บท
ตั้งค่า

11 ข้าวผัดคะน้า

“เสร็จรึยัง” เสียงเข้มเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เขาบังคับรถเข็นเข้ามาในครัว เห็นหญิงสาวที่ก่อนหน้านี้อยู่ในสภาพดูไม่ได้แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว ถึงจะเป็นเสื้อผ้าเก่าๆ ธรรมดาๆ แต่พอมันอยู่บนตัวเธอแล้วมันกลับดูดีขึ้นอย่างประหลาด นี่สินะที่เขาว่าไม้แขวนมีผลต่อเสื้อผ้า ร่างบางยื่นทำอาหารอย่างตั้งใจ ก่อนจะตักใส่ช้อนขึ้นชิม อมยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้างามเมื่อได้รสชาติอาหารตามที่ต้องการ

“เสร็จแล้วค่ะ :) คุณจะให้ฉันตั้งโต๊ะเลยไหมคะ” สีหน้ายิ้มแย้มหันไปตอบเขา ไม่มีร่องรอยแห่งความเศร้าใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย

“…” ไร้เสียงตอบรับ รถเข็นไฟฟ้าเคลื่อนตัวไปรออยู่ที่ห้องอาหาร

ส่วนขวัญข้าวที่เห็นดังนั้นก็ทำปากขมุบขมิบบ่นให้กับความเฉยเมยของเขา ก่อนจะยกอาหารตามเขาออกไป กุ้งผัดพริกเกลือกับข้าวสวยร้อนๆ ถูกยกขึ้นเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร โต๊ะกว้างที่มีกับข้าวหนึ่งอย่างและข้าวจานเดียว กับชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็น ที่มีหญิงสาวในชุดธรรมดายืนอยู่ใกล้

“นี่คือกุ้งผัดพริกเกลือค่ะ” อดีตนางแบบสาวแนะนำเมนูที่ตัวเองทำด้วยรอยยิ้มสดใส

“ฉันไม่กินเผ็ด” เสียงเข้มเอ่ยตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก

“แต่ถ้ามันไม่เผ็ดมันก็จะไม่อร่อยถึงใจนะคะ” คนที่ชอบกินเผ็ดเป็นชีวิตจิตใจเถียงเขากลับ

“ไปทำมาใหม่”

เคล้ง!!

ไม่ว่าเปล่า จานกุ้งผัดพริกเกลือที่เธอตั้งใจ ถูกชายหนุ่มบนรถเข็นเขวี้ยงทิ้งอย่าไม่ไยดี นางแบบสาวน้ำตารื้นขึ้นมาในทันที เธอทำมันอย่างตั้งใจ แต่เขากลับตอบแทนความตั้งใจเธออย่างนี้น่ะหรอ ไม่กินก็บอกกันดีๆ สิ ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย ใช่สิก็เขามันคาบช้อนเงินช้อนท้องมาเกิด ทิ้งขว้างสิ่งของได้อย่างไม่นึกเสียดายในคุณค่าของมัน แต่เธอที่ลำบากมาตั้งแต่เด็ก ถูกยายสอนให้เห็นคุณค่าของสิ่งของ ข้าวก็ต้องกินให้หมดจาน เพราะกว่าจะได้ข้าวมากินในแต่ละมื้อ ยายหามันมาด้วยความยากลำบาก ต้องตื่นมาทำขนมตั้งแต่เช้ามืด ไหนจะต้องเดินขายให้หมดอีก กลับมาอีกทีก็มืดค่ำแล้ว เธอที่กลับมาจากโรงเรียนก็มีหน้าที่ทำกับข้าวรอยายกลับมา หรือวันไหนที่เลิกเรียนแล้วไม่มีภาระงานเธอก็จะไปช่วยยายขายขนมที่ตลาด ไปมันทั้งชุดนักเรียน แม้จะได้รับสายตาแปลกๆ จากเพื่อนร่วมฉันหรือคนในโรงเรียนเดียวกันที่มองมาเธอก็ไม่ได้สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาช่วยยายขายขนมต่อไป…ถ้ามัวแต่สนใจสายตาพวกนั้นเธอคงได้อดตายพอดี จะแคร์ทำไมในมันเป็นอาชีพสุจริต เธอไม่ได้ไปลักกินขโมยกินหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใครเสียหน่อ

