21 แกงเขียวหวาน
“แล้วก็อย่าให้มันหยดใส่บ้านฉันแม้แต่หยดเดียว เพราะฉันรังเกียจน้ำตาของลูกฆาตกร!”
“ได้ยินไหม เธอมันลูกฆาตกร!!”
“ฮึก ฮือ” เสียงตวาดลั่นของเขาทำให้เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป แค่เธอเกิดเป็นลูกของผู้หญิงคนนั้นมันผิดมากหรือไง เธอเลือกเกิดได้งั้นหรอ ถ้าเธอเลือกได้เธอก็ไม่อยากที่จะเป็นแบบนี้สักหน่อย
“เพราะแม่เธอทำให้แม่ฉันต้องตายได้ยินรึเปล่า ขวัญข้าว!”
“ดวงแขแม่ของเธอ มันทำให้แม่ฉันต้องตาย” ดวงตาคมตวัดมองหญิงสาวที่ยืนร่ำไห้อยู่ตรงหน้า เมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้บุคคลที่รักเขาและเขาก็รักมาก ๆ จากไป ความแค้นในใจก็กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง
“ขวัญขอโทษ…” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยออกไป เมื่อสังเกตดวงตาคมกำลังวูบไหว นัยน์ตาแดงก่ำ ราวกับว่าเขากำลังเจ็บปวดและเสียใจอยู่ เธอจึงเลือกที่จะมองข้ามความเจ็บปวดในใจของตัวเองไปก่อนด้วยความเป็นห่วงเขา
“ถ้าพอจะมีอะไรที่ทำให้คุณหายเจ็บปวดกับเรื่องนั้นได้ ขวัญยอมทำทุกอย่างค่ะ”
“ทุกอย่างงั้นหรอ?”
“ทำให้ผู้หญิงคนนั้นมันเจ็บสิ ให้มันรู้สึกผิดกับสิ่งที่มันทำ ไม่ใช่ยังลอยหน้าลอยตาแบบไม่รู้สึกอะไรแบบนั้น”
“เสวยสุขอยู่บนความทุกข์ ความตายของคนอื่น ถูกเลี้ยงดูมาแบบไหนกัน! ถึงได้ทำตัวน่ารังเกียจทั้งแม่ทั้งลูกแบบนี้”
“หึ ฉันก็ลืมไปสันดานชั่ว ๆ มันคงถูกถ่ายทอดมาทางสายเลือดสินะ”
“…”
“เงียบแบบนี้คือยอมรับแล้วสินะ หึ”
มือบางกำเข้าหากันแน่นอย่างพยายามข่มกลั้นอารมณ์ เขากล่าวหาว่าเธอหรือผู้หญิงคนนั้นยังไงก็ได้ แต่เขาไม่มีสิทธิ์มาว่ายายของเธอ ยายเลี้ยงดูเธอมาอย่างดี สั่งสอนในสิ่งที่ดีให้แก่เธอเสมอ ต่างจากผู้หญิงคนนั้นที่ไม่เคยให้อะไรกับเธอเลยนอกจากความเจ็บปวด
เธอเลือกที่จะไม่ตอบโต้เขาไปเพราะเห็นว่าเขากำลังเสียใจกับการกระทำของผู้หญิงคนนั้น อยากให้เขาได้พูดระบายความเจ็บปวดในใจออกมาบ้าง
เผื่อจะทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างมันดีขึ้น แต่ไม่คิดว่าการเลือกทำแบบนี้มันจะย้อนกลับมาทำร้ายให้เธอเจ็บปวดอีกครั้ง
“จะไปไหนก็ไป!” เสียงเข้มตวาดใส่เธออีกครั้งด้วยความหงุดหงิด
เมื่อเห็นเธอเอาแต่ก้มหน้ายอมรับ ไม่ยอมโต้ตอบอะไรเข้ากลับมา
“โธ่เว้ย” ลับร่างของเธอไปแล้วมือหนาตบเข้าที่พนักเก้าอี้อย่างหงุดหงิด กะจะยอมก็ยอมง่าย ๆ เสียงเจื้อยแจ้วที่ชอบโต้เถียงเขายามเขาพูดอะไรไม่ถูกใจเธอหายไปไหนกัน…หรือว่าเขาจะว่าเธอแรงเกินไป ไม่! มันเป็นสิ่งที่เธอควรได้รับอยู่แล้ว
