17 เป็นห่วง
“ป้ารุ้งจะไปไหนหรอคะ” ขวัญข้าวเอ่ยทัก หลังจากที่กลับมาจากทำงานอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เธอก็เดินเข้ามาในห้องครัวเพื่อจะช่วยงานคุณป้าตรงหน้าต่อ แต่ดูเหมือนว่าคุณป้ากำลังจะเดินออกไปไหนสักที่ พร้อมกับถาดอาหารที่มีเพียงกาแฟแก้วเดียว นี่ก็จะหกโมงเย็นแล้วจะยกไปให้ใครกัน คนกินนี่กะจะไม่นอนเลยใช่ไหมนั่น
“อ๋อป้าจะเอากาแฟไปให้คุณวินท์น่ะ คุณวินท์แกขอกาแฟมา”
“คุณขวัญว่างรึเปล่าคะ ป้าฝากยกไปให้คุณวินท์ที ป้าจะกลับไปดูแกงส้มผักบุ้งต่อ พอดีว่าป้าทำค้างไว้อยู่ เดี๋ยวจะไหม้เอา” เธอหาช่องทางให้หญิงสาวได้อยู่ใกล้ชิดกับพ่อเลี้ยงหนุ่มของตนทันทีที่มีโอกาส อย่างที่หลานสาวองุ่นของเธอว่า ก็เลยพยายามให้สองคนได้ใกล้ชิดกันมาก ๆ อาจจะก่อเกิดเป็นความรักขึ้นในไม่ช้าก็ได้
“เดี๋ยวขวัญไปดูแกงส้มให้ก็ได้ค่ะ ป้ารุ้งยกไปให้คุณวินท์เถอะค่ะ เดี๋ยวตรงนี้ขวัญจัดการเอง”
“คุณขวัญยกไปน่ะดีแล้วล่ะค่ะ ช่วงนี้ป้ารู้สึกปวดหลัง ปวดแข้งปวดขา เป็นตะคริวบ่อย กลัวว่าขึ้นบันไดแล้วจะสะดุดล้มเอา คุณขวัญช่วยป้าทีนะคะ”
“ถือว่าเห็นแก่ คนแก่คนนี้” ไม่รอให้หญิงสาวตอบถาดกาแฟในมือวางไว้บนมืออดีตนางแบบสาวอย่างไม่ต้องการให้เธอได้ปฏิเสธ แต่ถึงอย่างไรคนตรงหน้าเธอก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธอยู่แล้ว เธออ้างความเจ็บปวดมาเสียขนาดนี้ คนใจดีอย่างขวัญข้าวไม่มีทางที่จะให้เธอทำอย่างแน่นอน
“โอเคค่ะ โอเคค่ะ ขวัญยอมแล้ว” เมื่อคุณป้าตรงหน้าพูดมาเสียขนาดนี้ จะให้เธอปฏิเสธก็กระไร ๆ อยู่
“คุณวินท์อยู่ห้องทำงานนะคะ ขึ้นบันไดไป อยู่ติดกับห้องคุณวินท์เลยค่ะ อยู่ทางขวามือ”
“แค่นี้ก็เรียบร้อย”
ลับร่างของขวัญข้าวอดีตนางแบบสาวไปแล้วรุ้งก็ยิ้มดีใจให้กับผลงานของตัวเอง ส่วนทางด้านขวัญข้าวเองเมื่อเดินขึ้นบันไดมาก็ตรงไปยังสถานที่ที่หญิงวัยกลางคนเมื่อครู่บอกเธอทันที
“คงจะเป็นห้องนี้ ใช่ไหมนะ” ปากน้อยเอ่ยพูดคุยกับตัวเองก่อนจะตัดสินใจเคาะประตู
ก็อก ก็อก แต่ก็ว่าเปล่าไร้เสียงตอบรับจากคนด้านได้
“มีใครอยู่ข้างในไหมคะ ฉันขอเข้าไปนะคะ”
“คุณวินท์!!!” เปิดประตูเข้ามาก็ต้องตกใจกับภาพตรงหน้า มือสวยรีบวางถาดกาแฟในมือลง ก่อนจะถลาตัวเข้าไปประคองเขาไว้เมื่อเห็นว่าเขาจะล้มลงกับพื้นได้ทันท่วงที
“ทำบ้าอะไรของเธอ!”
