7 หนี้ชีวิต
“สวยจัง” หญิงสาวในชุดเสื้อยืดธรรมดาๆ กับกางขายาวสีเข้มเก่าๆ ใบหน้าพริ้มเพราไร้การแต่งแต้มใดๆ ยืนมองดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าในยามเย็น ผมยาวสลวยไหวปลิวไปตามแรงลม เธออยู่ที่นี่เกือบจะหนึ่งเดือนแล้ว เธอไม่ได้ติดต่อใครเลย แม้แต่พี่สีเทียนผู้จัดการของเธอ และเธอก็ยังไม่เคยเจอเจ้าของที่นี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว ก็แน่ล่ะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอไม่เคยออกจากห้องไปไหนเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกมาจากห้องแคบๆ ที่เธอใช้พักรักษาตัว
ขาเรียวยาวตามแบบฉบับของนางแบบ ค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้า อากาศที่นี่ดีมากจริงๆ แขนเรียวกางออก หลับตาพริ้ม ซึมซับบรรยากาศรอบๆ ตัว รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้ยิ้มแบบนี้ ยิ้มที่ออกมาจากใจจริงๆ
ภาพหญิงสาวในชุดธรรมดาที่กำลังยืนมองดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทำเอาชายหนุ่มในรถเข็นใจกระตุก ผมยาวสลวยพลิ้วไปตามแรงลม ใบหน้างามมีเลือดฝาด บ่งบอกว่าเธอหายจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้าแล้ว
“หึ เธอคงพร้อมแล้ว”
“พรุ่งนี้ตามเธอทาพบฉันที่นี่แต่เช้า” เขาหันไปบอกสาวใช้ที่อยู่ใกล้ๆ
“ใครคะ?”
“ผู้หญิงคนนั้น” วายุชี้นิ้วไปยังหญิงสาวที่ยังคงเดินเล่นไปทั่วไร่ ราวกับว่ามันเป็นสวนสนุก
“ค่ะ”
...
“พี่ขวัญคะ”
“หืม ว่าไงจ๊ะ” ขวัญข้าวที่กำลังช่วยเด็กสาวรุ่นน้องทำอาหารเช้าอยู่ถามขึ้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนว่ามีบางอย่างจะพูดบอกเธอ
“วันนี้คุณวินท์เรียกพี่ขวัญให้ไปพบค่ะ”
“องุ่นว่าไงนะ” เสียงเตาอบดังขึ้นพอดี ทำให้เธอไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายพูด
“คุณวินท์ให้พี่ขวัญไปพบค่ะ แต่เช้าเลย”
“คุณวินท์ เจ้าของที่นี่น่ะหรอ” เธอหันไปถามเด็กสาวอย่างไม่เข้าใจเท่าไรนัก เธอรู้มาว่าคุณวินท์ที่เป็นเจ้าไร่อะไรนี่เป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัวเอามากๆ แถมยังอารมณ์ร้ายสุดๆ องุ่นเด็กสาวที่เป็นแฟนคลับตัวยงของเธอเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนเขาไม่ใช่คนที่เก็บตัวเงียบและอารมณ์ร้ายแบบนี้ แต่เพราะเจ้านายเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้เดินไม่ได้ ซ้ำร้ายยังถูกแฟนทิ้ง แถมพ่อยังไม่เหลียวแลอีก องุ่นเล่าถึงความน่าสงสารของเขาให้เธอฟังเยอะแยะมากมาย เธอแทบจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา แม้แต่เรื่องในวัยเด็กของเขาบางเรื่องเธอเองยังรู้ เพราะตลอดเวลาที่เธอพักฟื้นนั้น องุ่นจะแวะเวียนมาหาเธอเสมอ เห็นเธอครั้งแรกก็กรี๊ดกร้าดดีใจใหญ่ บอกว่าชอบเธอเอามากๆ ติดตามเธอมาทั้งแต่เธอเข้าวงการใหม่ๆ แถมยังมีนิตยสารที่เธอถ่ายเกือบทุกเล่ม เล่นเอาเธอนั่งเซ็นจนปวดมือเลยทีเดียว อย่างไรก็แล้วแต่เด็กสาวไม่เคยสร้างความลำบากใจให้เธอเลย ไม่แม้แต่จะถามเรื่องราวที่ผ่านมาให้เธอรู้สึกเจ็บปวดใจ แถมยังบอกให้เธอสู้ๆ เธอเชื่อมั่นในตัวไอดอลเธอคนนี้ ว่าพี่ขวัญของเธอไม่มีทางเป็นแบบในข่าวแน่
“ไม่ว่าพี่ขวัญจะเจออะไรเลวร้ายมาบ้างก่อนหน้านี้ แต่องุ่นเชื่อค่ะว่าพี่ขวัญไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นแน่ องุ่นรู้จักพี่ขวัญดีค่ะ แฮร่ ถึงจะพึ่งเคยเจอพี่ขวัญตัวจริงก็เถอะ แต่องุ่นติดตามพี่ขวัญมานานมากๆๆๆๆๆ ขวัญเชื่อใจพี่ขวัญค่ะ :) พี่ขวัญขององุ่นทั้งสวย หุ่นดี และเซ็กซี่ ความสามารถพร้อมแบบนี้ ยังมากล้ามาว่า ว่าพี่ขวัญทำอะไรแบบนั้นอีก ใครมันใส่ร้ายพี่ขวัญขององุ่น องุ่นขอให้มันไม่ตายดี!”
“ขอบคุณนะ ที่เชื่อใจพี่ :) “มือบางยกขึ้นลูบหัวเด็กสาวเบาๆ อย่างแสนรัก อย่างน้อยการมาอยู่ที่นี่ของเธอก็ไม่นับว่าเลวร้ายอะไร ได้พักทั้งกายและใจ แม้ไม่รู้ว่าวันข้างหน้านั้นเธอจะทำอย่างไรต่อก็ตามที
“ใช่ค่ะคุณวินท์เจ้าของไร่ที่นี่”
“นี่ก็เริ่มจะสายแล้วองุ่นว่าพี่ขวัญรีบไปก่อนดีกว่าค่ะ คุณวินท์จะว่าพี่ขวัญเอาได้”
“ไปค่ะ ที่เหลือองุ่นจัดการเอง”
“เดี๋ยวก่อนองุ่น ไปน่ะไปแน่”
“แต่จะให้พี่ไปเจอคุณวินท์ขององุ่นที่ไหนล่ะ”
“พี่ไม่รู้ทาง”
“แฮะ จริงด้วยองุ่นก็ลืมไปเลยว่าพี่ขวัญไม่ได้ออกไปไหน”
“ขึ้นไปชั้นสองฝั่งซ้ายมือสุดทางเดินเลยค่ะ เป็นห้องคุณวินท์”
“ห้องคุณวินท์?”
“ใช่ค่ะ ไปสิคะพี่ขวัญเดี๋ยวสายเอานะคะ” สองมือน้อยดันหลังพี่สาวคนสวยของเธอไปทางบันไดบ้าน
“เร็วสิคะ”
“จ้า พี่ไปแล้วๆ เรานี่นะ” เธอได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทีของเด็กสาว อมยิ้มน้อยๆ ปรากฏบนใบหน้างาม องุ่นทำให้ชีวิตของเธอมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งตั้งแต่เธอฟื้นจากความตายในครั้งนั้น
เสียงสูดหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นหลังจากที่เธอมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องที่คาดว่าจะเป็นห้องของเจ้าของไร่นี้ตามที่องุ่นบอกเธอ
ก๊อก ก๊อก
“มีใครอยู่ข้างในไหมคะ”
ก็อก ก๊อก
“ขวัญขอเข้าไปนะคะ”
แอดด
ประตูห้องถูกเปิดออกช้าๆ ขาเรียวก้าวเข้าไปในห้องที่เด็กสาวเธอบอกว่าเขานัดพบเธอที่นี่ เธอไม่นึกกลัวแม้แต่น้อยว่าเขาจะทำอะไร เพราะเด็กสาวบอกเธอว่าเขาต้องนั่งรถเข็นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก เพราะงั้นเธอถึงกล้าเข้าห้องชายหนุ่มทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเห็นหน้าคร่าตากันมาก่อน ภายในห้องเงียบสนิทราวกับว่าไม่มีคนอยู่
“สวัสดีค่ะ มีใครอยู่ไหมคะ” เสียงหวานใส่ร้องถาม
“…” แต่ก็ยังคงไร้เสียงตอบกลับมา ขาเรียวยังคงก้าวเดินไปเรื่อยๆ อย่างสำรวจ ภายในห้องของเจ้าของไร่ ถือว่าเขาเทสดีเลยทีเดียว ห้องขนาดใหญ่มากๆ ของเขาถูกจัดตกแต่งออกมาดูดีมากๆ เลยทีเดียว เตียงเอย โซฟาเอย ผ้าม่านและเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ถูกจัดเรียงได้ถูกที่ถูกตำแหน่ง แถมยังเข้าชุดกันอย่างลงตัว เดินไปเรื่อยๆ ก็พบกับประตูที่คาดว่าน่าจะเป็นประตูระเบียงถูกเปิดอยู่ ผ้าม่านไหวปลิวช้าๆ ไปตามแรงลม ไม่รอช้าหลังจากเห็นรางๆ ว่ามีคนนั่งอยู่ข้างนอกระเบียง ขาเรียวสวยฉบับนางแบบเดินก้าวผ่านประตูระเบียงตรงไปยังชายหนุ่มที่นั่งหันหลังจิบกาแฟอย่างใจเย็นอยู่บนรถเข็น ก่อนจะเอ่ยทักทายเขาเสียงสดใส เขาเป็นคนช่วยชีวิตเธอแถมยังให้ที่พักอาศัยกับเธอ แม้ว่าจะได้ยินมาว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ก่อนหน้าที่เขาจะได้รับอุบัติเหตุเขาก็เป็นคนอารมณ์ดี ถ้าหากเธอใจดีเอาความสดใสและความมั่นใจของตัวเองเข้าสู่ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะอารมณ์ดีแบบในอดีตกับเธอก็ได้ ‘สู้ๆ ขวัญข้าว แกทำได้’
“สวัสดีค่ะคุณวินท์ :)”
“ได้ยินองุ่นบอกว่าคุณวินท์ต้องการพบขวัญ มีอะไรรึเปล่าคะ”
“…”
“เอ่อ ขวัญขอบคุณ คุณวินท์มากนะคะที่ช่วยชีวิตขวัญไว้ แถมยังให้ขวัญมาพักฟื้นที่ไร่ด้วย”
“…” เงียบ ไร้เสียงตอบกลับจากคู่สนทนาเล่นเอาอดีตนางแบบสาวใจแป้วขึ้นมาทันที
“เอ่อ…ถ้าคุณวินท์ยังไม่อยากจะคุยกับขวัญ งั้นขวัญขอตัวก่อนนะคะ”
“พูดจบรึยัง”
“พูดจบแล้วฉันจะได้พูด” ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมามองหญิงสาวที่ยืนก้มหน้าอยู่ด้านหลังเขา หลังจากที่เข้าเอ่ยเสียงเข้ม น่ากลัวออกไป
“อ เอ่อ จบแล้วค่ะ”
“เธอรู้ใช่ไหมว่าของฟรีไม่มีในโลก”
“คะ?” ใบหน้าสวยขึ้นเครื่องหมายคำถามกับสิ่งที่เขาพูด
“ค่ารักษา ค่ากิน ค่าอยู่ ของเธอตลอดหนึ่งเดือนเธอต้องชดใช้”
“แต่ฉันไม่รับเป็นเงินหรอกนะ”
“คุณหมายความว่ายังไง” แม้จะรู้สึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือ แต่เขาพูดมาแบบเธอก็เริ่มจะรู้สึกไม่โอเคบ้างแล้วเช่นกัน
“ทำงานชดใช้ ดูแลฉัน”
“ทำงานที่ไร่”
“เธอคงไม่คิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ฟรีๆ หรอกนะ”
“แล้วฉันจะต้องทำมันไม่ถึงเมื่อไหร่คะ” เธอไม่สามารถโต้เถียงอะไรเขาได้ เพราะตอนนี้เงินสักบาทเธอก็ยังไม่มีติดตัวแถมเธอไม่สามารถติดต่อกับใครได้เลย คงจะได้แต่ก้มหน้ารับไปก่อน ไหนๆ ก็ได้หนีมาอยู่ที่นี่ ไร้คนรู้จัก ที่สำคัญคือไม่มีผู้หญิงใจร้ายคนนั้น การทำงานให้เขามันอาจจะไม่ได้แย่อะไร
เพราะตอนเด็กเธอเองก็ไม่ได้สุขสบาย ออกจะลำบากเสียด้วยซ้ำ
“จนกว่าฉันจะพอใจ…หรือตลอดไป”
“อย่าลืมว่าฉันเป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้”
“เธอเป็นหนี้ชีวิตฉัน”