ส่วนหญิงสาวที่ถูกเขาตวาดใส่อยู่หลายต่อหลายครั้งก็หลบมานั่งร้องไห้คนเดียวเงียบ ๆ ที่ม้านั่งมุมหนึ่งของสวนหลังบ้านเขา สายตาเหม่อลอยมองออกไปยังไร่องุ่นตรงหน้า ล้อมรอบบ้านของเขาห่างออกไปหลายเมตรจะมีไร่องุ่นล้อมรอบไว้ไกลสุดลูกหูลูกตา ขาเรียวยาวลุกขึ้นเดินไปยังไร่องุ่นที่ปลูกห่างออกไปไม่ไกลนัก พวงองุ่นสีม่วงออกไปทางดำเข้ม ๆ ลูกกลมโตเป็นพวงอัดเรียงกันแน่นสวยงาม ทำให้คนที่เดินมาดูมันใกล้ ๆ ถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยความอยากกินมัน เธอไม่เคยเห็นองุ่นสด ๆ จากต้นในระยะใกล้แบบนี้ แถมยังเห็นมันได้ชัดเจน ไม่เห็นอย่างตอนนั้นที่จะมองเห็นมันได้ ต้องใช้ไฟฉายส่อง แถมยังมีแสงจากดวงอาทิตย์ทำให้มันดูเงา ๆ น่ากินมากขึ้นไปอีกเท่าตัว
“ทำไมพวกแกน่ากินอย่างนี้นะ”
“ลูกเดียวคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ” เมื่อน่ากินขององุ่นตรงน่ามันเย้ายวนใจทำให้เธออดใจไม่ไหว ใบหน้าสวยหันมองซ้ายมองขวาก่อนที่มือบางจะยื่นออกไปเด็ดองุ่นหนึ่งลูกจากองุ่นพวงสวยตรงหน้า เช็ดเข้าที่เสื้อของตัวเองก่อนจะส่งเข้าปากทั้งลูก กัดเข้าไปเพียงคำเดียวก็ต้องรีบคายทิ้งออกมา
“ทำไมขมอย่างนี้เนี่ย” ทั้งขมทั้งเปรี้ยว ไม่อร่อยเหมือนหน้าตาเลย องุ่นอะไรเนี่ย
“ไร่ก็ออกจะใหญ่โต ก็ไม่คิดว่าจะขี้งกปลูกของไม่มีคุณภาพแบบนี้” หนอยมาหลอกให้เธอกิน เมื่อถูกหลอกให้ลิ้มลองของไม่อร่อย ก็เดินกลับเข้าบ้านอย่างหงุดหงิด ใบหน้าสวยบึ้งตึง ทำเอาคนนั่งมองอยู่ที่ห้องกระจกโถงทางเดินของบ้านถึงกลับกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ จากที่โมโหกับหญิงสาวเมื่อครู่เรื่องแม่ของเธอพอได้เห็นท่าทางของเธอในตอนนี้แล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“ยัยเพี้ยนเอ้ย” องุ่นใช้สำหรับทำไวน์มันจะอร่อยเหมือนองุ่นสำหรับกินได้ยังไง สำหรับกินปลูกอยู่อีกฝั่งของไร่ แต่เธอคงจะไม่เคยไป เขาเห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวที่ชิงช้าหลังบ้าน กำลังจะเลื่อนรถเข็นเข้าห้องพอดี สายตาเขามันดันเหลือบไปเห็นเธอซะก่อนเลยบังคับรถเข็นให้มาชิดกระจกเพื่อมองดูเธอ
พอมาถึงก็เห็นเธอกำลังเดินไปยังต้นองุ่นหลังบ้าน หน้าตาดูสดใสเมื่อเห็นพวงองุ่นพวงสวยที่อัดแน่นไปด้วยลูกองุ่น ก่อนจะมองซ้ายมองขวาเด็ดเอามันขึ้นมากินหน้าตาเหยเกก่อนจะคายมันทิ้ง แล้วก็เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางบึ้งตึง