ผลัก เสียงเข้มเอ่ยว่าเธอเสียงดังก่อนจะยกมือขึ้นผลักเธอออกไป เข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือ เขาไม่อยากให้ใครมาเห็นเขาในสภาพน่าสมเพชแบบนี้ แค่นี้เขาก็สมเพชตัวเองมากพอแล้ว
“ข ขวัญแค่อยากจะช่วย เมื่อกี้ขวัญเห็นคุณจะล้ม”
“ไม่ต้อง! มาทางไหนก็ไปทางนั้น แล้วอย่าเข้ามาอีกก่อนที่ฉันจะอนุญาต” มือหนาประคองราวจับสำหรับฝึกเดินก่อนจะขยับตัวขึ้นนั่งรถเข็นดังเดิม เขาเอ่ยปากไล่เธออย่างใจร้าย ทั้ง ๆ ที่เธอหวังดีกลัวว่าเขาจะบาดเจ็บ
“ขวัญแค่อยากจะช่วยคุณ ขวัญไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องไล่กันด้วย
แค่เข้าไปช่วยพยุงคุณขวัญผิดมากเลยหรอคะ” เธอเอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ คนอุตส่าห์เป็นห่วงมันผิดมากหรือไง
“แต่ฉันไม่ต้องการ! ฉันไม่ต้องการให้ใครมาสงสารหรือเห็นใจ”
“เธอออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะโมโหไปมากกว่านี้”
“ไม่ค่ะ ขวัญจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่องแบบนี้”
“ขวัญไม่ได้ทำเพราะสงสารหรือเห็นใจ และขวัญก็ไม่เคยรังเกียจที่คุณเป็นแบบนี้ ที่ขวัญทำไปเพราะขวัญเป็นห่วงคุณ กลัวว่าคุณล้มลงมาแล้วจะได้รับบาดเจ็บ เข้าใจไหมคะว่าฉันเป็นห่วงคุณ!”
เงียบ ทั้งห้องต้องอยู่ในความเงียบเมื่อสิ้นเสียงพูดระเบิดอารมณ์ของหญิงสาว วายุนั่งนิ่งอยู่บนรถเข็นอย่างไม่รู้ว่าจะตอบกลับอะไรกลับไป คำว่าเป็นห่วงของเธอมันดังกึกก้องในใจเขาซ้ำ ๆ บนโลกนี้มีคนคิดเป็นห่วงเป็นใยเขาอีกด้วยงั้นหรอ นอกจากเพื่อนเขาทั้งสอง ป้ารุ้งและแม่ของเขาแล้ว ก็ไม่มีใครที่จะห่วงใยเขาจริง ๆ สักคน ที่เธอพูดมามันเชื่อได้งั้นหรอ ขนาดแฟนที่คบกันมานานยังทิ้งเขาไปง่าย ๆ แล้วประสาอะไรกับเธอที่พึ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน มันไม่มีทางที่เป็นจริงได้ เธอแค่พูดให้ตัวเองดูดีก็เท่านั้น สภาพแบบนี้ จะมีใครเขารักเขาห่วงใยมึงไอวินท์ มันก็แค่คำพูดลวงโลกก็เท่านั้น
“หึ เป็นห่วงงั้นหรอ”
“แต่ฉันไปต้องการ ออกไปซะ!”
“ฉันบอกให้ออกไปไง โธ่เว้ย ออกไปสิวะ”
“ขวัญบอกแล้วไงคะว่าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่อง” เธอตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ เช่นกัน
“…” ไม่ออกก็ยืนอยู่อย่างนั้น เขาขี้เกียจจะพูดกับเธอแล้ว รถเข็นไฟฟ้าถูกบังคับไปยังโต๊ะทำงาน ก่อนที่เขาจะหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านต่อ
เห็นเขาเงียบไปแบบนั้นเธอก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่ได้โมโหร้ายใส่เธอต่ออย่างที่เคยเป็น ร่างบางหันตัวกลับไปยกถาดกาแฟที่เมื่อครู่เธอวางมันลงก่อนจะรีบวิ่งมาช่วยเขา ก่อนจะยกมันเดินออกจากห้องไป
“หึ เป็นห่วงงั้นหรอ” แค่นี้ก็หนีกลับไปแล้ว บอกจะไม่ไปไหน เหอะ เธอมันเชื่อไม่ได้ขวัญข้าว
“คิดบ้าอะไรอยู่ไอวินท์ ไม่มีใครเขาสนใจคนพิการ ๆ แบบมึงหรอก”
หายไปไม่นานร่างบอบบางในชุดกางเกงขายาวเสื้อยืดธรรมดา ๆ
