ตอนที่ 4 เพื่อนสนิทสมัยเรียน 2
จารวียังเซ้าซี้ ไม่ถอดใจ “ก็ได้ ชดเชยให้จาอาทิตย์หน้าตอนไปสัมมนาด้วยกันนะ”
“อือ...”
เสียงพูดคุยระหว่างกันเบาแสนเบา พวกเขากระซิบใส่หูกันอีกหลายประโยค กลิ่นกายเนื้อสาวจากน้ำหอมที่เร้าอารมณ์ผู้ชายโชยมาแตะปลายจมูกของกิตติเป็นระยะ ชายหนุ่มก้มหน้ามอง
จารวีเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้สวยเท่าดารารัตน์ แต่หล่อนเซ็กส์จัด ตอบสนองได้ดี รับแรงกระแทกจากผู้ชายอย่างเขาได้แบบสะใจ ชั้นเชิงบนเตียงดีกว่าคนเป็นเมีย แถมไม่ต้องคอยระวังทำเบาๆ
เรื่องราวระหว่างเราเริ่มต้นเมื่อเขาเจอหล่อนในงานเลี้ยงปิดยอดบริษัทคู่ค้า
และที่บานปลายก็หลังจากเธอมาสมัครงานที่บริษัทของเขา
ครั้งแรกของเราคือตอนที่ดารารัตน์ท้องได้สองเดือนกว่า ส่วนครั้งที่สองก็ห่างกันแค่ไม่นาน
ย้อนกลับไปในคืนงานเลี้ยงปิดยอดบริษัทคู่ค้า จารวีในชุดรัดรูปเซ็กซี่สีน้ำเงินเดินยิ้มสวยเข้ามาทักทายเขาในฐานะเพื่อนเก่าของภรรยา
พวกเราดื่มเหล้าฉลองด้วยกัน หัวข้อที่สนทนาล้วนเกี่ยวกับดารารัตน์ที่ตั้งครรภ์ทันทีหลังเรียนจบ
กระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่ม...
วันนั้น งานเลี้ยงยังคงไม่เลิกรา เพราะหลายคนเริ่มติดลม
กิตติชนแก้วกับเพื่อนร่วมงานรวมถึงเพื่อนภรรยาที่ยังคงนั่งอยู่ด้วยกันจนเริ่มเมา จารวีเองก็มึนหัวแล้วเช่นกัน เธอถึงขั้นเอนตัวพิงบ่ากว้างของสามีเพื่อน
“พี่กิต จาไม่ไหวแล้วค่ะ ไปส่งจาขึ้นห้องหน่อย”
งานเลี้ยงวันนี้จัดขึ้นในโรงแรมซึ่งใช้เวลาหลังงานสัมมนาระหว่างบริษัทคู่ค้า หลายคนเลือกที่จะเปิดห้องไว้รอ หากดื่มเหล้าจนเมาย่อมสามารถพักผ่อนตามอัธยาศัย
เพราะเห็นเป็นเพื่อนภรรยา กิตติจึงไม่ปฏิเสธ
“ไปครับ ลุกขึ้น”
เขาฉุดร่างอ้อนแอ้นให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนโอบกึ่งประคองหล่อนเดินไปตามทาง
“ห้องไหนครับ” เขาถาม
“ห้อง 508 ค่ะ” จารวีตอบเสียงอ้อแอ้อิงแอบอ้อมอกอุ่นซบแก้มแดงนุ่มเข้ากับซอกคอเขา “เดี๋ยวจาหากุญแจก่อนนะ” เธอล้วงมือในกระเป๋าสะพาย ควานหาอย่างทุลักทุเล
ทั้งสองเข้ามาในลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นห้า จารวีเหมือนจะล้มได้ตลอดเวลา กิตติรู้สึกเป็นห่วงจึงแทบจะอุ้มเธอ
“เจอหรือยังครับ”
“เจอแล้วค่ะ”
ห้อง 508 อยู่สุดหัวมุมทางเดิน กิตติที่เมาไม่แพ้จารวีจึงใช้เวลานานพอควรกว่าจะพาหล่อนเดินมาถึงหน้าห้อง
คีย์การ์ดถูกแตะลงบนแป้น ประตูเปิดออกเบาๆ จารวีแทบไม่อยากเดิน เธอเอื้อมแขนกอดคอกิตติไว้ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดกับอ้อมอกเขา กิตติจึงโอบจารวีเข้าห้องอย่างลำบาก
ทว่าภายใต้ความลำบากนั้นอารมณ์บางอย่างเริ่มปะทุขึ้นมา ชายหนุ่มมีหรือจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
เขาไม่ใช่หนุ่มน้อยไร้เดียงสา ทั้งยังมองออกถึงมารยา แน่นอนว่าการปฏิเสธมันยากลำบากยิ่งกว่า
“ไหวไหม จา...”
“เหมือนจะไม่ไหวค่ะ” สุ้มเสียงที่ตอบพร่าหวาน
สองแขนจารวีกอดรัดกิตติเอาไว้ จงใจเบียดเนินอกหยุ่นนุ่มเข้าหาเขาอย่างต้องการสัมผัสให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
เธออยากอยู่กับเขาแบบนี้นานอีกหน่อย
“พี่กิต...” เสียงของเธอออดอ้อนเพิ่มความอ่อนหวาน
ยามที่เนื้อหอมอ่อนนุ่มบดเบียดกับร่างกายแข็งแกร่ง ทำให้เลือดลมคนเมาเริ่มร้อนรุ่ม ลมหายใจชายหนุ่มจึงติดขัด สติสัมปชัญญะถูกโจมตีเพราะฤทธิ์สุรา พาให้ความสามัญสำนึกเริ่มลดน้อยถอยลงมากกว่าอารมณ์บางอย่างที่เริ่มก่อเกิด
คำว่าอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลย่อมตามมา
จารวีใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีผลักกิตติลงบนเตียง เป็นฝ่ายเริ่มบทรักที่คาดไม่ถึง เธอจูบเขาอย่างเร่าร้อน บ่งบอกชัดเจนว่าต้องการอะไร ฝ่ามือเล็กเริ่มซุกซน เธอเลื่อนลงต่ำ ปลดเข็มขัด ล้วงเข้าไป กอบกำบางสิ่งที่แข็งขึงเอาไว้เต็มมือ แล้วเริ่มรูดขึ้นรูดลง
ผู้ชายคนหนึ่งเพราะภรรยากำลังตั้งครรภ์ เรื่องบนเตียงจึงเว้นว่างมานาน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าผู้หญิงตรงหน้าเริ่มรุกเอง ทั้งยั่วทั้งอ้อน ทั้งยังไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จัดให้ซะขนาดนี้
เธอเร่งส่งผ่านความร้อนแรงมาให้ท่อนเอ็นที่ขาดแคลน คนหนุ่มที่เลือดลมพลุ่งพล่านจึงถูกจุดติดไฟปรารถนาได้ง่ายดาย ความคิดก็มักง่ายเช่นกัน
แค่น้ำแตกแล้วแยกทาง ไม่สานต่อมากกว่านั้น
มันเป็นแค่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราวที่ผู้ชายที่ไหนก็ทำกัน
เสื้อผ้าถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว เร็วจนแทบมองไม่ทันว่าใครถอดส่วนใดให้กันอย่างไร
ตอนนี้กิตติไม่เหลือแม้แต่กางเกง ส่วนจารวีเองก็เผยหมดทั้งส่วนบนส่วนล่าง เนื้อตัวของเธอขาวผ่อง น่าลิ้มลองอย่าบอกใคร
ร่างเปลือยเปล่าของจารวีที่เดิมทีอยู่ด้านบนถูกกิตติจับพลิกให้อยู่ด้านล่าง น่องขาขาวเนียนถูกจับแยกออกกว้าง
กลีบเนื้อที่มีขนรำไรเหมือนเด็กสาวฉ่ำเยิ้มพร้อมพรั่ง
ชายหนุ่มแทรกร่างที่เปล่าเปลือยเข้าหาส่วนกลางลำตัวเธอ กดสะโพกลงมาอย่างไม่รอให้สติที่หลุดลอยกลับคืน
ท่อนเอ็นที่แข็งตัวเต็มที่สอดใส่เข้าร่องลึกอย่างรวดเร็ว มันทั้งอุ่นชื้นและคับแคบ บีบรัดทำความเป็นชายยิ่งขยายใหญ่
ความรู้สึกเสียวซ่านที่ห่างเหินมานานกำซาบลึกถึงกระดูก เสียงสูดปากดังขึ้น กิตติขบกรามแน่น จารวีแหงนหน้าคราง
ชายหนุ่มสาวตัวตนเข้าออกในเนื้ออูมเนิบช้า “อ่า...”
“อื้อ...พี่กิต จาเสียว ไม่ไหวแล้วค่ะ”
“พี่ก็ไม่ไหวแล้วครับ ขอพี่นะ”
“อา...”
จังหวะเริงสวาทถูกเร่งเร้าจากเนิบนาบเป็นถี่รัวและแรงขึ้น ความร้อนผ่าวยิ่งนานยิ่งมอดไหม้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
คนสองคนต่างพ่นลมหายใจหอบหนักใส่หน้ากันและกัน ได้ยินเพียงเสียงครางอย่างรัญจวนในระยะประชิด
ไหนเลยจะมีสิ่งใดมาสะกิดสามัญสำนึกในก้นบึ้งของหัวใจ