จะว่าตั้งแต่เธอมาอยู่เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโมโหร้ายน้อยลง จะว่าน้อยลงก็ไม่ได้เพราะเมื่อครู่นี้เขาพึ่งจะตวาดใส่เธอไปไม่รู้สิ เขารู้สึกว่ามันลดลงไปกว่าเมื่อก่อนตั้งแต่ตอนที่เขาได้รับอุบัติเหตุใหม่ ๆ ในตอนนั้นเขารู้สึกว่ายอมรับสภาพตัวเองในตอนนั้นไม่ได้ทำให้มักจะโมโหร้ายอาละวาดใส่คนอื่นอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นหมอ หรือพยาบาลที่มาดูแล จนถึงกับต้องเปลี่ยนพยาบาลที่มาดูแลคนไข้โมโหร้ายของเขาอยู่บ่อย ๆ ถึงยังไงก็ไม่มีอะไรแน่นอนมันอาจจะกลับมาอีกครั้งก็ได้ใครจะไปรู้
“ปัด ปัด ถู ถู ใกล้เสร็จแล้วยัยขวัญ” ขวัญข้าวพูดกลับตัวเองหลังจากที่เธอทำความสะอาดบ้านของเขาคนเดียวทั้งหลังเนื่องจากวันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลย มีแค่และเขา เขาก็คงอยู่ในห้องนอน ไม่ก็ห้องทำงาน นั่นแหละที่เป็นปัญหาเพราะเหลืออีกเพียงสองห้องที่ยังไม่ได้ทำความสะอาด นั่นก็คือห้องนอนของเขา และห้องทำงานของเขา แล้วนี่ก็ใกล้ถึงเวลาที่เธอต้องไปทำอาหารแล้วด้วย ถ้าไม่ทำเขาจะว่าเธอไม่นะ แต่ปกติที่เคยเข้าไปห้องเขาก็สะอาดมาโดยตลอด เก็บไม่เก็บก็คงจะเหมือนกัน แต่ถ้าไม่เก็บแล้วเขาเกิดมาว่าทีหลังล่ะ อีตาบ้านี่ยิ่งอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ โอ้ยจะเอายังไงดี
“เก็บก็เก็บ เขาโมโหใส่ เขาจะว่าอะไรก็แค่เมินไปทำเหมือนไม่ได้ยิน
เก็บ ๆ แล้วก็รีบออกมา”
“โอเคยัยขวัญแกทำได้”
ก๊อก ๆ
“ขวัญขอเข้าไปทำความสะอาดนะคะ” ไร้เสียงตอบรับจากภายในเธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของเขามองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นเจ้าของห้องอยู่ในนี้จึงรีบทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูอย่างที่เคยทำตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ปกติเธอจะไม่ค่อยได้มาทำห้องของเขา แต่วันนี้ไม่ปกติเพราะมันไม่มีใครอยู่ แถมเขายังโมโหร้ายใส่เธออีก คิดแล้วก็นึกเคืองอยู่ไม่น้อยคนอุตส่าห์หวังดีแต่เขากลับตอบแทนเธอด้วยน้ำตา ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ เลย
เสร็จจากห้องนอนของเขาเธอก็พาตัวเองมาอยู่ที่หน้าห้องทำงานของเขาต่อ ไม่กล้าแม้จะหยิบจำอะไร หรือเปิดดูอะไรในห้องของเขา เธอกลัวว่าหากเขามาเห็นเขามันคงจะไม่ใช่เรื่องดี และเธอเองก็ไม่อยากเสียมารยาท
ก๊อก ๆ
“ขวัญขอเข้าไปนะคะ” และก็อีกเช่นเคยที่ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างใน เธอเปิดประตูเข้ามาในห้องช้า ๆ พร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาดในมือ ดวงตาคู่สวยกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องทำงานของเขา ก่อนจะเห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งนักทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน ใบหน้าหล่อเหลาดูเคร่งเครียด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเหมือนกับว่าเขากำลังใช้ความคิดอยู่