ก็กลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้เธอไม่เคาะประตูก่อนแต่ถือวิสาสะเปิดเข้ามาเลย มองไปยังโต๊ะทำงานก็เห็นเขานั่งอ่านเอกสารสีหน้าเคร่งเครียด แต่มันกลับทำให้เขาดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าหล่อเข้มทำหน้าขรึม คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างน่าหลงใหลสำหรับคนมอง มือหนาควงปากกาไปมา ให้ตายเถอะเขาดูดีเป็นบ้า พอ ๆ ยัยขวัญนี่ไม่ใช่เวลาจะมาหลงเสน่ห์เขา ใบหน้าสวยรีบสลัดความคิดบ้า ๆ พวกนั้นออกไปจากหัวก่อนจะยกเอากาแฟที่เธอไปชงมาใหม่มาวางไว้ตรงหน้าเขา
ปึก
“กาแฟค่ะ”
“ใครอนุญาตให้เข้ามา?” ใบหน้าเข้มเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้า อย่างสงสัยว่าเธอกลับเข้ามาอีกทำไม
“ขวัญเอากาแฟมาให้ค่ะ :) ” มือบางดันแก้วกาแฟไปไว้ตรงหน้าเขา พร้อมกับส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ รอยยิ้มที่ทำเอาคนเห็นใจกระตุก
“งั้นก็วางไว้ แล้วออกไปได้แล้ว” เขาว่าเสียงเข้ม
“ไม่ค่ะ ขวัญจะนั่งอยู่ในนี้เป็นเพื่อนคุณ คุณจะได้เชื่อว่าขวัญไม่ได้รังเกียจคุณจริง ๆ”
“ฉันไม่ต้องการ”
“อีกอย่างนะคะ ขวัญเองก็ว่างด้วย วันนี้เลิกงานแล้วกับข้าวป้ารุ้งก็น่าจะทำเสร็จแล้ว งานบ้านอื่น ๆ ก็เสร็จแล้ว มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนคุณอีกนานเลยค่ะ :)” เธอพูดต่อโดยไม่สนใจว่าเขาจะพูดอะไร หรือต่อให้เขาเอ่ยปากไล่เธออีก
เธอก็จะหน้าด้านอยู่ต่อ ไม่รู้ว่าเธอไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับเขาแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะสิ่งที่พี่สีเทียนคอยสอนมันถูกปลุกขึ้นมาล่ะมั้ง
“นี่ยัยหนูฟังเจ๊นะย้ะ ถึงเขาจะเป็นแม่หล่อน แต่ถ้าเขาทำกับหล่อนแบบนี้หล่อนก็ต้องสู้ อย่าไปยอม” สีเทียนพูดกับเด็กสาวอายุน่าจะยังไม่ถึงสิบแปดที่เธอช่วยไว้จากการถูกขายจากแม่ผู้ให้กำเนิดของเด็กคนนี้ เท่าที่เธอสืบทราบมาจากแม่ยกของที่นี่ ก่อนจะเอ่ยปากชวนให้ไปอยู่ด้วยกัน เธอเห็นทุกอย่างตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นกึ่งจากกึ่งจูง ทั้งขู่บังคับ พาเด็กสาวผู้น่าสงสารมาที่นี่ จนเธอทนไม่ไหวต้องไปติดต่อขอซื้อมาเอง
“นี่มาอยู่กับเจ๊ดีไหม เจ๊จะดูแลอย่างดี” เธอหันไปบอกเด็กสาวที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น จากการผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจเมื่อครู่
“ถ้าใครมารังแกเจ๊คนนี้จะปกป้องเราเอง” เธอพูดโน้มน้าวเด็กสาวสารพัดจนในที่สุดเจ้าตัวก็ตกลงมาอยู่ด้วยกันเมื่อเธอสัญญาว่าจะให้การศึกษาและให้อาชีพ อาชีพที่สุจริต นั้นก็คือมาเป็นนางแบบในสังกัดให้เธอนั่นเอง
อยู่ด้วยกันไปนานวันเข้า ขวัญข้าวก็มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แถมยังได้สอนเรื่องการเอาชีวิตรอดจากคนในสังคมที่คอยมาทำร้าย เพราะเธอไม่อยากให้หญิงสาวเป็นคนที่อ่อนแอถูกใครมารังแกได้ง่าย ๆ หรือถ้าอย่างที่จะอ่อนแอก็ขอให้อ่อนแอต่อหน้าเธอเท่านั้น
“เริ่มจากบทเรียนที่หนึ่ง ถ้าใครมาวอแวกับเรา เราก็นิ่งไว้ก่อน แต่ถ้ายังตอแยไม่หยุดก็จัดการมัน อย่าปล่อยให้เขารังแกอยู่ฝ่ายเดียว”
“ต่อไปเรื่องนี้น่ะสำคัญเลย ถ้าเจอผู้ชายหล่อ ๆ ขอให้บอกเจ๊ก่อน ฮ่าๆ เจ๊ล้อเล่น”
หลังจากนั้นบทเรียนต่าง ๆ สำหรับมัดใจชาย และสแกนผู้ชายก็ถูกถ่ายทอดให้เธอ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง…
“เห็นฉันใจดีเข้าหน่อย ถึงกับกล้าต่อปากต่อคำเลยหรือไง”
“ขวัญเปล่านะคะ แค่พูดให้ฟังเฉย ๆ”
“คุณวินท์ทำงานไปเถอะค่ะ ขวัญสัญญาว่าจะไม่กวน” นิ้วเรียวยกขึ้นสาบานก่อนเดินกระเถิบถอยหลังไปนั่งโซฟาใกล้ๆ สายตามองไปรอบ ๆ อย่างสำรวจ รสนิยมในการแต่งห้องเขาไม่เลวเลย แต่มันดูอึมครึมไปหน่อย มีแต่โทรสีเทา ๆ ดำ ๆ ตัดขาวบ้างแต่น้อยมาก แต่แปลกแฮะในห้องนี้ไม่มีรูปอะไรอยู่เลย ไม่สิทั้งบ้านเลยต่างหากที่ไม่มีรูป เธอทำความสะอาดก็น่าจะเกือบครบทุกห้องของบ้านแล้วแต่เธอยังไม่เคยเห็นกรอบรูปเลยสักกรอบถือว่าเป็นเรื่องแปลก
มาก ๆ แต่ก็ช่างเถอะเขาคงจะมีเหตุผลของเขา ถึงจะสงสัยแต่ก็ไม่อยากที่จะเสียมารยาทเพราะที่มันไม่มีมันก็คงจะมีเรื่องอะไรบางอย่าง เกิดถามไปแล้วสะกิดแผลในใจเขาขึ้นมาจะยุ่งเอา แต่ก็มีหนึ่งเรื่องที่เธอยังสงสัยไม่หาย
สงสัยตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องกลับออกไปชงกาแฟเดินกลับเข้ามาใหม่แล้วเธอก็ยังไม่แน่ใจในคำตอบที่ตัวเองคิดได้ให้กับข้อสงสัยนั้น ใจหนึ่งก็กลัวเสียมารยาทอีกใจก็อยากรู้หากว่ามันเป็นอย่างที่เธอคิดจริงก็เผื่อว่าเธอจะพอช่วยอะไรเขาได้บ้าง…
ด้านชายหนุ่มที่เห็นเธอถอยหลังออกไปนั่งยังโซฟาใกล้ ๆ ไม่พูดไม่จาอย่างที่เธอบอกว่าจะไม่กวนเขา อมยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนจะก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ
“หึ” แต่ชมได้ไม่เท่าไหร่เสียงหวานที่ดูจะกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่ได้มีความมั่นใจอย่างตอนแรกก็เอายถามเขาขึ้น
“ค คุณวินท์คะ ขวัญมีเรื่องจะถาม”
“แต่ถ้าคุณวินท์ไม่สะดวกใจที่จะตอบก็ไม่เป็นไร”
เมื่อความอดทนหมดลงจึงกลั้นใจถามเขาออกไป แต่เป็นการหยั่งเชิงก่อนถามเขาเสียมากกว่า ว่าอารมณ์ในตอนนี้ของเขาเหมาะที่จะให้ถามไหม หากเธอถามไปแล้วไม่เข้าหูเขาได้โมโหร้ายใส่เธออีกแน่ ตอนแรกก็มีความกล้าอยู่หรอก แต่ตอนนี้เธอชักหวั่น ๆ บ้างแล้ว
“จะถามอะไร” เสียงเข้มเอ่ยตอบกลับไป โดยที่สายตายังคงจดจ้องอยู่กับเอกสารตรงหน้า ไม่ได้เงยขึ้นสบตากับคู่สนทนา
“คือเมื่อกี้ เมื่อกี้ขวัญเห็น ขวัญเห็นเหมือนคุณกำลังพยายามฝึกเดินอยู่ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ อย่างที่ขวัญพูดให้ขวัญช่วยดูแลคุณวินท์ไหมคะ เพื่อว่าเกิดเหตุอะไรไม่คาดคิดขึ้นมาอย่างน้อยก็มีขวัญอยู่เป็นเพื่อนขวัญอาจจะพอช่วยอะไรได้บ้าง แต่ถ้า แต่ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่ขวัญคิดล่ะก็คุณวินท์ก็อย่าใส่ใจในคำถามของขวัญเลยนะคะ ถือว่าขวัญไม่เคยพูด และถ้ามันทำให้คุณไม่พอใจขวัญต้องขอโทษด้วย แต่ว่าขวัญอยากช่วยคุณจริง ๆ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีแอบแฝง” เธอกลั้นหายใจพูดในสิ่งที่คิดออกไปยาวเหยียดอย่างไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดแทรกเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ภาวนาให้เขาไม่โมโหใส่ ใบหน้าสวยก้มลงมองพื้น อย่างรอคอยคำตอบ ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัว กลัวว่าเขาจะไม่พอใจและหาวิธีมาทำร้ายเธอ และตื่นเต้นในคำตอบของเขาว่ามันจะออกไปในทิศทางไหนจะดีหรือร้าย
“อืม ฉันกำลังทำกายภาพบำบัดอยู่”