20 ลูกฆาตรกร
“หลังจากที่คุณวินท์ผ่าตัดไปเมื่อสามสัปดาห์ก่อนและทำกายภาพต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ นิลว่าอีกไม่นานคุณวินท์ก็คงจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง” หลังจากที่ลองฝึกเดินตามท่าที่เหมาะสมแล้วนรียาจึงเอ่ยขึ้น
“กูก็ว่างั้นนะไอวินท์ มึงดูดีขึ้นมากเลย”
“แต่ก็อย่าพึ่งดีใจไปนะคะ ถ้ายังรู้สึกตึงบริเวรหลังต้องหมั่นออกกำลังกายตามที่เคยฝึกกันตอนอยู่ที่โรงพยาบาลบ่อย ๆ เพื่อยืดกล้ามเนื้อ แต่ก็อย่าหักโหมมากนะคะ”
“ส่วนเรื่องฝึกเดินก็ค่อย ๆ เพิ่มระยะทางให้มากขึ้นในแต่ละวัน อย่างที่คุณวินท์ทำให้นิลดูวันนี้ดีมากเลยทีเดียวค่ะ”
“เรามาต่อกันไหมคะ” คำพูดสองแง่สองง่าม ทำให้หญิงสาวที่กำลังยืนฟังการอธิบายอยู่ถึงกับเลิกคิ้วขึ้น เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน ‘แกอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ขวัญมันไม่มีอะไรหรอกน่า’
“งั้นรบกวนคุณนิลด้วยครับ”
“เรียกคุณอะไรกันคะ เรียกนิลเฉย ๆ ก็พอค่ะ ไหน ๆ เราก็เคยเจอกันมาก่อน”
Rrrr Rrrr เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทั้งให้สายตาทั้งสามคู่หันไปมองยังต้นเสียง โดยไม่ได้นัดหมาย
“ขอศัพท์ผมเองครับ ขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อน เชิญทุกคนก่อนได้เลย”
“งั้นเรามาเริ่มกันจริง ๆ แล้วนะคะ”
“ถ้าคุณขวัญจะยืนดูเฉย ๆ ก็ช่วยถอยออกไปห่าง ๆ หน่อยได้ไหมคะ มันเกะกะ”
“คะ? ”
“ถ้าจะช่วยดูแลคุณวินท์อย่างที่วีบอกไว้ก็เชิญขยับเข้ามาใกล้แล้วตั้งใจฟัง ตั้งใจปฏิบัติตามด้วยนะคะ ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ”
“ค่ะ” มาไม้ไหนของเธอกันอีกล่ะเนี่ยเดี๋ยวไล่ เดี๋ยวเรียก แต่ดูท่าแล้วหญิงสาวตรงหน้านี้คงจะไม่ค่อยชอบเธอเสียเท่าไหร่
“ค่อยยกขาขึ้นแบบนี้นะคะ ค้างไว้ประมาณ 5-10 วินาที จากนั้นสลับข้าง” หลังจากที่วายุนอนหงายราบไปกับเบาะที่จัดเตรียมไว้แล้วเธอก็เริ่มสาธิตให้อีกฝ่ายดูทันที
“ท่าต่อไปนะคะ งอเข่า งอสะโพกทีละข้าง ให้มีความรู้สึกตึงบริเวณหลัง ค้างไว้ 5-10 วินาที จากนั้นให้ทำสลับข้าง เป็นไงบ้างคะคุณวินท์”
“ต่อเลยครับ”
นักกายภาพบำบัดสาวจัดการสาธิตท่าทางต่าง ๆ ให้เธออย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะสามารถถ่ายทอดได้ เพราะเธอคงจะไม่ได้มาที่นี่บ่อย ๆ ที่นี่หากจากโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่หลายร้อยโลเลยทีเดียว แถมยังห่างไกลความศิวิไลซ์อีกด้วย แม้จะมีความรู้สึกถูกใจกับเจ้าของไร่หนุ่มอยู่ไม่น้อย เขามีพร้อมทุกอย่างทั้งรูปร่างหน้าตา ถ้าไม่ติดที่เขาเดินไม่ได้เธอไม่เชื่อเลยว่ามันจะทำให้เขาโสดให้เธอหมายตาแบบนี้ แต่เธอไม่ติดอะไรอยู่แล้วเขากำลังจะกลับมาเดินได้ในอีกไม่ช้า เพราะงั้นเธอต้องทำให้เขากลับมาเดินได้ดังเดิมในเร็ววันเพื่อจะได้สานสัมพันธ์กันต่อ ดีทั้งลูกพี่ลูกน้องแบบนี้เผื่อไว้เป็นตัวเลือกก็ไม่เสียหาย เผลอ ๆ อาจจะดีกว่าแฟนเก่าเธอเสียด้วยซ้ำ
“แล้วนี่วีไปไหนแล้วหรอคะ นิลเห็นออกไปคุยโทรศัพท์แล้วก็หายไปเลย” นรียาเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่โยกย้ายกันมาบริเวณห้องรับแขกแล้ว ตอนนี้เธออยู่กับชายหนุ่มเจ้าของบ้านและเจ้าของไร่กันสองคนส่วนหญิงสาวอีกคนนั้นถูกเขาใช้ให้ไปยกน้ำชาและของว่างมา จึงเป็นโอกาสดีที่เธอจะเปิดทางไว้สำหรับอนาคต
“คงจะมีเคทด่วน น่ะครับ”
“คุณวินท์นี่ดูสุภาพจังเลยนะคะ พูดกับนิลดูนุ่มนวลมีหางเสียงตลอดเวลาเลย”
“อิจฉาแฟนคุณแย่เลยที่ได้คุณเป็นแฟน”
“หึ มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณนิลคิดก็ได้ครับ”
“ส่วนเรื่องแฟนผมยังโสดครับ” สายตาคมเหลือบไปเห็นร่างบอบบางที่กำลังถือถาดน้ำชาและของว่างเข้ามาพอดีจึงเอ่ยขึ้น
“จริงหรอคะ บังเอิญจังเลยนะคะ นิลเองก็โสดเหมือนกัน”
“จะเป็นไรไหมคะถ้านิลอยากจะขอช่องทางติดต่อกับคุณไว้ เผื่อไว้อัปเดตเรื่องการรักษาของคุณ และก็เรื่องของเรา” สายตาเชื้อเชิญถูกส่งไปให้อีกฝ่ายอย่างสื่อความหมาย แต่ด้านชายหนุ่มนั้นเขายังไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มร้ายส่งให้เธอเท่านั้น แต่พอหญิงสาวที่ถูกเขาใช้เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงเอ่ยตอบกลับไปพร้อมกลับรอยยิ้มละมุนชวนฝัน
“ยินดีครับ :) ”
“คุณขวัญมาพอดีเลย รู้ใจจังเลยค่ะ นิลกำลังหิวอยู่พอดีเลย” คนถูกพูดด้วยไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียง ส่งเพียงรอยยิ้มน้อย ๆ ให้อีกฝ่ายเท่านั้น มือบางจดเรียงของว่างพร้อมกับน้ำชาให้ทั้งสอง และกำลังจะขอตัวออกไปทำงานอย่างอื่นของเธอต่อ ว่านี้ป้ารุ้งไม่อยู่คงจะมีงานให้เธอทำเยอะเลยทีเดียว แต่ยังไม่ทันได้พูดเอ่ยขอตัวก็มีเสียงรถขับเข้ามาจอดเสียก่อน ก่อนจะมีการปรากฏตัวของชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ไม่เพียงเท่านั้นยังหน้าตาดีอีกด้วย
“มาทำไม” เสียงเข้มเอ่ยพูดอย่างไม่อยากต้อนรับแขกที่ไม่เคยรับเชิญ
“แหมคุณพ่อเลี้ยงพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก เราคนกันเองทั้งนั้น ใช่ไหมครับคุณขวัญ”
“คะ?” เหมือนกับเขาทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้เธอ เธอไปรู้จักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ และตั้งแต่ตอนไหน ทำไมเขาถึงได้พูดจาราวกับว่ารู้จักเธอมาก่อน
แถมยังรู้จักชื่อเธออีกด้วย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับเรื่องนี้เพราะเธอเคยเป็นนางแบบที่มีชื่อเสียงมาก ๆ มาก่อน แต่ท่าทางที่เขาแสดงออกกับเธอนี่สิที่มันแปลก แถมรอยยิ้มที่ส่งมาให้เธออีก เหมือนกับว่ามันมีบางอย่างแอบแฝงอยู่
“กูถามว่ามาทำไม ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ออกไปได้แล้ว” เสียงเข้มเอ่ยชัดถ้อยชัดคำเพื่อเป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่าเขาไม่รับแขกอย่างมัน
“เอาการ์ดเชิญงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มาให้ก็เท่านั้น ดีสู้ไวน์ชั้นเลิศของมึงได้เลย ถ้าสนใจอยากจะมาดูความสำเร็จของกูก็มา” การ์ดเชิญถูกวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะหันมายิ้มเยาะให้เจ้าของไร่
“เชิญคุณขวัญด้วยนะครับ”
“คะ?”
