ตอนที่ 5 การอดทนกับคนนอกใจ
หลายเดือนต่อมา
เสียงร้องอ้อแอ้ดังอยู่บนเตียง ดารารัตน์งัวเงียลุกขึ้นมาดู
“หิวนมอีกแล้วเหรอคะ มาลูก”
หญิงสาวผมเผ้ารุ่ยร่ายเพราะแทบไม่ได้นอนทั้งคืนตื่นขึ้นมาให้นมลูกทั้งที่ตาปรือจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่
ดารารัตน์อุ้มลูกเข้าเต้าอย่างสะลึมสะลือ ขอบตาดำคล้ำ ผิวพรรณที่เคยอ่อนนุ่มชุ่มชื้นบัดนี้แห้งกร้านหย่อนคล้อย
กิตติที่ยืนแต่งตัวเตรียมออกไปทำงานเหลือบมองภรรยาของตัวเองนิ่งๆ ในแววตาคมเผยความเบื่อหน่ายออกมารางๆ
“พี่ไปก่อนนะ” ชายหนุ่มว่าพลางเดินหิ้วกระเป๋าเอกสารออกไปโดยไม่เสียเวลามองนานกว่านั้น
“อือ...” ดารารัตน์เงยหน้ามองแผ่นหลังกว้างของสามีที่ค่อยๆ เดินหายไปจากห้องส่วนตัว เธอสัมผัสได้ถึงความห่างเหิน เย็นชา ไร้อารมณ์พิศวาสในแววตาเขา
ความรักที่เคยมีถูกบางสิ่งค่อยๆ ลดทอนจนเจือจางบางเบา
เรื่องนี้เธอไม่โทษใคร เพราะเธอเองไม่สามารถทำหน้าที่ของภรรยาได้เต็มที่
ดารารัตน์รู้ดีว่าสามีต้องเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนักกลับบ้านก็อยากพัก อยากผ่อนคลาย
แน่นอนว่าเซ็กส์ที่ดีคือวิธีแก้เครียดโดยพื้นฐาน
แต่กิตติกลับบ้านมานอกจากไม่ได้พักยังไม่อาจผ่อนคลาย มองไปทางไหนก็ไม่จรรโลงใจ บ้านที่รกเพราะข้าวของเครื่องใช้ต้องถูกวางใกล้มือตลอดเวลา ใบหน้าภรรยายังไร้ความผ่องใสไม่น่ามอง
ตั้งแต่คลอด เธอก็โฟกัสเพียงลูกน้อย พอหันกลับมาส่องกระจกอีกครั้งก็พบว่าผิวพรรณตัวเองนั้นไม่สวยใสดังเดิม ทั้งแห้งแตก คันหลังคลอด หมองคล้ำ ผิวไม่กระชับ แถมยังมีร่องรอยจากสิวฝ้าที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์อีกต่างหาก
ตั้งแต่ท้องอ่อนจนท้องแก่และคลอดลูกต้องอยู่ไฟเป็นเดือน กระทั่งดูแลลูกเองทุกอย่าง ต้องให้นมลูกครบหกเดือนตามที่ตั้งใจ
ใบหน้าที่เคยกระจ่างใสสะสวยตอนนี้มีริ้วรอยเป็นจุดด่างดำจากสิวที่ทิ้งเอาไว้มากมายแต่ไม่ค่อยมีเวลาดูแล
เวลานานขนาดนี้ สภาพย่ำแย่ขนาดนี้ อารมณ์ทางเพศไม่มี ผู้ชายอย่างกิตติจะทนได้ยังไง
ดารารัตน์หลับตาลงช้าๆ น้ำตาของเธอมันไหลย้อนข้างในไม่ได้ไหลออกมา เพราะมันเหือดหายกลายเป็นแผลตกสะเก็ดนานแล้ว ตั้งแต่เธอเริ่มระแคะระคายและสืบจนรู้อะไรมากมาย
ผู้หญิงเรามักมีเซ้นส์ที่รุนแรงเสมอ และดารารัตน์เองก็เริ่มสัมผัสได้ถึงสัญชาตญาณอันตรายบางอย่างมาตั้งนานแล้ว
แม้ว่ากิตติยังคงทำหน้าที่สามีได้ดี คอยประคอง โอบกอด บอกรัก แต่เขากลับไม่มีเวลาให้เธอสักเท่าไร มักอ้างงานยุ่งร่ำไป
แน่นอนว่าเขากำลังทำหน้าที่พ่อของลูกได้ดี ด้วยการหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ทว่าเหตุผลเหล่านี้ เพียงพอต่อความอดทนหรือเปล่า ครอบครัวของเราควรไปในทิศทางใด...