“จะยืนบื้ออีกนานไหม ไปทำมาใหม่ฉันหิวแล้ว”

“…”

“ฉันพูด ไม่ได้ยินหรือไง!” เสียงเข้มตวาดลั่น

“…ค่ะ ฉันจะไปทำมาให้ใหม่” สู้สิขวัญทำไมแกไม่สู้ ยอมให้เขากดขี่ทำไม แม้ใจจะบอกให้สั่งตอบโต้เขากลับแต่สมองกลับยอมเขา ขาเรียวก้าวออกไปยังห้องครัวเพื่อที่จะทำอาหารมาให้เขา คราวนี้เธอเลือกทำเมนูง่ายๆ เพราะเธอเองก็หิวและอยากจะพักแล้วเช่นกัน

“ข้าวผัดคะน้าค่ะ ไม่เผ็ด หวานหน่อยๆ หวังว่าคุณจะทานมันได้นะคะ” ข้าวผัดใส่คะน้า เมนูอาหารจานเดียวง่ายๆ ที่บอกว่าง่ายคือเธอทำมันอย่างเรียบง่ายด้วยเช่นกัน ไม่แม้แต่จะใส่เนื้อสัตว์ให้เขา ในเมื่อครั้งแรกทำอาหารดีๆ ให้เขากลับขว้างทิ้งอย่างไม่เห็นค่า ครั้งนี้ก็กินแบบธรรมดาๆ ไปก็แล้วกัน ข้าวผัดคะน้าหน้าตาหน้าทานจานหนึ่งถูกวางไว้ตรงหน้าเขา สายตานิ่งเรียบมองอาหารตรงหน้าใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นตักข้าวผัดคะน้าที่เธอบอก คำแล้วคำเล่าถูกตักเข้าปากไม่หยุด โดยที่ชายหนุ่มนั้นไม่พูดอะไรกับคนทำเลยสักคำก่อนจะขอเพิ่มอีกจานที่สอง จนอดีตนางแบบสาวอมยิ้มน้อยๆ

“ยิ้มอะไร ฉันแค่หิวหรอกน่า ก็แค่ข้าวผัดธรรมดาๆ ” คนกลัวเสียฟอร์มพูดขึ้น ถึงจะเป็นข้าวผัดคะน้าธรรมดาๆ แต่รสชาติมันไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ค่อนไปทางอร่อยมากด้วยซ้ำ ป้ารุ้งที่ว่าทำอาหารอร่อยแล้วพอเจอรสมือของเธอเข้าไป เขาถึงกับเจริญอาหารมากกว่าปกติ ไม่น่าเชื่อว่าอดีตนางแบบสาวชื่อดังแห่งวงการอย่างเธอจะทำกับข้าวเป็นแถมยังอร่อยมากด้วย ทีแรกเขาคิดว่าจะกลั่นแกล้งเธอให้ทำเท่านั้นไม่ได้หวังจะได้กินอาหารที่อร่อยแบบนี้ กะว่าจะให้เธอทำมันไปเรื่อย ๆ จนกว่ามันจะอร่อยและเป็นรสชาติที่เขาพอใจ แต่ไม่น่าเชื่อ เพียงแค่จานที่สองที่เธอเอาออกมาเสิร์ฟก็อร่อยจนเขาแทบหยุดไม่อยู่

“ค่ะ หิวก็หิว” ข้าวผัดจานที่สองถูกตักมาเสิร์ฟเขา ก่อนจะถอยออกไปยืนข้างๆ เขาเหมือนก่อนหน้านี้ ยืนมองเขากินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ท้องน้อยๆ เธอก็เริ่มร้องประท้วงรู้สึกหิวบ้างแล้วเหมือนกัน ยืนทำงานเกือบทั้งวัน ได้พักเพียงไม่กี่นาทีก็ต้องรีบกลับมาอาบน้ำและทำอาหารให้เขาต่อ เขาชักใช้แรงงานเธอหนักเกินไปแล้วนะ เงินสักบาทก็ไม่ได้ เขานี่มัน! เกินเยียวยาจริง ทำได้แต่บ่นอุบเขาในใจ ก่อนจะหันหน้าหนี ไม่มองเขากินให้หิวมากไปกว่าเดิม

