ตอนที่ 3 (เรื่องราวของเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่สั่งสอน) ภรรยาแสนดี สามีที่รัก 2
งานเลี้ยงสังสรรค์คืนนี้มีพนักงานของบริษัทคู่ค้าร่วมด้วย ทำให้กิตติได้เจอเพื่อนของภรรยา
เธอคือจารวี
หญิงสาวมาในชุดรัดรูปเซ็กซี่สีน้ำเงินชวนให้มองจนตาค้าง หล่อนเดินเข้ามาทักทายสามีเพื่อนอย่างเป็นกันเอง
“พี่กิต”
ชายหนุ่มผงกศีรษะรับการทักทาย
“หวัดดีครับน้องจา ไม่เจอกันนานเลย”
จารวีเลือกนั่งข้างๆ เขาอย่างสนิทสนม “ก็ตั้งแต่เรียนจบเนอะ คิดถึงยัยดาวจัง เป็นไงมั่ง”
“อือ...ตอนนี้ท้องอยู่ เกือบสามเดือนแล้วครับ”
หญิงสาวทำตาโต “โอ้โห! ได้ไงพี่ จายังไม่ทันได้กินเลี้ยงได้ใส่ซองงานแต่งเนี่ยนะ ร้ายมากค่ะ”
กิตติหัวเราะ “จดทะเบียนสมรสแล้ว เดี๋ยวคลอดลูกก่อนค่อยจัดงานทีหลัง สินสอดที่พ่อแม่เตรียมให้ก็สะสมเพิ่มเรื่อยๆไง”
จารวีย่นจมูก ท่าทางของเธอน่ารัก
บริกรยื่นถาดให้ เธอรับเครื่องดื่มแอลกอฮอร์มาถือไว้ในมือ แล้วยิ้มให้กิตติ
“มาค่ะพี่ ถือโอกาสฉลองที่ได้เจอกันวันนี้ แล้วก็ขอแสดงความยินดีว่าที่คุณพ่อ”
ทั้งสองชนแก้วเหล้าแล้วดื่ม พูดคุยอย่างเป็นกันเอง
สมัยเรียนจารวีเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกับดารารัตน์
ทุกครั้งที่กิตติมารับดารารัตน์ จารวีก็มักจะรคอยมองตามจนสุดสายตาด้วยใจที่แอบชอบแฟนเพื่อนมาโดยตลอด
กิตติเป็นผู้ชายที่หล่อมาก เอาใจเก่ง บุคลิกอบอุ่น ท่าทางละมุนละไมสะกดใจเธอทุกครั้งที่เจอ แต่ก็นั่นแหละ เธอทำได้แค่อิจฉาและริษยาทุกครั้งที่ต้องเห็นพวกเขาทำตัวติดกัน เรียนด้วยกัน อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ทั้งยังรักกันอย่างหวานชื่นทุกวัน
สมัยเรียนเธอทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น
ห้องใจกลางเมืองอันเป็นเรือนหอของคู่รักหลังเรียนจบ
หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างบางระหงกำลังนั่งพับผ้าที่ซักแล้วอยู่ตรงโซฟาตัวโปรด เดิมทีเธอมีแม่บ้านที่มาเช้าเย็นกลับคนหนึ่ง แต่เป็นเพราะสามีไม่ชอบให้ใครแตะต้องของใช้ส่วนตัว เธอที่เป็นภรรยาจึงรับหน้าที่จัดการเสื้อผ้าทุกตัว รวมถึงอาหารทุกมื้อ เพราะสามีเป็นคนกินยาก เธอต้องลำบากทำสุดฝีมือในทุกเมนู
สามีของเธอคนนี้ทุกอย่างเนี้ยบจัดทุกระเบียดนิ้วจริงๆ
ดารารัตน์ เงยหน้ากวาดตามองนาฬิกาติดผนังเงียบๆ เข็มสั้นตอนนี้ชี้ที่เลขสิบสอง ส่วนเข็มยาวก็วิ่งเรียบๆ ไปเรื่อยๆ
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ หลุบตามองฝ่ามือที่กำลังพับผ้าตัวสุดท้ายก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องนอน
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากออกไปทำงานนอกบ้าน แต่เพราะถูกสามีขอเอาไว้ เขาอยากให้เธอทำหน้าที่แม่บ้านสบายๆ เพื่อที่เขาจะได้ทำงานนอกบ้านอย่างสบายใจ เป็นช้างเท้าหน้าหาเงินเต็มกำลัง ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังหากเธอต้องออกทำงานเหน็ดเหนื่อย แล้วยิ่งมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจเขาก็ยิ่งทำงานอย่างมีความสุข ตั้งใจเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีที่สุดเพื่อเมียรักได้ทำหน้าที่แม่ได้สมบูรณ์
ดารารัตน์นำผ้าที่พับเรียบร้อยจัดเรียงในตู้อย่างเป็นระเบียบก่อนเดินออกมาด้านนอกอีกครั้ง เก้าอี้ตัวสูงข้างแพนทรี่ของโซนครัวถูกใช้เป็นที่นั่งรอสามีกลับมา
เธอรอแล้วรอเล่า รอจนเข็มนาฬิกาใกล้จะเดินมาชี้ที่ตีหนึ่งเกือบตีสอง สามีถึงกลับมา...
สี่เดือนต่อมา
กิตติได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น งานของเขาจึงดูเหมือนหนักขึ้นต้องออกสัมมนาต่างจังหวัดบ่อยๆ และกลับดึกเพราะติดประชุมแทบทุกวัน ดารารัตน์ที่อุ้มท้องกลมโตจึงต้องนั่งรอกิตติกลับบ้านอยู่บ่อยครั้ง
“ดาว เข้านอนได้แล้ว เดี๋ยวพี่รอเอง” บัวแก้วที่ถูกส่งตัวมาจากบ้านพ่อแม่สามีให้ดูแลลูกสะใภ้กล่าวขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ดาวอยากรอเองค่ะพี่บัว”
บัวแก้วแม้มาทำหน้าที่แม่บ้านช่วยงานบ้านทุกอย่างแต่เธอก็นับเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของกิตติจึงเริ่มออกคำสั่งเสียงเข้มงวด “ไม่ห่วงตัวเองก็ต้องห่วงลูกนะดาว ป่ะ ไปนอน ไม่ดื้อจ๊ะ”
ยังไม่ทันพูดอะไรกันต่อ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น
กิตติพาร่างสูงเพรียวเดินเข้าห้องมาด้วยท่าทางอ่อนเพลีย เขาดูเหน็ดเหนื่อยหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างกับไปวิ่งมาราธอนมา แต่แววตากลับเปล่งประกายฉ่ำวาว
“อ้าว ดาว ยังไม่นอนอีกเหรอ พี่บัวอีกคน”
ดารารัตน์ยิ้มให้สามี ลุกขึ้นไปช่วยเขาถือกระเป๋าเอกสาร แต่บัวแก้วไวกว่า เธอกดบ่าดารารัตน์ไว้
“ดาวเดินเหินลำบาก พี่จัดการเอง”
“ขอบคุณค่ะพี่”
บัวแก้วจึงจัดการกับข้าวของเก็บเข้าที่เข้าทาง ส่วนกิตติรีบเข้ามาประคองภรรยาพาเธอเดินเข้าห้องอย่างรักถนอม
เขายังคงเป็นสามีที่น่ารัก เป็นผู้ชายที่ดีเสมอต้นเสมอปลาย ดูแลเอาใจใส่ภรรยาที่กำลังท้องไส้ ท่าทางที่แสดงออกชัดเจนว่าทำงานหนักกลับดึกเพื่อใคร