บัวแก้วยกชามข้าวต้มเดินเข้ามาวางลงบนโต๊ะ “กำลังร้อน ดาวให้นมลูกก่อนค่อยกินนะ”
ดารารัตน์หันมายิ้มบาง “จ๊ะ พี่บัว”
ผ้าอ้อมผ้าขนหนูผ้าสำหรับเด็กอ่อนถูกรวบไปใส่ตะกร้าบัวแก้วก้มหน้าทำงานของตัวเองโดยไม่พูดจาเหมือนเช่นทุกวัน
ทว่าสุดท้ายก็อดถามไม่ได้ “กิตไปสัมมนาอีกแล้วเหรอ?”
“อือ...”
บัวแก้วหยุดงานในมือ หันมาจับไหล่แม่ลูกอ่อนเบาๆ “ทนเท่าที่ทนไหวนะดาว การนอกใจมันไม่มีเหตุผลที่จะต้องยื้อ หรือเสียดายวันเวลาดีๆ ที่ผ่านมาระหว่างกัน เพราะวันนี้ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้วทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องรอให้เขาเลือกเราหรือใคร เพราะมันคือการเลือกแล้วตั้งแต่เขามีคนอื่น”
ดารารัตน์หันมองบัวแก้ว แล้วก้มมองหน้าลูกวัยหกเดือน
“ไม่นานหรอกพี่บัว ดาวจะทนอีกไม่นาน...”
เหตุผลที่ชายหญิงคู่หนึ่งจะได้อยู่ด้วยกันได้เที่ยวด้วยกันและควงกันอย่างอิสระคือสัมมนาที่ต่างจังหวัด
ทุกครั้งล้วนเป็นเช่นนั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน วนเวียนหลายครั้ง ยิ่งต้องห้ามใจก็ยิ่งหวั่นไหวปรารถนาสานสัมพันธ์ไม่จบไม่สิ้น
คำว่าน้ำแตกแยกทางไม่สานต่อสัมพันธ์ใดๆ ไม่มีอยู่จริงสำหรับผู้ชายที่ผู้หญิงคนหนึ่งเกาะติดเหมือนปลิง ได้แล้วทิ้งยิ่งไม่ใช่ เพราะผู้หญิงอย่างจารวีที่แอบชอบกิตติมาตลอดไม่มีทางยอมให้ความสัมพันธ์จบลงแค่คืนแรก เพราะหลังจากคืนนั้นเธอก็พยายามเข้าหาเขาอย่างจงใจ ตามติดเพื่อไม่ให้เราขาดการติดต่อกัน
ส่วนผู้ชายที่ดีแตกอย่างกิตติเองก็เหมือนคนส่วนใหญ่ทั่วไปที่ชอบความตื่นเต้นท้าทาย ชอบผู้หญิงอย่างจารวีที่ทั้งน่ารักออดอ้อน ช่างพูดช่างคุยคอยเอาอกเอาใจ ที่สำคัญตอบสนองเรื่องเซ็กส์ได้ดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย หากเมียไม่รู้ก็แอบแซ่บได้เรื่อยๆ มันเร้าใจ ที่สำคัญช่วยผ่อนคลายได้ในระดับเห็นสวรรค์ชั้นฟ้า
กระทั่งหลายเดือนต่อมา จารวีไม่อยากมีสัมพันธ์แบบลับๆ อีกต่อไป เธออาศัยช่วงเย็นหลังเลิกงาน ตอนที่กิตติขับรถมาส่ง เธอยื่นแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ที่ขึ้นสองขีดให้เขาดู
น้ำเสียงอ่อนหวานเจือแววเว้าวอนและออดอ้อนในทีแบบที่จารวีชอบทำและได้ผลเสมอค่อยๆ ดังขึ้น “เพื่อพี่กิต จาจะเข้าไปคุยกับดาวพร้อมพี่กิตค่ะ จาพร้อมอยู่แบบสามคนผัวเมียนะคะ”
เธอเป็นผู้เสียสละและหาทางออกของปัญหาเสร็จสรรพ พูดจาอย่างใจกว้าง
ในขณะที่กิตติตกใจกับผลตรวจครรภ์ไม่หาย “จะได้เหรอ”
จารวียิ้มหวานทอดเสียงอ่อนโยน “ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะพี่กิต ในเมื่อพี่กิตเป็นคนหาเงิน เป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นหลักในทุกสิ่ง ดาวเป็นแค่แม่บ้าน ไม่ได้ทำงานทำการอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ส่วนจาเองก็จะทำงานช่วยพี่กิตหาเงิน ดาวเขามีแต่ได้กับได้นะคะ”
แน่นอนว่ากิตติรักเมียคนแรกมากไม่มีทางทิ้งหรือหย่าร้าง แต่เมียคนนี้ก็ผูกพัน เอากันจนติดอกติดใจขนาดนั้น เขาจะตัดหรือจะเลือกใครก็เด็ดขาดไม่ได้สักที เรื่องแบบนี้ก็เลยยืดเยื้ออย่างที่เห็น พอแอบกินกันมานานก็ถึงจุดที่อยากจะเปิดตัว ไม่อยากหลบซ่อน
ชายหนุ่มถอนหายใจ รู้สึกหนักอกอยู่บ้าง แต่ดารารัตน์ก็เป็นอย่างที่จารวีพูดทุกอย่าง หล่อนไม่ควรมีสิทธิ์มีเสียงอะไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาที่เป็นหัวหน้าครอบครัวก็สมควรแล้ว
แต่ความคิดมักง่ายของจารวีกับความเห็นแก่ตัวของกิตติจะทำให้ดารารัตน์ยอมรับโดยดุษฎีได้อย่างไร
ทันทีที่กิตติพาจารวีมาเปิดตัวและบอกความต้องการออกมาตามตรง บ้านที่เคยสงบสุขร่มเย็นก็เหมือนระเบิดลง
สามีภรรยาทะเลาะกันบ้านแทบแตก
บัวแก้วรีบอุ้มเด็กหญิงดรัลดาพาไปหลบมุมอยู่ไกลๆ เด็กน้อยกะพริบตามองอย่างไม่เข้าใจ
ภายใต้แพขนตายาวงอนมีเพียงเงาสะท้อนของภาพแห่งความเจ็บปวดบรรจุอยู่ในดวงตาที่ไร้เดียงสา
ดารารัตน์ยืนประจันหน้ากับสามีแสนดีซึ่งขณะนี้เขากำลังมีผู้หญิงอีกคนยืนเคียงข้างไม่ห่าง
“ดาวไม่ยอมรับ! พามันออกไปจากบ้านเดี๋ยวนี้!”
จารวียืนกุมมือกิตติไม่ปล่อย เธอตัวสั่น ดวงตามีน้ำคลอเบ้า ท่าทางน่าสงสาร ทั้งอ่อนหวานไม่สู้คน
เธอพูดเสียงเบาอย่างกล้าๆ กลัวๆ “พี่กิต...”
กิตติมองจารวีอย่างเห็นอกเห็นใจแล้วหันมาหว่านล้อมดารารัตน์ต่อ “ดาว เรามาคุยตกลงกันดีๆ เหอะน่า”
ดารารัตน์แทบบ้า ขีดความอดทนขาดผึง เธอไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เพียงเดินขึ้นหน้า ตบจารวีฉาดใหญ่ “อีตอแหล!”
“โอ๊ย!”
กิตติใช้ตัวเองเป็นโล่กำบังให้จารวี เขาปกป้องหล่อนเต็มที่ ขณะเดียวกันก็รู้สึกตกใจกับความหยาบคายที่ไม่เคยเจอของภรรยา
“ดาว! หยุด” แน่นอนว่ามันไม่ได้ผล ยิ่งสามีปกป้องหญิงชู้ ภรรยาจะไม่รู้สึกอะไรได้ยังไง มีแต่เกรี้ยวกราดมากขึ้นเท่านั้นคำผรุสวาทหลุดจากปากอย่างที่ไม่เคยทำ “ไอ้ชั่ว ไอ้เลว อีหน้าด้าน แพศยา ร่านนักนะมึง”
“หยุด! ดาว พี่บอกให้หยุด”
“ไม่หยุด!”
“โอ๊ย!/กรี๊ด!” จารวีถูกตบไม่ยั้ง กิตติเองก็ถูกตีหลายที
เห็นผิวขาวเนียนของผู้หญิงที่ตัวเองทั้งกอดทั้งจูบลูบคลำแทบทุกคืนมีสภาพสะบักสะบอมเลือดไหลเป็นริ้วเป็นสายเพราะถูกดารารัตน์ตบตีแบบนับไม่ทัน กิตติก็หมดความอดทนเช่นกัน
“พอที! ดาว! ทำตัวน่าเบื่อว่ะ”
แม่ลูกอ่อนที่มีสภาพไม่ต่างจากผีตายซากถูกมือใหญ่ผลักจนเซไปด้านหลัง เธอยืนนิ่งงันเหมือนถูกสาป
ความเงียบเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะแต่กลับมอบความรู้สึกลึกล้ำ ตราตรึงชั่วกัปชั่วกัลป์
ดารารัตน์ถามเสียงสั่น “พี่เลือกอีนั่น?”
กิตติไม่ตอบ เพียงโอบจารวีไว้ในอ้อมแขน แววตาคมกริบที่มองดารารัตน์ขุ่นขึ้ง
แม้เขาไม่ตอบแต่ก็ชัดเจนแล้วถึงคำตอบ
สติเสี้ยวสุดท้ายของดารารัตน์ย่อยยับในพริบตา เก้าอี้ แจกัน แก้วน้ำ หนังสือ อะไรที่อยู่ใกล้มือของเธอนั้น ต่างถูกคว้าแล้วเขวี้ยงใส่กิตติกับจารวีไม่ยั้ง
เสียงดังโครมโครมจากพลังทำลายล้างยิ่งกว่าโรงงานระเบิด ทำเอากิตติกับจารวีต้องพากันหนีออกไปจากบ้านแทบไม่ทัน