กร๊อก กร๊อก

แต่ท้องไม่รักดีก็ร้องเสียงดัง จนเธอแทบจะมุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด

“หิวหรอ? แต่ฉันไม่อนุญาตให้เธอกินหรอกนะ หึ”

“หมายความว่ายังคะ?” เธอร้องถามเขาอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของเขา ใช้งานเธอหนักเยี่ยงทาสขนาดนี้ ยังจะไม่ให้เธอกินข้าวอีก เขาบ้าไปแล้วหรืออย่างไรกัน

“ตามที่พูด หมดเวลาแล้ว”

“เก็บของให้เรียบร้อยแล้วออกไปพบฉันที่หน้าบ้านภายในสิบนาที” พูดจบก็บังคับรถเข็นไฟฟ้าจากไปทันทีปล่อยให้เธอยืนเคว้งอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับคำพูดของเขาดีจะทำตามที่เขาบอกหรือจะไปพักผ่อนกินข้าวสมองน้อยๆ รีบประมวลผลอย่างเร่งรีบ ก่อนจะตัดสินใจวิ่งตามเขาออกไป

“หยุดก่อนค่ะ”

“แฮ่ก ทำไมฉันต้องทำตามที่คุณบอกด้วย”

“เธอลืมไปแล้ว?”

“ลืม?” เธอถามเขากลับอย่างไม่เข้าใจ

“เธอต้องทุกข์ทรมาณ เจ็บปวด?”

“…แต่ว่า..”

“ไม่มีแต่ ในเมื่อเธอยอมรับข้อเสนอนั้นแล้วไม่ว่าฉันจะสั่งอะไรเธอก็ต้องทำ”

“ไหนๆ ตามฉันออกมาแล้ว งั้นก็ไปกันเลยแล้วกัน” มือหนาพลิกดูนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเอ่ยบอกเธอต่อ

“นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว”

“คะ?”

“อยู่เงียบๆ แล้วเดินตามมาก็พอ”

“ค่ะ” เอาวะขวัญข้าวในเมื่อแกก็อยากรู้ว่าผู้หญิงนั้นจะยังมีความรู้สึกของคนเป็นแม่หลงเหลืออยู่ไหม จะมีความห่วงใยเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า เมื่อลูกอย่างเธอต้องมาตกระกำลำบากอยู่ที่นี่

รถเข็นไฟฟ้าเคลื่อนตัวไปตามทางเดินข้างหน้า โดยมีอดีตนางแบบสาวสวยเดินอยู่ข้างๆ แสงไฟส่องสว่างสลัวๆ สองข้างทาง เพราะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการส่องหากวันไหนแสงน้อยก็จะให้ความสว่างไม่มากนักอย่างเช่นวันนี้ ทั้งสองยังคงเดินทางไปข้างต่อ แม้หญิงสาวจะสงสัยว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน และไปทำอะไรกันแน่ แต่เธอก็ไม่ได้พูดหรือเอ่ยถามอะไรเขาออกไป ได้แต่เดินไปพร้อมเขาเงียบ ไม่กล้าที่จะเดินตามอยู่ข้างหลัง เพราะมีแค่ทางที่พวกเธอเดินอยู่เท่านั้นที่ส่องสว่าง หากมองไปรอบๆ ตัว ทุกอย่างนั้นมืดสนิทดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก

“กลัวหรอ” เสียงเข้มเอ่ยถามหลังจะเห็นท่าทีแปลกๆ ของเธอ ดวงตกลมดูหวั่นๆ หวาดกลัวยามมองไปรอบๆ

“ป เปล่าสักหน่อย ฉันไม่ได้กลัว”

“หึ”