“ออกไป” แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำความสะอาด เขาก็เอ่ยปากไล่เธอออกไปเสียก่อน
“ขวัญมาทำความสะอาดค่ะ”
“ไม่ต้อง ออกไปได้แล้ว”
เขาพูดย้ำอีกครั้ง ครั้งนี้เธอก็ยอมเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี ก็ในเมื่อเขาไล่แล้วจะดึงดันอยู่ให้เขาต่อว่าอีกทำไม
ขวัญข้าวเดินออกมาจากห้องของเขาอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินไปยังห้องครัว นั่งพักเอาแรงอยู่สักพักหนึ่งจึงลงมือทำอาหารให้เขาต่อ ดูท่าแล้ววันนี้ป้ารุ้งคงจะไม่มา
แกงเขียวหวานไก่หน้าตาน่าทานถูกตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟ พอดีกับชายหนุ่มเจ้าของบ้านที่บังคับรถเข็นเข้ามาภายในห้องอาหารทันทีอย่างรู้เวลา เธอเสิร์ฟข้าวสวยพร้อมกับแกงเขียวหวานไก่ให้เขา จากนั้นก็เดินเลี่ยงออกไป ครั้งนี้เขาไม่ได้รั้งเธอไว้ให้อยู่กินข้าวด้วย แต่เป็นเธอเองที่ทนไม่ไหวเวลามองมายังโต๊ะอาหารกว้าง แล้วเห็นเขานั่งทานข้าวคนเดียวอย่างโดดเดี่ยวใจดวงน้อยของเธอมันบีบรัดเข้าหากันอย่างเจ็บปวด เธอจึงเดินไปตักข้าวพร้อมกับราดแกงเขียวหวานไว้ข้างบนถือวิสาสะมานั่งกินข้าง ๆ เขา ทันทีที่นั่งลงเขาชายตามองเธอเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดหรือต่อว่าอะไรลงมือรับประทานอาหารของตัวเองเงียบ เธอเองก็ทานอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน เพียงแต่แอบมองเขาอยู่เป็นระยะ
จนในที่สุดก็ถูกเขาจับได้
“มองอะไร”
“ป เปล่า ค่ะ”
“หึ”
ใช้เวลาไม่นานการทานข้าวภายใต้ความเงียบก็จบลง วายุบังคับรถเข็นเพื่อที่จะกลับเข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง ส่วนเธอก็ทำหน้าที่เก็บโต๊ะอาหาร แต่ก่อนที่เขาจะเคลื่อนที่ไปได้ไกลเธอก็ตะโกนไล่หลังเขาไป
“เดี๋ยวขวัญไปช่วยทำกายภาพบำบัดนะคะ” รถเข็นไฟฟ้ายังคงเคลื่อนต่อไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำเอาคนยืนรอคำตอบถึงกับใจแป๋วไปเลยทีเดียว
รออยู่สักพักเขาถึงตอบกลับมา
“อืม” ใบหน้าสวยอมยิ้มน้อย ๆ ในคำตอบของเขา เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะยิ้มทำไม คงจะดีใจละมั้งที่เขายอมรับความช่วยเหลือจากเธอไม่ได้ปฏิเสธเหมือนกับทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา
ขวัญข้าวยืนมองนาฬิกาบนผนังห้องครัว เธอเก็บทำความสะอาดห้องครัวเสร็จสักพักใหญ่แล้วแต่ก็ยังไม่ได้ขึ้นไปหาเขา เธอปล่อยให้เวลาผ่านไป เพื่อที่จะให้อาหารที่กินไปเมื่อเย็นได้ย่อยก่อน และเธอเองก็ได้อาบน้ำและพักเหนื่อยเช่นกัน
“เวลาเท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว”
ร่างบอบบางสูงเพรียวแบบฉบับนางแบบอยู่ในชุดนอนกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวเก่า ๆ ในตู้เสื้อผ้าห้องที่เขาจัดหาให้ในนั้นมีเพียงเสื้อผ้าเก่า ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าเป็นเสื้อผ้าของใครบ้างแต่เธอก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ในบางครั้งองุ่นก็จะนำเสื้อผ้าของตัวเองมาให้เธอบ้าง ในทีแรกเธอก็ปฏิเสธไป แต่องุ่นบอกว่าเป็นเสื้อผ้าที่เธอไม่ใช้แล้ว แต่ทว่าเธอดูยังไงก็ไม่เหมือนกับของไม่ใช้แล้วเพราะมันยังอยู่ในสภาพดี ๆ ทั้งนั้น แม้บางตัวก็ดูเก่า ๆ ไปบ้างแต่มันก็สะอาดสะอ้าน ไม่เปรอะเปื้อนคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ เมื่อคนให้อยากที่จะให้มันกับเธอแม้ว่าเธอจะปฏิเสธอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็ต้องยอมจนได้
“พี่ขวัญรับไปเถอะนะคะ องุ่นไม่ได้ใช้แล้ว จริง ๆ”
“แต่มันยังดูใหม่อยู่เลยนะองุ่น”
“ใหม่ที่ไหนกันคะ อย่างตัวนี้สีซีดหมดแล้ว” มือน้อย ๆ หยิบเสื้อตัวที่สีซีดสุด ๆ ขึ้นมายื่นให้อดีตนางแบบสาวดู
“พี่หมายถึงพวกนี้ต่างหาก” เธอชี้ไปยังตะกร้าเสื้อผ้าที่มีแต่ชุดใหม่ ๆ เต็มไปหมด
“มันเก่าแล้วทั้งนั้น พี่ขวัญดูไม่ดี ไม่รู้แหละยังไงองุ่นก็จะให้พี่ขวัญ”
“รับไว้นะคะ องุ่นขอตัวไปช่วยป้าทำงานก่อน”
“บายค่ะ”
ถึงจะได้เสื้อผ้าชุดใหม่ที่องุ่นให้มาแต่เธอก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใส่มันเสียเท่าไหร่ เธอต้องทำงานในไร่ แถมยังต้องทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร จะใส่ชุดใหม่ ๆ ให้มันเปื้อนทำไมแบบนี้ก็ดูดีแล้ว
ก๊อก ๆ
“ขวัญขอเข้าไปนะคะ” ขาเรียวยาวก้าวเข้ามาในห้องของเขาก่อนที่สายตาจะปะทะเข้าชายหนุ่มรูปงามที่เปลือยท่อนบนนั่งอยู่บนรถเข็น หยดน้ำเม็ดเล็ก ๆ เกาะอยู่ที่แผงอกเขาประปราย บ้างหยดก็ไหลลงมาผ่านกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยอยู่บริเวณหน้าท้องของเขาก่อนจะหยุดที่ขอบกางเกงที่เขานุ่งมันอย่างหมิ่นเหม่ คาดว่ามันคงจะหยดลงมาจากผมของเขาที่ไม่เป็นทรงเพราะยังเปียกน้ำหมาด ๆ ใบหน้าหล่อสะบัดไปมาเพื่อให้ผมแห้ง พร้อมกับใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวสะอาดตาคอยเช็ดอยู่ตลอด