหนุ่มที่ถูกถามเขาเลือกที่จะไม่ตอบ แต่กลับขับรถออกไปก่อนจะหาที่กลับรถออกจากไร่ ไปส่งหญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ
“ไปส่งฉันแต่แรกก็สิ้นเรื่อง”
“พูดมาก”
“ก็ใครใช้ให้คุณมาจอดขวางทางฉันล่ะ”
“ก็มาส่งแล้วนี่ไง”
Rrrrr Rrrrr
“ฮัลโหล องุ่นจะถึงแล้ว”
“เมฆรอองุ่นตรงม้านั่งใต้ตึกคณะก็ได้”
“อีกห้านาที ตอนนี้ติดไฟแดงอยู่”
“โอเค ไว้เจอกัน”
“แฟนหรอยัยเตี้ย” เสียงเข้มถามขึ้นหลังจากที่เด็กสาววางสายไปแล้ว
“ยุ่ง”
“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดมีแฟน ฉันจะฟ้องป้าเธอ”
“จะรอให้ฉันโตจนทำงานแบบหมอแล้วไม่มีแฟนหรอ”
“นี่!!”
“เหอะ สนใจเรื่องของตัวเองเถอะ จะขึ้นคานไม่รู้ตัว” เธอตอกเขากลับอยากเจ็บแสบ
“ลงไปได้แล้ว” รถหรูสีขาวจอดอยู่หน้ามหาวิทยาลัยของเด็กสาว ก่อนที่คนขับจะไล่ให้เธอลงไป
“ไปส่งฉันหน้าตึกคณะ”
“ฉันส่งแค่นี้” หนอยยัยเด็กบ้านี่มาว่าเขาจะขึ้นคานแล้วยังมีหน้ามาให้เขาไปส่งอีก
“เร็วสิหมอ อีกห้านาทีจะเริ่มคลาสแล้ว ถ้าฉันวิ่งไปมันไม่ทันแน่ มอ ออกตั้งกว้าง”
“นะหมอนะ ไหนๆ ก็มาส่งแล้ว ส่งให้ถึงที่ไม่ได้หรอ นะ นะ นะ” มือบางยกขึ้นเกาะแขนคุณหมอหนุ่มเขย่าเบาๆ ก่อนจะส่งสายตาอ้อนวอนไปให้
“เธอนี่มัน!”
“อย่าไปทำหน้าตาแบบนี้กับผู้ชายคนไหนอีก”
“ห้ะ?”
“…” คุณหมอหนุ่มไม่ตอบอะไร เขาขับรถเข้าไปยังมหาวิทยาลัยของเธอก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“ให้ไปส่งตึกไหน”
“ตรงไปอีกสองตึก เลี้ยวขวาก็ถึงแล้วค่ะ”
“พูดเพราะๆ ก็เป็นหนิ”
“ชิห์” คนถูกคู่กัดตลอดกาลแซวก็ได้แต่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“คนอุตส่าห์มาส่งจะไม่ขอบคุณกันเลยหรือไง” รถคันหรูจอดสนิทอยู่หน้าตึกคณะที่หญิงสาวข้างกายบอก แต่เธอกลับกำลังจะเปิดประตูลงไปโดยไม่ขอบคุณเขาสักคำ คุณหมอหนุ่มจึงเอ่ยทวง
“ไม่ แบร่ : P อิตาหมอบ้า” แลบลิ้นปริ้นตาใส่เขาก่อนจะรีบวิ่งลงจากรถไป วิ่งไปได้สักพักก็หันกลับมาแลบลิ้นให้เขาอีกรอบ ก่อนที่เพื่อนหนุ่มของเธอจะเดินมาหาจึงหยุดการกระทำลง
“ยัย… หึ่ย”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“มีแฟนทั้งที ก็หาให้มันหล่อกว่าฉันก็ไม่ได้” สายตาคมจับจ้องไปที่หญิงสาวที่พึ่งลงจากรถเขาไป กำลังยืนคุยอยู่กับนักศึกษาชายที่คาดว่าน่าจะเป็นคนในสาย ก่อนจะพากันเดินขึ้นอาคารไป
…
“คุณขวัญครับ ผมว่าพอแค่นี้ก่อนเถอะครับ พึ่งได้สิบตะกร้าเอง นี่ก็เริ่มจะค่ำแล้วคนงานทุกคนกำลังทยอยกลับ ถ้าคุณขวัญยังอยู่ที่นี่ต่อจะมีแค่คุณขวัญคนเดียวนะครับ” คนงานชายที่ทำงานอยู่ข้างๆ ขวัญข้าวเอ่ยบอก แม้ว่าจะกลัวเจ้านายโมโหที่ขัดคำสั่งพาหญิงสาวตรงหน้ากลับทั้งที่ยังไม่ครบ แต่ถ้าขืนให้เธอทำต่อไปคาดว่าเที่ยงคืนถึงจะเสร็จ อีกทั้งยังจะไม่มีคนอยู่บริเวณนี้ด้วย นอกจากเวรยามที่เดินตรวจไปมา ส่วนพวกเขาที่คัดองุ่นบางส่วนตอนเย็นๆ
ก็จะออกไปเก็บองุ่นกันต่ออีก หลังจากกินข้าว พักผ่อน จนหายเหนื่อย
“แกจะไปสนใจทำไมไอสองก็แค่นางแบบตกอับ”
“พวกเรามาดูสิ นี่อดีตนางแบบดังเลยนะโว้ย ดู้ดู ตกอับจนต้องมาทำงานอยู่ที่ไร่ คงจะถูกเมียหลวงเขาตามเล่นงานละสิท่าถึงได้หนีหัวซุกหัวซุนมาอยู่ที่นี่”
“นี่คงคิดจะจับคุณวินท์อีกคนน่ะสิ”
เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับเหล่าคนงานมากมายที่เดินเข้ามาตามเสียงเรียก
“นี่ได้ข่าวว่าใช้อย่างอื่นนอกเหนือความสามารถให้ได้งานด้วยนะ”
“ใช่ขวัญข้าว อดีตนางแบบไหม ที่เป็นข่าวหลายเดือนก่อน”
“ใช่ๆ ฉันว่าใช่นะ" โทรศัพท์ถูกหยิบขึ้นมาค้นหาชื่อนางแบบสาว"ขวัญข้าว” ก่อนจะนำรูปไปเปรียบเทียบกับหญิงสาวตรงหน้า
“ถึงขั้นไปนอนกับคนนั้นคนนี้เพื่อให้ได้เป็นพรีเซนเตอร์ก็มี”
“หน้าไม่อาย ไม่คิดว่าจะทำเรื่องแบบนี้”
“สวยซะป่าว”
“นี่ก็ไม่รู้ว่าคุณวินท์รับเข้ามาทำงานได้ไง”
“นังหน้าด่าน!!”
ฤดีที่เป็นคนเอ่ยทักนางแบบสาวเป็นคนแรก ถอดถุงมือที่ต้องสวมใส่ระหว่างทำงานออกก่อนจะปาเข้าใส่ขวัญข้าวที่ยืนกำมือแน่นอยู่ท่ามกลางวงล้อมของคนงาน นัยน์ตาแดงก่ำ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เมื่อไหร่เธอจะหลุดผลจากข้อกล่าวหาบ้าๆ นี่สักที ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้น แต่กลับไม่สามารถที่จะปฏิเสธอะไรได้เลย การที่เธอพูดไปมันก็เหมือนกับการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เพราะภาพและหลักฐานต่างๆ ในข่าวมันชัดเจนรัดกุม เหมือนกับว่าอีกฝ่ายเตรียมตัวมาอย่างดีในการใส่ร้ายเธอครั้งนี้
พรึบ พรึบ
พอมีหนึ่งคนโยนของใส่เธอคนอื่นๆ ก็เริ่มที่จะทำบ้าง อาจจะเป็นเพราะไม่ชอบเธอ หมั่นไส้ในความสวย หรืออะไรก็ตามแต่ ถุงมือนับสิบถูกปามาที่เธออย่างเต็มแรง
“ทุกคนจะยอมให้ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่หรอ”
“เราต้องไล่มันออกไป ถ้ามันอยู่ดีไม่ดีอาจจะทำให้ไร่เราเสียชื่อเสียงก็ได้”
“หรือไม่แน่มันอาจจะมาอ่อยนายหัวของเรา”
“เราจะยอมให้มันเป็นแบบนั้นหรอ”
“ออกไป”
“ออกไป”
พรึบ พรึบ
จากตอนแรกที่เป็นถุงมือที่ถูกปาเข้าใส่นางแบบสาว แต่ตอนนี้ของที่อยู่ใกล้ๆ มือก็ถูกเขวี้ยงใส่เธอเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำ แก้วน้ำ รวมไปถึงองุ่นที่ถูกคัดออกก็ถูกคนงานบางคนยกมาทั้งตะกร้าเทสาดใส่เธอตั้งแต่หัวจรดเท้า หรือแม้กระทั่งรองเท้าเหล่าคนงานเองก็ปาใส่เธอเช่นกัน ด้วยเสียงปลุกปั่นของฤดีทำให้ทุกคนคิดตามและรู้สึกไม่พอใจไม่กับเธอด้วย ใหญ่ที่ทนดูเหตุการณ์
ไม่ไหว จึงรีบวิ่งออกไปฟ้องนายหัวทันที ส่วนขวัญข้าวนั้นก็ได้แต่ย่อตัวนั่งลง ก่อนจะยกมือขึ้นบังศีรษะเอาไว้ เธอไม่รู้ว่าจะตอบโต้คนพวกนี้อย่างไร พวกเขามีเป็นสิบ เธอตัวคนเดียวไม่มีพรรคพวกที่ไหนได้ก้มหน้ายอมรับความเจ็บปวดอย่างคนขี้แพ้ คนขี้แพ้ในอดีตที่เธอเคยเป็น
“ยัยลูกไม่มีพ่อ”
“ยัยเด็กกำพร้า”
“ขี้ขโมย”
“อย่าไปเล่นกับขวัญนะทุกคน ขวัญขโมยดินสอเรา”
“สองเลิกกับฉันก็เพราะแก หน้าด้าน รู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้วก็ยังมายุ่ง”
ตั้งแต่เด็กจนโต เธอมักจะเป็นผู้ถูกกระทำเสมอ ไม่เคยที่จะโต้ตอบกลับไป แท้สิ่งที่ถูกพวกเขาว่ามานั้นเธอไม่ได้ทำมันเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นเพียงเรื่องเดียวที่พวกเขาพูดมันเป็นเรื่องจริงคือเธอกำพร้าพ่อ แต่เรื่องอื่นเธอไม่เคยทำมัน เธออยู่ของเธอเฉยๆ พวกเขาเหล่านั้นมายุ่งกับเธอเองต่างหาก เธอมักจะอยู่เงียบๆ คนเดียว เพราะไม่มีเพื่อนที่ไหน พูดง่ายๆ คือไม่มีใครคบนั่นเอง อาจจะเป็นเพราะเธอจน หรือเพราะอะไรก็ตามแต่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ทำไมคนอื่นถึงตั้งท่ารังเกียจเธอนักทั้งๆ ที่เธอไม่เคยไปทำอะไรให้พวกเขามาก่อนเลย ครั้งนี้เองก็เช่นกัน ทั้งๆ ที่คิดว่าหนีออกมาไกลจากนักข่าวและทุกคนที่นั่น แต่เรื่องพวกนี้มันก็ดังมาถึงที่นี่ ถึงพี่สีเทียนกับยายจันทร์ของเธอจะคอยบอกให้เธอเข้มแข็ง และสู้คนคืนบ้าง อย่ายอมให้คนอื่นเอาเปรียบได้ง่ายๆ ซึ่งเธอเองก็พยายามมาตลอด เข้มแข็งและสู้คืน แต่ครั้งนี้ไหนเลยจะสู้ไหว
“ยันขวัญแกมันขี้แพ้ ฮึก ขี้แพ้”
“หยุดเดี๋ยวนี้!!!” เสียงเข้มที่เต็มไปด้วยพลังและอำนาจตวาดลั่นไปทั่วบริเวณ หลังจากได้รับรายงานว่าหญิงสาวที่เขาพามาทำงานวันแรกกำลังลูกเหล่าคนงานรุมทำร้ายอยู่ รถเข็นไฟฟ้าถูกบังคับให้มาที่นี่อย่างรวดเร็ว แม้จะต้องการทำร้ายให้เธอเจ็บปวด แต่คนที่ทำร้ายเธอได้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์!!