“แล้วเจอกันครับ”
“ผมหวังว่าจะได้เห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มผู้โด่งดังไปในงานนะครับคุณวายุ”
“หืม … แต่ก็คงจะไม่กล้าออกงานสังคมสินะครับ ก็สภาพ...เป็นแบบนี้ หึ” สายตาคมไล่มองอีกฝ่ายอย่างดูถูกไม่ปิดบัง
“ไอชวัฒน์มึง!!!” วายุจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง เขาไม่เคยเกรงกลัวอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย จะไม่ชอบก็แต่คำพูดและสายตาของมัน มันชักจะดูถูกเขามากเกินไปแล้ว
“รับไม่ได้งั้นหรอ ที่ต้องเป็นไอเป๋ไปตลอดชีวิตแบบนี้ แม่ก็ตาย เมียก็ทิ้ง พ่อก็ทิ้ง น่าสงสารว่ะ”
“งั้นก็ส่งตัวแทนไร่ไปก็แล้วกันนะ คงจะลดความขายหน้าลงไปได้บ้าง”
“คุณคะ ฉันไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร แต่การที่คุณมาพูดแบบนี้ฉันว่ามันไม่ถูกต้อง คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดดูถูกเหยียดหยามคนอื่นแบบนี้ เขาก็เป็นคนเหมือนกับคุณ เขาตัวคนเดียวแล้วไงคะ เขาก็ทำทุกอย่างได้ด้วยตัวของเขาเองไม่เห็นต้องพึ่งใคร ไม่เห็นต้องร้องขอให้ใครมาช่วยเหลือ เขาจัดการหลาย ๆ อย่างได้ด้วยตนเอง ฉันว่าการบริหารจัดการไร่เขาก็ทำมันได้ดีไม่น้อยหน้าไปกว่าคนอื่นที่มีความพร้อมทางด้านร่างกายหรอกนะคะ”
“คุณไม่ละอายใจบ้างหรอคะที่…”
“พอได้แล้ว!!” เสียงเข้มตวาดลั่นไปทั่วบริเวณหลังจากที่นั่งทนฟังหญิงสาวพูดอยู่นาน แม้จะรู้สึกดีที่เธอพยายามจะออกตัวปกป้อง แต่การที่เขามีคนอื่นมาออกหน้าแทนแบบนี้ เขาไม่ต้องการ มันทำให้เขารู้สึกเกลียดตัวเองไปมากกว่าเดิมเกลียดตัวเองที่น่าสงสารจนต้องมีคนมาออกตัวพูดปกป้องแทนแบบนี้!
เขาไม่ได้อับอายที่จะไปไหนมาไหนทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นแบบนี้ เพียงแค่รู้สึกโกรธตัวเอง และเกลียดสายตาที่ทุกคนมองเขา มองราวกับว่าเขาน่าสงสารและน่าสมเพช เขาไม่ชอบสายตาพวกนั้น สายตาที่แสดงถึงความดูถูกเหยียดหยามในวันที่เขาล้ม แต่ในวันที่เขายืนขึ้นได้ก็กลับเปลี่ยนสียิ้มแย้มยินดีไปกับเขา เขาเกลียดคนประเภทนี้เป็นที่สุด ขยะแขยงจนไม่อยากจะเข้าใกล้หรือใช้ลมหายใจร่วมด้วย แต่ในเมื่อเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ คงทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบรับ
“ส่วนเรื่องงานเปิดตัวกูไปแน่!!”
“พอใจกลับคำตอบที่มึงต้องการแล้วใช่ไหม งั้นมึงก็ออกไปได้แล้ว!”
“คุณนิลครับต้องขอโทษด้วยนะครับที่เสียมารยาท เดี๋ยวผมให้คนขับรถไปส่งนะครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบนี้แล้วก็ไม่มีใครกล้าทักท้วงใด ๆ แม้แต่ชวัฒน์เองเขาก็ยอมถอยไปแต่โดยดี แม้จะเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรื่องก่อน แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปส่งยิ้มให้อดีตนางแบบสาว
“แล้วเจอกันครับคุณขวัญ”
“ถ้างั้นนิลขอตัวก่อนนะคะ ลาค่ะ”
“ไว้นิลจะติดต่อไปนะคะ:) ”
“ครับผมจะรอ” เสียงทุ้มเอ่ยตอบกลับไปต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ ทำเอาหญิงสาวที่ยืนฟังอยู่เงียบ ๆ รู้สึกเจ็บแปลบที่ขั้วหัวใจ
“ส่วนเธอจะไปไหนก็ไป!!” น้ำเสียงที่เขาตวาดใส่เธอทำเอาเธอน้ำตาแทบร่วง เมื่อกี้เขายังพูดกับผู้หญิงอีกคนดีๆ อยู่เลย ไหนเลยถึงมาตวาดใส่เธอแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอช่วยพูดเพื่อเขา …
“แล้ววันหลังก็อย่ามาสะเออะพูดแทนฉันอีกถ้าฉันไม่ได้สั่ง ก็หุบปากไว้! เดี๋ยวเขาจะหาว่าแม่ไม่สั่งสอน”
“อ้อ จริงสิ แม่เลว ๆ แบบนั้นจะสอนลูกให้ดีได้ยังไง แม่มันเลวแบบไหนลูกมันก็คงไม่ต่างกัน หึ”
แหมะ ทันทีที่เขาพูดหมด น้ำตาก็ร่วงหยดลงบนแก้มนวลทันที ทำไมเขาถึงได้ใจร้ายกับเธออีก เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย มันเป็นเพราะเธอเป็นลูกของผู้หญิงคนนั้น หรือเป็นเพราะเธอออกปากปกป้องเขากันแน่…
“เก็บน้ำตาของเธอกลับไป มันใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอกนะ”
“แล้วก็อย่าให้มันหยดใส่บ้านฉันแม้แต่หยดเดียว เพราะฉันรังเกียจน้ำตาของลูกฆาตกร!”