16 อดีต 2
“ทำงานวันแรก ก็ทำเขาเดือดร้อนไปทั้งไร่ ยังกล้าที่จะมานั่งลอยหน้าลอยตากินข้าวอย่างสบายใจอีก”
“หน้าด้าน!” เสียงของฤดีเอ่ยกระแทกแดกดันหญิงสาวที่นั่งกินข้าวคนเดียวอยู่มุมหนึ่งของโรงอาหารสำหรับคนงาน เธอไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จัก
จะผูกมิตรกับใครก็ไม่อยากมีใครยุ่งเกี่ยวกับเธอสักเท่าไหร่ เธอเลยเลือกที่จะนั่งกินข้าวเงียบๆ คนเดียว เสร็จก็จะไปทำงานต่อ แต่ก็ไม่วายถูกเพื่อนร่วมงานอย่างฤดีคอยจิกกัดหาเรื่องเธอไม่หยุด เธอไม่รู้ว่าเคยไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจนักหนาถึงได้คอยกล่าวว่าใส่ร้ายเธอเสียๆ หายๆ ไม่หยุด พลอยให้คนอื่นเกลียดเธอและไม่กล้าเข้าใกล้เธอไปด้วย
“…”
“นี่ ที่ฉันพูดไม่ได้ยินหรือไง อย่าคิดว่าเคยเป็นนางแบบดังมาก่อน แล้วตอนนี้จะมาทำหยิ่งนะ!”
“อยู่นี่ก็แค่พนักงานธรรมดาๆ เหมือนกันแหละวะ”
“…” ถาดข้าวที่ถูกกินไปได้ไม่กี่คำถูกยกขึ้นก่อนที่เจ้าของจะเดินผ่านหน้าคนที่มาหาเรื่องตนไป แต่ยังไม่ทันที่จะเดินพ้น น้ำแกงและเศษอาหารจากถาดของอีกฝ่ายก็ถูกเทราดลงบนหัวเธอ ผมยาวสลวยที่ถูกมัดไว้เป็นหางม้าถูกชโลมไปด้วยน้ำแกงและเศษอาหาร รวมไปถึงชุดเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ด้วย มือบางกำเข้าหากันแน่น มันจะมากไปแล้วนะเธอก็อยู่ของเธอดีๆ มาหาเรื่องกันแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน
“หึ คนอย่างแก กินของเหลือเดนจากฉันก็พอแล้ว ไม่สมควรที่จะได้กินของดีๆ”
“งั้นหรอ” อาหารที่ยังเหลืออยู่เต็มถาดถูกสาดเขาใส่อีกฝ่ายอย่างไม่ยอมเช่นกัน
“กรี๊ดด แกทำอะไร นังบ้า!!” เสียงหวีดร้องโวยวายดังขึ้นเมื่อถูกอีกฝ่ายโต้ตอบกลับคืน ปกติแล้วไม่ว่าเธอจะว่าจะด่ายังไงคนตรงหน้าก็ทำเพียงนิ่งเงียบและเดินหนีไปเท่านั้น ไม่ต่อปากต่อคำ หรือต่อล้อต่อเถียงกับเธอแม้แต่น้อย
แต่วันนี้มันกล้าดียังไงมาทำกับเธอแบบนี้
“ฉันจะฟ้องพ่อเลี้ยง แก แก แกกล้าทำฉัน อร้าย”
“หุบปาก! ร้องอยู่ได้น่ารำคาญ”
“จะฟ้องใครก็เชิญ” พูดจบก็เดินผ่านหน้าอีกฝ่ายไปทันที จะฟ้องพ่อเลี้ยงงั้นหรอ ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องขึ้นเธอก็ไม่เห็นหน้าเขาอีกเลย เขาเพียงสั่งงานผ่านป้าเล็กหัวหน้าคนงานเท่านั้นว่าให้เธอคัดองุ่นเช่นเดิม ไม่ต้องออกไปเก็บองุ่นในตอนกลางคืนอีก พอเธอหายดีเธอก็เริ่มทำงานตามที่เขาบอกไว้ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นที่ไม่เห็นเขา องุ่นเองก็บอกว่าเขาไม่อยู่ไร่เหมือนกันไม่รู้ว่าไปไหน เขาหายไปจากไร่ได้เกือบเดือนแล้ว
อยู่ๆ ก็หายไป รู้ไหมว่ามีคนเค้าเป็นห่วง อิตาบ้าอยากมาก็มาอยากไปก็ไป
ไหนบอกจะลงโทษเธอไงแล้วมาหายไปแบบนี้หรอ ชิห์ กะจะทิ้งเธอไว้ให้ทำงานหนักๆ จนเธอทนไม่ไหวร้องไห้ไปฟ้องผู้หญิงคนนั้นหรือไง ไม่มีทาง งานแค่นี้ทำอะไรเธอไม่ได้หรอก ถึงวันแรกๆ จะทำงานกลับมาก็หลับเป็นตายด้วยความเหนื่อยจนองุ่นต้องเข้ามาปลุก กลัวว่าเธอเป็นอะไรไปรึเปล่าสายแล้วไม่เห็นตื่นสักที แต่ทำไปได้สักพักก็เริ่มชินและปรับตัวได้ การทำงานคัดแยกองุ่นก็ไม่ได้แย่อะไร เธอทำมันได้ ไม่รู้ซะแล้วว่าตอนเด็กๆ ขวัญข้าวคนนี้ทำอะไรบ้าง
“ขวัญสองชามนี่โต๊ะสิบ”
“ขวัญโต๊ะสาม ขวัญโต๊ะสิบสอง
“ค่าเฮีย”
“ไหวไหมข้าวไม่ไหวส่งมาให้ยาย”
“ขนมเหลืออีกไม่กี่ถ้วยสบายมากจ้ะยาย”
“ขวัญตรงนี้ยังไม่สะอาดขัดไหม”
“ห้องน้ำห้อง 322 ลูกค้าบอกว่ายังไม่สะอาด”
“เสร็จแล้วไปเก็บห้อง 302 ด้วยนะ ลูกค้าเช็คเอาท์ออกแล้ว”
“ค่ะเจ้”
“ตายแล้วคุณขวัญ ทำไมสภาพเป็นแบบนี้คะ” ป้ารุ้งเอ่ยทักเมื่อเห็นที่เมื่อเช้าออกไปทำงานให้สภาพเรียบร้อย ไหนตอนเที่ยงกลับมาถึงได้เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยเศษอาหารแบบนี้ล่ะเนี่ย
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยค่ะป้า ขวัญขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
นะคะ เดี๋ยวจะถึงเวลาเข้างาน คนอื่นจะมองไม่ดีเอา”
“จ้ะๆ งั้นก็รีบไปเถอะ ขาดเหลืออะไรก็บอกป้านะ” หากให้เธอเดาที่มีสภาพแบบนี้คงไม่พ้นฝีมือฤดี ไม่รู้อีกฝ่ายจะจงเกลียดจงชังคุณขวัญของเธออะไรนักหนา ถึงกลับปล่อยข่าวเสียหาย ว่าร้ายขวัญข้าวจนคนงานในไร่ไม่คบค้ากับเธอ นี่ถ้าเธอไม่ได้สัมผัสและคลุกคลีกับหญิงสาวอาจจะหลงเชื่อไปด้วยได้ แต่พอได้คลุกคลีกับแตกต่างจากสิ่งที่ได้ยินมาลิปลับ ทั้งอ่อนหวาน สุภาพ กับคนแก่อย่างเธอ ไม่ถือตัว ใจดี เป็นกันเอง ทำอาหารก็เก่งยิ่งขนมไทยอร่อยที่หนึ่ง แถมหน้าตาก็สละสายมองแล้วให้ความรู้สุขสบายตา ใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ธรรมดา ๆ หน้าก็ไม่ได้แต่ง แต่ก็ยังงดงาม ไม่รู้ว่าทำไมคนแบบนี้ถึงได้มาทำงานอยู่ที่ไร่นี่ได้เห็นองุ่นหลานสาวเธอที่เป็นแฟนคลับตัวยง บอกว่าเธอเป็นนางแบบมาก่อน แถมดังเสียด้วย แต่ว่ามีเรื่องนิดหน่อย เห็นบอกว่ามีคนใส่ร้าย
สร้างข่าวเสียหายขึ้นมาทำให้นางแบบสาวในดวงใจเธอต้องลาออกจากวงการ ไม่รู้ทำอิท่าไหนถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้
ขวัญข้าวออกมาจากบ้านอีกครั้งด้วยชุดเรียบร้อย กางเกงขายาวและเสื้อยืดตัวเก่าที่สวมทับด้วยเสื้อแขนยาวธรรมดา ๆ
“ฮึบ ยัยขวัญแกทำได้” เอ่ยให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเดินออกไปยังสถานที่ทำงานซึ่งก็คือโรงคัดแยกองุ่นเธอต้องรีบออกไปเพราะจากบ้านถึงโรงคัดแยกค่อนข้างไกลพอสมควร นี่ก็ใกล้เวลาทำงานแล้วถ้าไปสายมีหวังถูกยัยฤดีอะไรนั่นจิกกัดอีกแน่ แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวพ้นเขตบริเวณบ้านก็มีรถตู้สีขาวคันหนึ่งขับมาจอด ก่อนที่คุณหมอหนุ่มที่เคยช่วยชีวิตจะลงจากรถ ไม่นานนักชายหนุ่มเจ้าของไร่ก็ปรากฏตัวขึ้น เขาขยับตัวขึ้นนั่งรถเข็น ก่อนจะบังคับมันมาทางเธอดวงตาคู่สวยมองเขาเหม่อลอย นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เธอจ้องมองเขาจนเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ เธอก็ยังไม่รู้ตัวเอาแต่จดจ้องใบหน้าของเขา ใบหน้าคม จมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากหนาเป็นกระจับ ดวงตาคู่คมสีน้ำตาลเข้มเป็นประกาย เธอพึ่งได้สังเกตใบหน้าเขาอย่างเป็นจริงเป็นจังครั้งแรก ทำไมเขาถึงได้หล่อขนาดนี้นะ ให้ตายเถอะ
“จะมองฉันอีกนานไหม” เสียงเข้มเอ่ยบอกหญิงสาวตรงหน้า หลังจากที่เขาเข็นรถมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอสักพักใหญ่แล้วแต่เธอก็ยังจ้องมองเขาไม่หยุด ไม่รู้ว่ามองอะไรนักหนา
“ค คะ?”
“เอ่อ…” คนถูกจับทำตัวไม่ถูก อย่างไม่รู้จะตอบกลับเขาไปว่าอะไร ใบหน้าสวยแดงก่ำด้วยความเขินอาย
“หึ หน้าแดงหมดแล้ว”
“ด แดดค่ะ เพราะแดดมันแรงไปหน่อย” มือบางยกขึ้นจับแก้มตัวเองไว้ปกปิดความเขินอาย ก็ใครใช้ให้เขาหล่อขนาดนี้กันเล่าแล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอเขินได้ไง นายแบบหนุ่มหล่อ ๆ ที่เธอเคยร่วมงานมาก็มากหรือแม้แต่ดาราหลายคนเธอก็เคยมีโอกาสได้เจอและได้ร่วมงานแต่ไม่มีใครทำให้เธอใจเต้นแรงได้แบบเขามาก่อน ///
“แดดแรง?” วายุเงยหน้าขึ้นมองฟ้า แดดแรงงั้นหรอ ไม่มีแดดเลยต่างหากท่าแล้วฝนกำลังจะตกด้วยเมฆตั้งเขามาแต่ไกลเลย
“ขวัญขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” เมื่อคิดว่าตัวเองพลาดแล้วที่ตอบกลับเขาไปแบบนั้นขาเรียวรีบวิ่งออกไปด้วยความเร็ว ยัยขวัญแกเอาอะไรคิด ฟ้ามืดขนาดนี้ยังมีหน้าไปบอกเขาว่าแดดแรงอีก แล้วครั้งต่อไปจะเอาหน้าไหนไปพบเขาเนี่ย โธ่ยัยขวัญ รู้ไปถึงนั้นอายไปถึงนั้น
“หึ ยัยเพี้ยนเอ้ย”
“ยังไง?” คุณหมอกรวีร์เดินเข้ามาตบไหล่ลูกพี่ลูกน้องหนุ่ม หลังจากสังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของมันที่มีต่อหญิงสาว และที่หญิงสาวมีต่อมัน
ชักจะยังไง ๆ อยู่
“ไม่มี” เสียงเรียบเอ่ยตอบกลับไป
“หรอวะ หึ”
“ไปดูเด็กมึงก่อนเถอะ หายไปตั้งเกือบสองอาทิตย์ ป่านนี้หนีไปมีผัวใหม่แล้วมั้ง”
“ไอสัสปากมึงนี่”
“แบบนี้คือยอมรับ?”
“ยอมรับอะไรของมึง”
“เขาเป็นเด็กมึง”
“เด็กกูเหี้ยอะไรไอวินท์ กูไม่คุยกับมึงแล้ว” อยู่นานกว่านี้มีหวังเผยไต๋ให้มันจับได้แน่ ขายาว ๆ เรียบเดินกลับไปยังรถก่อนจะขับออกไปทันที
“หึ”
“อ่าวคุณวินท์กลับมาแล้วหรอคะ”
“ครับป้า”
“จะขึ้นไปพักก่อนไหมคะ เดี๋ยวป้าชงชาไปให้”
“ก็ดีครับ” เธอจะไม่ถามเจ้านายหนุ่มให้เป็นที่รำคาญว่าเขาไปไหนถึงหายไปหลายวัน เพราะมันเป็นปกติอยู่แล้วที่เจ้านายของเธอจะมา ๆ หาย ๆ แบบนี้ ยิ่งตอนที่ยังไม่ประสบอุบัติเหตุหายไปบ่อยกว่านี้เสียอีกบางทีกลับมาก็มีสาว ๆ สวย ๆ ติดไม้ติดมือมาด้วย แต่พอประสบอุบัติเหตุเธอก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงของเจ้านายมาที่ไร่อีกเลย เจ็บสุดก็คงจะเป็นการถูกแฟนสาวทิ้งไป เธอได้ยินมาว่าตอนเจ้านายของเธอประสบอุบัติเหตุรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น แฟนสาวของเจ้านายไม่เคยมาเยี่ยมเลยสักครั้ง แถมยังหนีไปต่างประเทศอีกด้วย คงจะช้ำใจน่าดูช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตกลับไม่มีคนที่รักคอยอยู่เคียงข้าง แม้กระทั่งพ่อแท้ ๆ เองก็ยังไม่สนใจ จะมีใครน่าสงสารเท่ากับเจ้านายเธออีก เห้ออ
“ป้ารุ้งครับวันนี้แม่จะกลับมากินข้าวกับวินท์ไหมครับ”
“คุณวิบอกว่าสตอกไวน์มีปัญหานิดหน่อยค่ะ ให้คุณวินท์ทานไปก่อนได้เลยไม่ต้องรอ”
“งั้นป้ารุ้งเก็บไปเถอะครับ วินท์ไม่กินแล้ว” เด็กชายวัยสิบขวบต้น ๆ เดินลุกออกไปจากห้องอาหารทันที หลังจากที่รู้ว่าวันนี้ตนต้องกินข้าวคนเดียว
อีกแล้ว
“โธ่คุณหนูของป้า”
“ป้ารุ้งครับพ่อจะมาจริง ๆ ใช่ไหมครับ”
“ค ค่ะ คุณผู้ชายต้องมาแน่ ๆ ค่ะ อีกไม่นานก็คงจะมาถึงมั้งคะ”
“เมื่อวานป้ารุ้งก็บอกผมแบบนี้ แต่พ่อก็ยังไม่มา นี่วันเผาแม่แล้วนะครับ”
“ช่างเถอะครับ ต่อให้เขาไม่มาเราก็ต้องทำพิธีส่งคุณแม่”
“เขาไม่มาก็ช่างเขาเถอะครับ ผมไม่อยากสนใจแล้ว” ชายหนุ่มวัยสิบห้าปีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาขนาดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะส่งแม่เขาแล้ว
แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่มา เขาไม่อยากจะหวังอะไรอีกแล้วล่ะพอกันที ตั้งแต่เล็กจนโตคนคนนั้นก็ไม่เคยคิดจะสนใจเขาอยู่แล้ว
“คุณหนู…”
“ป้าหวังว่าคุณวินท์จะได้เจอคนที่รักคุณวินท์ด้วยใจจริงนะคะ จะได้มีคนอยู่เคียงข้างคอยร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน ไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป”
“และถ้าเป็นคุณขวัญด้วยแล้วก็ยิ่งดีเลยค่ะ” เพราะเธอสแกนมาแล้วว่าอดีตนางแบบสาวชื่อดังขวัญใจหลานสาวเธอนั้นใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ใช่แค่ใช้ได้สิ ดีมาก ๆ เลยต่างหากล่ะ แต่คนที่เพียบพร้อมไปทั้งรูปร่างหน้าตาและจิตใจแบบนั้น เขาจะมาสนใจพ่อเลี้ยงหนุ่มที่นั่งติดรถเข็นของเธอหรอ เพราะหน้าตาสละสวยแบบนั้นสามารถหาคนที่ดีพร้อมสมบูรณ์กว่าเจ้านายของเธอได้อีกมากมาย เห้อ เธอก็ได้แต่หวังว่าสักวันคุณหนูของเธอจะพบกับความสุข
ได้รับการเติมเต็มในสิ่งที่เขาขาดหายมาตลอด สิ่ง ๆ นั้นที่เรียกว่าครอบครัว