“ฤดีรู้มาว่ามันเคยมีข่าวเสียหายมาก่อน ดีไม่ดีถ้านักข่าวตามมา ไร่เราอาจเสียหายได้นะคะที่รับคนแบบนี้มาทำงาน” เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องในครั้งนี้จึงเอ่ยขึ้น หวังเอาความดีความชอบที่เธอเปิดโปงอดีตนางแบบสาวที่มีข่าวคาวไปทั่วประเทศ
“จะเสียหายหรือไม่เสียหายฉันจะเป็นคนพิจารณาเอง”
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น”
“ออกไปได้แล้ว!” เสียงเข้มตวาดลั่นอีกครั้ง ทำให้ทุกคนรีบเก็บข้าวของออกไปจากโรงคัดแยกองุ่นทันที ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียวไม่เว้นแม้แต่ ฤดี เธอเองก็สงบมากสงบคำและรีบเก็บของออกไปพร้อมกับคนอื่นๆ อย่ากล้าลองดีกับอารมณ์ของนายหัวเชียว ถ้าอยากมีงานทำอยู่ที่ไร่นี้ต่อ เพราะหากอารมณ์เขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุดแม้แต่เรื่องเล็กน้อยๆ ที่ทำให้เขาไม่พอ เขาก็สามารถไล่คนออกอย่างไม่มีเหตุผล
“ขอบคุณนะคะ” หลังจากได้ยินเสียงอันทรงพลังของเขาเข้ามาหยุดเหตุการณ์และเอ่ยปากไล่คนงานออกไป เมื่อรู้สึกได้ว่าคนงานออกไปกันหมดแล้ว ใบหน้าสวยค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มบนรถเข็น ก่อนที่น้ำตาจะหยดแหมะลงบนแก้มนวล นอกจากพี่สีเทียนและยายแล้วก็ไม่เคยมีใครปกป้องเธอมาก่อน เขาเป็นคนที่สามที่ปกป้องเธอ เกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้เขาบอกว่าจะทำให้เธอเจ็บปวด แต่เป็นเขาเองที่มาช่วยเธอไว้…
“อย่าหลงดีใจไป”
“ที่มาช่วย เพราะมีคนไปบอกว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาทที่นี่ ฉันไม่ได้ทำเพราะสงสารหรือเห็นใจเธอ”
คำตอบของเขาเล่นเอาหญิงสาวที่กำลังกล่าวชื่นชมเขาอยู่ในใจ แทบจะกลับคำพูดไม่ทัน มือบางยกขึ้นปาดน้ำตา ก่อนจะพูดกับเขาเสียงหวานกระแทกเสียงเล็กน้อย
“ค่ะ!”
“จะไปไหน” เสียงเข้มเอ่ยถามขึ้นหลังจากเธอลุกขึ้นเดินผ่านหน้าเขาไป
“ฉันจะกลับห้อง”
“ทำงานเสร็จแล้วหรือไง”
“ยังค่ะ แต่ฉันจะกลับ คุณคงจะไม่ใจร้ายให้ฉันทำงานต่อในสภาพนี้หรอกนะ” มือบางพายมาที่ตัวเองว่ามีสภาพแย่ขนาดไหน ชุดเสื้อผ้าเธอเปื้อนไปด้วยองุ่นเน่าที่ถูกคัดทิ้ง สภาพเธอในตอนนี้เรียกว่าดูไม่ได้เอามากๆ เลยทีเดียว เธอไม่ได้สนใจในภาพลักษณ์ของตัวเองหรอกนะว่ามันจะเป็นยังไง แต่กลิ่นองุ่นที่ถูกคัดทิ้งมันเหม็นจนเธอเริ่มจะรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาบ้างแล้ว
“งั้นก็รีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ”
“แล้วก็ทำกับข้าวมาให้ฉันด้วย…ภายในครึ่งชั่วโมงอาหารต้องขึ้นโต๊ะ” พูดจบก็บังคับรถเข็นจากไปทันที ไม่หันมามองหญิงสาวที่ทำหน้าบูดบึ้งไม่พอใจในความเอาแต่ใจของเขา
“คุณนี่มัน!!!”