เดินไปไม่นานก็เริ่มเห็นดวงไฟหลายๆ ดวง ข้างหน้า เหมือนกับว่ามีกลุ่มคนจำนวนหลายสิบคนอยู่ที่นั่น เพราะเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็เริ่มได้ยินเสียงพูดคุยกันดังขึ้น

“อ่าวคุณวินท์ สวัสดีครับ” เสียงคนงานเอ่ยทักเจ้านายของตน ไม่คิดว่าวันนี้พ่อเลี้ยงจะมาที่นี่ ถึงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พ่อเลี้ยงจะมาที่นี่ เพราะพ่อเลี้ยงก็มักจะเคยมาที่นี่อยู่บ่อยๆ แต่ว่ากลางคืนแบบนี้น้อยครั้งนักที่จะมาหากเป็นเมื่อก่อนที่ร่างกายพ่อเลี้ยงยังปกติดีพวกเขาก็จะไม่แปลกใจเลย

แต่ตั้งแต่ที่นายหัวประสบอุบัติเหตุจนต้องนั่งรถเข็น ก็นับครั้งได้เลยที่มาที่นี่

มาคนเดียวก็น่าแปลกใจแล้ว แต่มีสาวสวยมาด้วยนี่สิยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่แม้เธอจะอยู่ในชุดเก่าๆ ธรรมดาๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดลงเลยแม้แต่น้อย หลายคนที่เห็นเธอมาก่อนหน้านี้จึงไม่ค่อยตกใจกับความสวยของเธอเท่าไหร่ แต่คนงานบางคนที่ยังไม่เคยเห็นถึงกลับใจเต้นรัว มองเธออย่างหื่นกระหาย

แม้จะไม่เห็นสายตาที่พวกขามองมาเพราะทุกอย่างรอบตัวเธอมันค่อนข้างมืด แต่กลับรู้สึกขยะแขยงและไม่ปลอดภัยในสายตานั้นเป็นอย่างมาก ร่างบางขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มบนรถเข็นที่พาเธอมาที่นี่ในทันที

“เริ่มเก็บกันแล้วหรอ”

“ครับคนงานบางส่วนเริ่มเก็บกันแล้วครับ”

“ส่วนที่พึ่งมาแบบพวกผมก็กำลังจะเข้าไปเก็บครับ”

“งั้นพวกนายก็เข้าไปเถอะ เรียกป้าเล็กให้ออกมาหาฉันด้วย”

“ครับ”

“คุณวินท์เรียกป้ามามีอะไรรึเปล่าคะ” ป้าเล็กถามขึ้นเมื่อหลอนกำลังเดินเก็บองุ่นอยู่ดีๆ ก็มีคนงานมาบอกว่าชายหนุ่มตรงหน้าเรียกหาเธอ

“ช่วยพาเธอไปเอาอุปกรณ์สำหรับทำงานและสอนงานเธอที่ครับ” ขวัญข้าวที่ยืนอยู่ข้างเขาเงียบๆ ใบหน้าสวยถึงกลับขึ้นเครื่องหมายคำถาม อย่าบอกนะว่าเขาจะให้เธอทำงานอีก นี่มันจะมากไปแล้วนะ เขากะจะให้เธอทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเลยหรืออย่างกัน

“ค่ะ” แม่จะงุนงงที่อยู่ดีๆ เจ้านายหนุ่มก็พาคนงานมาให้ แต่ก็รับคำสั่งและปฏิบัติตามแต่โดยดี

“ตามป้ามาทางนี้นังหนู”

“เดี๋ยวค่ะคุณป้า”

“นี่คุณ! มันจะมากไปแล้วนะ”

“ข้อ ตก ลง” เขาพูดขึ้นมาคำเดียวเธอก็สงบปากสงบคำยอมเดินตามคุณป้าที่เขาเรียกมาไปในทันที

“หึ”

“คุณป้าคะ เรากำลังจะไปทำอะไรกันหรอคะ” หลังจากได้อุปกรณ์มาแล้ว ระหว่างทางเดินกลับเธอจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย ดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้มันมีงานให้ทำด้วยหรอ แถมดูท่าแล้วน่าจะมีคนมาทำเยอะเลยทีเดียว

“เก็บองุ่นจ๊ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel