บท
ตั้งค่า

6 ฟื้นจากความตาย

“น น้าม น้ำ” เสียงแหบแห้งเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากบางแห้งผากเอื้อนเอ่ยแต่ละคำออกมาอย่างยากลำบอกคุณหมอหนุ่มที่เข้ามาตรวจดูอาการหญิงสาวที่นอนหลับไม่ได้สติเป็นเวลาเกือบสามวันเต็มพอดี จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ ค่อยๆ ประคองเธอขึ้นนั่งโดยให้เธอพิงอกแกร่งเขาไว้ ก่อนจะส่งหลอดให้เธอได้ดื่มน้ำช้าๆ

หลังจากที่เขาช่วยชีวิตเธอไว้วันนั้น นี่เป็นวันแรกที่เธอรู้สึกตัวเลยก็ว่าได้ ภายนอกนั้นเธอเริ่มมีอาการดีขึ้นมากแล้ว หลังจากที่ผ่านนาทีเฉียดตายมาถ้าหากว่าลูกน้องของลูกพี่ลูกน้องเขาส่งเธอมาหาเขาช้าไปกว่านี้อีกห้านาทีเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถยื้อชีวิตเธอไว้ได้รึเปล่า บาดแผลที่ข้อมือของเธอนั้นค่อนข้างที่จะลึกมากเลยทีเดียว ก่อนมาที่นี่เธอก็เสียเลือดไปมาก แม้ระหว่างทางมาหาเขานั้นภพธรจะกดบาดแผลห้ามเลือดเอาไว้ แต่เธอก็ยังคงเสียเลือดมาก ทำให้เกิดภาวะช็อกจนหมดสติไป ถือว่ายังโชคดีที่เธอกรีดข้อมือไม่ถูกจุดสำคัญ และภพธรเองก็ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามที่เขาโทรบอกตลอดทางที่มาหาเขาที่โรงพยาบาล จึงสามารถช่วยชีวิตของเธอให้กลับมาจากความตายได้อย่างฉิวเฉียด เขาไม่รู้ว่าเธอไปเจอเรื่องหนักหนาอะไรมาก่อนหน้านี้

ถึงได้คิดทำร้ายตัวเองแบบนี้ แต่มันคงจะหนักมากจริงๆ สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ

“ค่อยๆ นะครับ”

เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆ ขยับขึ้นช้าๆ อย่างอยากลำบาก มือบางยกขึ้นจับนวดศีรษะตัวเองเบาๆ ทำไมเธอถึงรู้สึกปวดหัวแบบนี้นะ แล้วที่นี่มันที่ไหน เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยัง เธอจำได้ว่า…เธอ…กำลังจะจากโลกนี้ไปแล้วนี่…แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้

“โอ้ยยย”

“คุณครับ เจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ” คุณหมอหนุ่มประคองตัวคนไข้พิงหัวเตียงโดยมีหมอนรองหลังไว้ให้เธอพิงได้สะดวก

“ฉ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังคะ”

“ที่นี่ที่ไหน”

“แล้วคุณเป็นใครกัน” คำถามมากมายถูกถามออกมาหลังจากที่พอจะตั้งสติตัวเองได้แล้ว เธอหันไปถามชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเตียง มองไปรอบๆ จะว่าที่โรงพยาบาลก็ไม่ใช่ มันเหมือนเป็นห้องห้องหนึ่งภายในบ้านเสียมากกว่า ห้องเล็กๆ ในบ้านไม้หลังหนึ่ง ภายในห้องไม่มีข้าวของเครื่องใช้อำนวยความสะดวกอะไรเลย นอกจากเตียงที่เธอนอนอยู่และตู้เสื้อผ้าเก่าๆ เท่านั้น

“คำถามแรก คุณมาอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะว่าเจ้าของไร่ช่วยคุณไว้ครับ เขาพาคุณไปส่งโรงพยาบาล ก่อนจะพาคุณมาพักฟื้นที่นี่” เขาเลือกที่จะให้ความดีความชอบแก่ลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง จะว่าเขาหาคู่ให้มันก็ได้ เพราะตั้งแต่ที่มันประสบอุบัติเหตุจนไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวก มันก็เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร

อีกเลย นอกจากเรื่องงานที่มันจะพอยอมคุยกับผู้คนอยู่บ้าง แต่เรื่องอื่นอย่าหวังเลย นี่จึงเป็นโอกาสดีที่มีสาวสวย ที่ดูแล้วน่าจะจิตใจดี มาอยู่ที่ไร่แบบนี้

“ส่วนที่นี่คือที่ไหน ที่นี่คือไร่องุ่น ‘วิภาวัส’ ของคุณปู่อาทิตย์ของผมเองครับแต่ตอนนี้ท่านเสียแล้ว ลูกพี่ลูกน้องของผมเป็นคนรับช่วงต่อ เอ่อ คนที่ช่วยคุณไว้นั่นแหละครับ”

“คำถามสุดท้ายผมเป็นหมอครับ”

“เอ่อ อย่างนั้นหรอคะ…ขอบคุณนะคะ” เธอไม่รู้ว่าจะตอบเขาไปอย่างไรดี

“ถ้าอย่างนั้นคุณพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวถึงเวลาทานอาหารจะมีเด็กยกมาให้”

“ผมไปนะ”

“ค่ะ…ขอบคุณนะคะ :)” รอยยิ้มน้อยๆ ที่แทบจะปั้นมันขึ้นมาไม่ไหวส่งให้คุณหมอหนุ่ม ลับหลังร่างสูงโปร่งของเขาไปแล้วเธอจึงล้มตัวลงนอน เธอจะต้องดีใจใช่ไหมที่เธอรอดตายมาได้ แล้วชีวิตต่อจากนี้เธอจะทำยังไงต่อ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว หากคิดในแง่ดี นี่อาจจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังจากที่เธอฟื้นมาจากความตายอีกครั้ง

เธอก็ได้แต่หวังว่าการกลับมามีชีวิตอีกครั้งมันจะเป็นชีวิตที่ดี แม้จะไม่ได้ร่ำรวย สุขสบาย แต่เธอขอแค่การมีความสุขไร้เรื่องให้ทุกข์ใจและเจ็บปวดบ้างจะได้ไหม สักช่วงเวลาหนึ่งก็ยังดี…

“เธอเป็นยังไงบ้าง”

“รู้สึกตัวแล้ว”

“แล้วทีนี้มึงจะเอายังไงต่อ จะพาเขาไปส่งที่เดิม?”

“หึ ไปส่งหรอ ที่นี่เป็นที่ที่เธอสมควรอยู่”

“เธอจะไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่!”

“ไม่มีวัน!” ชายหนุ่มบนรถเข็นว่าออกไปเสียงเรียบ หากมันยังไม่เจ็บปวดกับสิ่งที่มันทำกับครอบครัวของเขา อย่าหวังว่าลูกสาวของมันจะได้พบกับความสุข เขาสัญญาว่าจะทำให้เธออยากตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเขานี่แหละจะเป็นคนพาเธอกลับมามีชีวิตรอด และได้รับความเจ็บปวดอีกครั้งหลังจากที่เธอรอดกลับ เห็นลูกเจ็บปวดทุกทรมานแบบนี้ แม่อย่างมันจะรู้สึกยังไง แค่คิดก็น่าสนุกแล้วสิ

“มึงหมายความว่าไงไอวินท์” คำพูดที่มีความหมายอื่นแฝงอยู่ของลูกพี่ลูกน้องทำให้เขารู้สึกไม่ดี รู้สึกได้เลยว่าคนตรงหน้ากำลังจะทำเรื่องไม่ดี และหญิงสาวที่เขาพึ่งจะช่วยชีวิตเธอนั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย

“ตามที่พูด”

“เสร็จธุระแล้ว มึงก็กลับไปได้แล้ว”

“ถ้ามึงคิดจะทำร้ายเธอ กูขอให้มึงหยุด” แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร แต่สัญชาตญาณของเขามันบอกให้หยุดมันไว้

“…” วายุแสยะยิ้มอย่างไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ลูกพี่ลูกน้องเขาพูด

“เออ กูกลับก็ได้ แต่กูต้องได้ตรวจดูอาการมึงก่อน” เห็นท่าทีของอีกฝ่ายแล้วก็จนใจ จึงตัดบทไปที่เรื่องอาการป่วยของมันเลย ส่วนเรื่องผู้หญิงคนนั้นไว้ค่อยกลับคิดดูอีกทีว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่ เขาชักจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญที่ลูกน้องของวายุจะช่วยไว้ และให้พามาพักฟื้นอยู่ที่นี่ จบกัน ความหวังดีอยากเป็นกามเทพในครั้งนี้

“มันก็เหมือนเดิม มึงไม่ต้องตรวจหรอก กูเดินไม่ได้ก็คือเดินไม่ได้!” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก

“มันมีโอกาสไอวินท์ เพียงแค่มึงลองเปิดใจ ทำในสิ่งที่คุณหมอแนะนำ”

“แต่มึงก็เห็นเวลาที่กูทำว่ามันเป็นยังไง” ในครั้งแรกๆ ที่เขามีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง เขาพยายามทำกายภาพบำบัดอยู่เกือบเดือน แต่ผลที่ได้มามันกลับน้อยนิด ความสามารถในการเดินเขาแทบจะไม่เห็นผลอะไรเลย สิ่งที่เขาอดทนสู้มาอย่างเหน็ดเหนื่อยและยากลำบาก เมื่อมันไม่เกิดผลเขาก็ควรจะทำใจยอมรับมันและเลิกดันทุรังได้แล้ว

“มึงต้องใจเย็นๆ ไอวินท์ มันต้องใช้เวลา”

“กูไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว”

“มึงกลับไปเถอะ”

“อืม”

“มึงกลับไปคิดดูดีๆ แล้วกัน”

“ไว้กลับไปกูจะส่งเอกสารการวิเคราะห์การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลังที่วิเคราะห์การรักษาของมึงให้มึงอ่าน มึงจะได้เชื่อกูสักทีว่ามันมีทางที่มึงจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง” เขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆ แต่เพียงเพราะมันเป็นคนใจร้อน หวังผลอะไรที่รวดเร็ว แต่เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องธุรกิจ

หรือการค้าขายของมัน มันต้องใช้เวลา ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ถึงจะเห็นผล

สายตาคมทอดมองไปที่ไร่องุ่นของเขาหลังจากที่ลูกพี่ลูกน้องหนุ่มออกไปแล้ว รถเข็นไฟฟ้าถูกพาให้เคลื่อนมาที่ระเบียงตามคำสั่งของผู้บังคับ ร่างสูงโปร่งเหม่อมองไร่องุ่นของที่กินพื้นที่ขนาดใหญ่ สุดลูกหูลูกตา แสงสว่างจากดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ทำให้บรรดาในตอนนี้ดีมากเลยทีเดียว แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องไปทั่วไร่ ต้นองุ่นสีเขียวถูกปลูกไว้อย่างเป็นแถวเป็นแนวเรียบร้อย ภูเขาสองลูกที่ห้อมล้อมไร่ของเขาอยู่ช่วยทำให้ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามยิ่งขึ้นยิ่งมองจากตรงนี้ด้วยนั้นเกินจะบรรยายความสวยงามออกมาเป็นคำพูดได้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อต้องมานั่งมองมันคนเดียว ไร้ซึ่งคนเคียงข้าง ไร้ซึ่งคนห่วงใย จะมีใครต้องการคนพิการๆ แบบเขา…ใช้มือข้างเดียวนับยังเหลือ ไม่สิไม่มีเลยมากกว่า จะมีผู้หญิงคนไหนที่จะทนอยู่กับคนพิการไปตลอดชีวิตอย่างเขาได้…ใครๆ ก็ต้องการคนที่ปกป้องดูแล เคียงข้างกันอย่างไม่อายใคร จะมีใครไม่แคร์สายตาคนอื่นและรักเขาด้วยใจจริงบ้าง แม้แต่พ่อแท้ๆ ของเขายังไม่คิดจะเหลียวแล ขนาดว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นเดินไม่ได้ขนาดนี้แล้ว ท่านก็ไม่เคยย่างกรายเข้ามาใกล้เข้าเลยแม้แต่น้อย

“คนอย่างมึง สมควรแล้วที่จะอยู่คนเดียว ไอวินท์”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel