บท
ตั้งค่า

15 อดีต 1

“พี่วินท์ พี่วินท์!!!” หญิงสาวที่หมดสติไปนานสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อฝันว่าชายหนุ่มเจ้าของไร่ที่เข้าไปช่วยเธอนั้นกำลังได้รับอันตราย

“พี่ขวัญฟื้นแล้ว…พี่ขวัญเจ็บตรงไหนไหมคะ หรือปวดตรงไหนรึเปล่า รู้สึกมึนหัวหรือมีอาการอะไรไม่ดีไหมคะ บอกองุ่นนะคะ องุ่นจะเรียกอิตาหมอให้” คำถามมากมายถูกถามออกไป โดยที่คุณพึ่งจะฟื้นแถมจะตั้งสติฟังคำถามที่ถามใส่รัวๆ แทบไม่ทัน

“องุ่น อ้ะ น น้าม” กำจะอ้าป้าพูดก็รู้สึกเจ็บที่บริเวณริมฝีปาก จึงเลี่ยงที่พูดคุยกับเด็กสาว เอ่ยขอในสิ่งที่ต้องการก่อน

“นี่ค่ะ พี่ขวัญ ค่อยๆ นะคะ” แก้วน้ำพร้อมหลอดถูกส่งให้พี่สาวคนสวยของตน

“พี่ขวัญโอเคใช่ไหมคะ อิตาหมอบอกว่าพี่ขวัญอาจจะรู้สึกเจ็บแผลตรงมุมปากหรือที่บริเวณท้อง ถ้าพี่ขวัญโอเคให้ทำมือโอเคบอกองุ่นก็ได้ค่ะ ไม่ต้องพูด” เด็กสาวสังเกตเห็นว่าพี่สาวตรงหน้าเธอแสดงอาการเจ็บปวดเมื่อกำลังพูดกับเธอ เธอจึงคิดหาแนวทางให้รู้ว่าคนตรงหน้าปลอดภัยดีแล้ว

อดีตนางแบบสาวส่งแก้วน้ำคืนให้เด็กสาวตรงหน้า ก่อนจะทำมือโอเคตามที่เธอบอก

“อ เอ่อ คุณวินท์ล่ะ”

“คุณวินท์ปลอดภัยดีค่ะ ตอนนี้น่าจะกำลังสืบหาตัวคนร้ายอยู่กับอิตาหมอแล้วก็ผู้หมวดอยู่ที่ห้องทำงาน พี่ขวัญมีอะไรรึเปล่าคะ” เธอพยายามจะอธิบายรายละเอียดให้ได้มากที่สุดเผื่อว่าคนตรงหน้าสงสัยอะไรจะได้คำตอบเลย ไม่ต้องเอ่ยถามเธอ เดี๋ยวจะเจ็บแผลเอา โธ่พี่ขวัญของเธอ หน้าสวยๆ ทั้งบวมทั้งมีรอยแดงคงจะเจ็บน่าดู ใครนะที่มันทำแบบนี้แม่จะเตะไม่ยั้ง ฝากไว้ก่อนเถอะบังอาจมาทำนางแบบในดวงใจของเธอ

ขวัญข้าวส่ายหน้าน้อยๆ ตอบกลับไปว่าเธอไม่มีธุระอะไรแล้ว เขาปลอดภัยเธอก็ดีใจ แต่พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนใบหน้างามก็ซับสีขึ้นมาทันทีถ้อยคำอ่อนโยนที่เขาพูดกับเธอ ท่าทีที่เขาออกตัวปกป้อง ไหนจะสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองของเขาอีก ใจดวงน้อยๆ ของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือว่าเธอจะตกหลุมรักเขาเข้าให้แล้ว ‘ไม่ได้นะขวัญแกจะรักเขาไม่ได้ เขาจะทำให้แกเจ็บปวด หยุดคิดอะไรบ้าๆ แต่ว่าความรักอาจจะเอาชนะความแค้นในใจเขาก็ได้ โอ้ยอะไรกันเนี่ยเรื่องบ้าๆ พวกนี้มันคืออะไรกัน’ สมองน้อยๆ ของเธอถกเถียงกันไม่หยุดว่าจะเอายังไงดีจะมีความรู้สึกดีกับเขาต่อไปหรือจะตัดใจตั้งแต่ตอนนี้

แต่ไหนเลยหญิงสาวที่โหยหาความรักอย่างเธอก็อยากที่จะเลือกอย่างแรก

เธออย่างมีความสุขกับคนที่เธอรักเขาและเขาเองก็รักเธอ สร้างครอบครัวไปด้วย…แต่เรื่องทั้งหมดมันอาจจะเป็นเพียงความฝันที่ไม่มีทางเกิดขึ้นจริงก็ได้ เพราะเธอมันอาภัพรักมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว แต่ถึงจะผิดหวังอีกครั้งมันก็คงจะไม่เจ็บปวดมากใช่ไหม เธอจะรับมันไหวใช่รึเปล่า

“พี่ขวัญคะ พี่ขวัญ”

“หืม”

“องุ่นเรียกตั้งนานพี่ขวัญไม่ได้ยินองุ่นเลย พี่ขวัญมีอะไรรึเปล่าคะ พี่ขวัญดูเหม่อๆ องุ่นเป็นห่วง” น้ำเสียงห่วงใยถูกส่งไปให้หญิงสาวตรงหน้า เธอเป็นห่วงพี่สาวคนนี้จริงๆ ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ

“:)” ขวัญข้าวส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะพยายามส่งยิ้มให้เด็กสาวที่ดูจะเป็นห่วงเธอมากเหลือเกิน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็มีเด็กคนนี้ที่คอยดูแลคอยอยู่เป็นเพื่อน พูดคุยกับเธอ ชวนเธอพูดคุยนั่นนี่ทำให้เธอไม่รู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยว นี่ก็ไม่รู้เลยว่าถ้าไม่มีเด็กคนนี้เธอจะเป็นอย่างไรกับการอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยคนเดียวไม่มีใครให้พูดคุยหรือคบหา คงจะหดหู่ใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว มือบางยกขึ้นลูบหัวเด็กสาวเบา

“ขอบคุณนะ”

“คะ?” แม้จะงุนงงที่อยู่ดีๆ อดีตนางแบบสาวแสนสวยในดวงใจมาลูบหัวเธอแบบนี้แต่ก็ยอมให้พี่สาวลูบหัวแต่โดยดี

“:) ”

“งั้นพี่ขวัญพักผ่อนนะคะ เดี๋ยวตอนเย็นองุ่นแวะมาหาองุ่นมีเรียนบ่ายนี่ก็ใกล้เวลาแล้ว” ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะเอ่ยบอกพี่สาวตรงหน้าไป

“จ้ะ ตั้งใจเรียนนะเรา :) ”

“รับทราบค่าาา”

“มีอะไรก็เดินไปหาป้าองุ่นข้างนอกเลยนะคะ ป้าน่าจะอยู่ในครัว ไม่ก็ทำงานบ้านอยู่ที่ไหนสักที่ ฮ่าๆ”

“พี่ขวัญเดินไหวอยู่ใช่ไหมคะ หรือท่าไม่ไหว โทรมาเบอร์นี้นะคะ” มือน้อยๆ ล้วงหาเศษกระดาษในกระเป๋าผ้าของต้นก่อนจะจดเบอร์โทรของตนและป้าลงไปแล้วยื่นให้หญิงสาว

“นี่ค่ะ”

“:)” ขวัญข้าวยิ้มรับเศษกระดาษที่มีเบอร์มือถือของเด็กสาวตรงหน้าและป้าของเธออยู่

“งั้นองุ่นไปแล้วนะคะ เทคแคร์ค่ะ” ร่างบางของเด็กสาวเดินจากไปแล้ว ขวัญข้าวก้มลงมองเบอร์โทรศัพท์ในมือที่เด็กสาวเขียนให้เธอ อมยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้ากับความช่างพูดช่างจาของเด็กสาว ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอไม่มีโทรศัพท์นี่นา เธอลืมไปเลยว่าเธอมาอยู่ที่นี่ตัวเปล่าไม่มีโทรศัพท์หรือเงินติดตัวมา แต่คิดได้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้วเพราะเด็กสาวเดินออกจากห้องไปแล้ว คงไม่มีเหตุจำเป็นอะไรให้เธอต้องใช้โทรศัพท์หรอกมั้ง จะมีก็แต่พี่สีเทียนที่อยู่ๆ เธอก็ขาดการติดต่อไปแบบนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นห่วงเธอมากขนาดจนแจ้งความออกตามหาเธอให้วุ่นหรือเปล่าขนาดพี่สีเทียนที่ไม่ใช่ญาติแท้ๆ ยังคอยเป็นห่วงเป็นใย ดูแลเธอไม่ห่าง แต่ผู้หญิงคนนั้นมีศักดิ์เป็นแม้แท้ๆ ของเธอยังไม่เคยที่จะทำอะไรที่แสดงถึงความเป็นห่วงเธอเลยแม้แต่น้อย

อ้อมกอดของแม่มันอบอุ่นแบบไหน มันรู้สึกดีแค่ไหนยามได้กอด เธอยังไม่เคยรับรู้ถึงมันเลยแม้แต่น้อยตั้งแต่เกิดมา ไม่เคย ไม่เคยเลย…

“มานี่ กูบอกให้มึงมานี่ไงอีขวัญ”

“ฮือ ไม่จะแม่ขวัญไม่ไป”

“ไม่มีคำว่าไม่มึงต้องมากับกู กูสั่งอะไรมึงก็ต้องทำ”

“กูเป็นแม่! มึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”

“แม่จ๋าขวัญไม่อยากทำ แม่จะให้ขวัญทำอะไรก็ได้ แต่งานพวกนั้นขวัญไม่ทำ ฮือๆ อย่าพาขวัญไปเลยนะจ๊ะ ขวัญยอมแม่ทุกอย่างเลย แต่เรื่องนี้ขวัญขอ ฮึก แม่อยากได้เงินใช่ไหมจ๊ะ เดี๋ยวขวัญจะไปรับจ้าง ทำงานหาเงินมาให้แม่เอง”

“รับจ้างล้างจาน ทำความสะอาด ทำขนมโง่ ๆ ของมึงขายน่ะหรอ มันจะไปพอยาใส่อะไร”

“มากับกู คืนเดียวก็มีใช้ไปทั้งสัปดาห์หญิงสดๆ ใหม่ๆ แบบมึงลูกค้าเพียบ”

“ไม่จ๊ะแม่ ขวัญไม่ไปฮือๆ ”

ร่างบางล้มตัวลงนอน ปล่อยให้น้ำตาค่อยๆ รินไหลออกมาช้าๆ ยามคิดถึงความเจ็บปวดที่ผู้เป็นแม่นั้นมอบให้ในอดีตแม้จะพยายามตัดใจบอกว่า ไม่รักไม่สนใจผู้หญิงคนนั้นแล้ว แต่เธอก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี เพราะในใจลึกๆ เธอยังโหยหาความรักความอบอุ่นจากเขาอยู่ หวังว่าสักวันเขาจะมอบมันให้กับเธอบ้าง เพราะเขาคือครอบครัวคนสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่

‘ฮึก แม่เคยรักขวัญบ้างไหมคะ เคยเห็นขวัญเป็นลูกบ้างรึเปล่า’

“ตกลงว่ามึงจะยอมรักษาแล้ว?”

“อืม”

“กูฟังไม่ผิดใช่ไหมวะ ในที่สุดมึงก็ยอมสักที แล้วอะไรทำให้มึงเปลี่ยนใจวะ”

“ถามมาก”

“ก็กูอยากรู้นี่หว่า กูอ้อนวอนขอร้องมึงตั้งนาน เอาผลการรักษา การทำวิจัยมาให้อ่านก็แล้วก็ยังไม่ยอม อยู่ดีๆ มายอมง่ายๆ กูก็ต้องอยากรู้เป็นธรรมดาป่าววะ”

“ครั้งสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่ได้ผลจะไม่มีครั้งต่อไปอีก” วายุไม่ได้สนใจคำถามของคุณหมอหนุ่มลูกพี่ลูกน้องเลยแม้แต่น้อย เอ่ยตัดบทสิ่งที่มันกำลังถามเสียอย่างนั้น

“ตกลง กูจะหานักกายภาพที่ดีที่สุดมาให้มึงและจะปรึกษาหมอเจ้าของเคสมึงด้วย ไม่ว่ายังไงมึงต้องกลับมาเดินได้”

“แต่ว่าถ้าจะเอานักกายภาพดีๆ ต้องรอไปอีกหน่อยเพราะนักกายภาพคิวทองทั้งหลายที่กูพอจะรู้จักคิวแน่นไปถึงปีหน้า หรือมึงจะไปรักษาที่ต่างประเทศดี”

“ไม่ต้อง เอาที่สะดวกพอไม่ต้องให้มันวุ่นวาย”

“งั้นกูจะลองติดต่อดูแล้วกัน”

“กูมีอีกเรื่องอยากถามมึง สรุปแล้วเรื่องคุณขวัญมันยังไงกันแน่ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ กูคิดว่าเธอรักษาหายแล้วมึงจะส่งเธอกลับซะอีก” เรื่องนี้เขาสงสัยมาโดยตลอดว่าเหตุใดลูกพี่ลูกน้องของเขายังกักตัวเธอไว้ที่นี่ ซ้ำยังใช้แรงงานจนเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นอีก มันชักจะยังไงยังไงอยู่ จะว่าเธอเต็มใจอยู่ก็ไม่น่าใช่ ถึงจะเต็มใจอยู่มันก็สมควรที่จะใช้แรงงานผู้หญิงตัวเล็กๆ หนักขนาดนี้เลยหรอ

เขาเชื่อว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น

“เอาเวลามาสนใจเรื่องของกู ไปดูเด็กมึงก่อนไหม”

“เด็กอะไร เด็กที่ไหน” คนมีความลับเริ่มร้อนตัว

“หึ ได้ข่าวว่าเด็กมหาลัยหนิ แถมอยู่ในบ้านกูด้วย”

“มึงเอาอะไรมาพูดไอวินท์ กูไม่ได้สนใจยัยเด็กนั่นซะหน่อย ข่าวมึงมั่วแล้ว”

“ไม่ได้สนใจ แต่ไปรับไปส่ง? หึ น่าคิด”

“ใครไปรับไปส่ง ก็แค่ขับผ่านเห็นเด็กมันยืนรอรถอยู่ก็เลยรับมาด้วยก็เท่านั้น” จะเรียกว่าความบังเอิญที่เขาตั้งใจให้มันเกิดก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากได้ยินเสียงเล็กหวานหูเรียกเขาว่า ‘พี่หมอขา’ ในตอนนั้นแล้ว เขาก็สลัดหน้ายัยเด็กเตี้ยคู่กัดเขาออกไปจากหัวไม่ได้เลย ใบหน้าสวยหวานออกไปทางน่ารัก ดวงตากลมใสจ้องมองเขาอย่างออดอ้อน ภาพนั้นมันก่อกวนเขาทั้งวัน ทำเอาเขาแทบจะไม่มีสมาธิในการทำงาน จนพยาบาลเอ่ยทัก ว่าวันนี้เขาเป็นอะไรถึงดูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รู้ตัวอีกทีไม่กี่วันให้หลังก็ขับรถคู่ใจมาแถวๆ มหาวิทยาลัยของเด็กสาวที่เขาไปส่งเมื่อหลายวันก่อน ก่อนจะเอ่ยเรียกเธอที่กำลังยืนรอรถประจำทางพอดีให้ขึ้นรถมาเพราะเขาจะไปส่ง ในทีแรกเธอดูลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมขึ้นมา

“คิดยังไงจะไปส่งฉันเนี่ยหมอ” คิดถึงไงล่ะยัยเด็กบ้า

“ที่ถามได้ยินรึเปล่าว่าทำไมหมอถึงจะไปส่งฉัน”

“ตรวจคนไข้แถวนี้พอดี เห็นเด็กน้อยนั่งรอรถอยู่คนเดียว ค่ำๆ มืดๆ เลยสงสาร แวะจอดรับก็เท่านั้น”

“นี่ฉันไม่ได้เป็นเด็กน่ะ! พูดให้มันดีๆ หน่อย นางสาวนิราพร นักศึกษาปี 2 แล้วนะ ไม่ใช่เด็กหญิงนิราพรอยู่ชั้นอนุบาลสอง”

“ฮึ่ยอิตาหมอบ้า ตัวเองแก่เองแล้วก็มาว่าคนอื่นเด็ก”

เอี๊ยดด

“โอ๊ย นี่หมอจะจอดก็ชะลอก่อนสิ ไม่ใช่อยากจอดก็เหยียบเบรกเลยแบบนี้” ดีนะที่เธอคาดเข็มคัดไว้ ไม่งั้นได้หัวทิ่มชนคอนโซนหน้ารถกันพอดี

“นี่ยัยเตี้ย เธอว่าใครแก่”

“ในนี้มีใครอีกรึเปล่าล่ะ” เธอหันหน้าไปพูดกับเขาอย่างหงุดหงิดไม่หาย

ที่อยู่ดีๆ เขาก็เบรกรถกะทันหันแบบนี้

“เหอะ แล้วอย่ามาหลงรักคนแกอย่างฉันก็แล้วกัน” พูดจบก็ขับรถพุ่งออกไปด้วยความเร็ว จนหญิงสาวข้างกายต้องหันหน้ามาส่งค้อนวงใหญ่ให้เขา

“นี่หมอ อารมณ์คนแก่กำเริบหรือไง อยากจอดก็จอดอยากไปก็ไป”

“แล้วฉันก็จะไม่มีวัน! หลงรักคนแก่แน่ ฉัน ไม่ ชอบ คนแก่!!!”

“หึ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel