ตอนที่ 23
“ฉันพูดจริง ๆ นะ คุณมาแต่งงานกับฉันเถอะ” เธอยังไม่ยอมแพ้ แม้แต่ลุงคนขับรถยังส่งกำลังให้ผ่านทางกระจกหลัง ไม่นะ ลุงไม่ควรมองอย่างนี้ ลุงควรขับรถต่อไปแล้วเอานิ้วอุดหูซะ แค่นี้เธอก็อายจะแย่
ภาคีรู้สึกพอใจกับท่าทีของหญิงสาว คิดว่าตนเดินหมากถูกต้อง เพราะเขาชักลงแรงกับเหยื่อคนนี้มากเกินไปแล้ว มากเสียจนอีกฝ่ายเหลิงขนาดกล้าเอ่ยปากขอแต่งงาน ดูเหมือนเธอจะรีบร้อนมาก นั่นทำให้เขาได้เปรียบ ในเมื่อเจ้าสัวไม่ได้เร่งให้เขาแต่ง เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องรีบ รอสักสามสีเดือนค่อยพูดถึงเรื่องนี้ยังไม่สาย
เกมนี้เขาเป็นฝ่ายควบคุมตั้งแต่แรก
“ผมยังไม่คิดเรื่องนั้น”
โกหก เปลวรู้สึกหน้าชา เธอไม่เห็นเหตุผลที่ภาคีปฏิเสธเลย เขาน่าจะเป็นพวกรีบทำเป้าหมายให้สำเร็จนี่นา หรือเธอมองข้ามอะไรไป การที่เขาอยู่เคียงข้างเธอตอนนี้หมายความว่าเป้าหมายยังเหมือนเดิม แต่อะไรหลาย ๆ อย่างทำให้คิดได้ว่าเขากำลังดูเชิงอยู่...
เป็นไปได้ว่าภาคีรู้เจตนาของเธอ
“ลองคิดดูไหมคะ” เปลวช้อนมอง สบนัยน์ตาลุ่มลึกของอีกฝ่าย “แต่งกันไปรับรองไม่ผิดหวัง งานบ้านงานเรือนนี่ของถนัด ทำอาหารได้ เชื่อฟัง ไม่จู้จี้ คุณอยากได้อะไรฉันให้ได้ทุกอย่าง”
ภาคีมองดวงตากลมโตที่ฉายประกายเด็ดเดี่ยว ก่อนค่อย ๆ เลื่อนมองริมฝีปากบางที่ขบเม้มแน่นอย่างอ้อยอิ่ง
“แน่ใจเหรอครับว่าให้ได้ทุกอย่าง”
“แน่ใจค่ะ ทุกอย่างที่คุณต้องการ” เปลวตอบโดยไม่ลังเล ภาคีสังเกตทุกการเคลื่อนไหวบนใบหน้าของเธอ
“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับผมบ้าง”
คำถามทำเอาเธอชะงัก เปลวรู้ว่าภาคีต้องการบางอย่างจากโชติวัตร รู้ว่าเบื้องหลังของเขามีมากกว่าที่ตาเห็น แต่ไม่ทราบถึงรายละเอียด นั่นเป็นสิ่งที่นิยายเขียนบอกไว้ นอกเหนือจากนี้ยังเป็นปริษนา ทั้งอายุ สิ่งที่ชอบ อุดมการณ์ ความสามารถ ทั้งหมดไม่ได้กล่าวถึงในนิยาย
“คุณไม่รู้อะไรเลย” ภาคีละสายตาจากหญิงสาว “เพราะถ้ารู้ คุณจะไม่พูดแบบนี้”
เขาเบนหน้าไปอีกทาง เป็นสัญญาณว่าบทสนทนานี้สิ้นสุดลงแล้ว
ช่างเป็นการตอบปฏิเสธอันแสนเย็นชา เปลวอ้าปากเหมือนอยากพูดบางอย่าง ทว่าสุดท้ายไม่มีเสียงใดหลุดออกมา ในเมื่อภาคีแสดงออกไร้เยื่อใยขนาดนี้ พูดไปเขาคงรับฟังไว้เฉย ๆ แต่ไม่ตอบรับคำขอของเธอ
ดูท่าวันนี้เธอน่าจะ ...ล้มเหลว
ความผิดหวังท่วมท้นในอก เปลวดึงตัวเองออกจากไออุ่นของคนข้างกาย หันไปซบกับประตูรถแข็ง ๆ แทน
เธอไม่ได้ยอมแพ้ แค่ความผิดหวังมันล้นจนแสบร้อนทั่วลำคอ ทำไมเขาถึงไม่ตอบตกลง เขารออะไรอยู่กันแน่ เปลวมองภาพสะท้อนตัวเองในกระจก หรือว่าเธอสวยไม่พอ หรือวันนี้เผลอทำให้เขาโกรธ ความคิดต่าง ๆ วิ่งสวนสนามอยู่ในหัว พออารมณ์เริ่มเข้าควบคุม เธอก็ไม่อยากพูดสิ่งใดอีก
ก้อนแข็ง ๆ จุกอยู่ในอก ทั้งผิดหวัง ทั้งเสียงใจ เธอเฝ้ารอโอกาสนี้มานาน แต่สุดท้ายดันล้มเหลว
เพราะตั้งความหวังไว้สูง ตกลงมาจึงรู้สึกเจ็บมาก
ภาคีคาดว่าหญิงสาวจะแสดงความพยายามมากกว่านี้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเศร้าเขาถึงนึกได้ว่าอาจแสดงออกเย็นชาเกินไป แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาควรใส่ใจ ก็แค่เหยื่อตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง จึงทอดสายตาออกนอกหน้าต่าง เพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นสีหน้าเศร้าหมองของเธออีก
ไว้คราวหน้าจะลองอ่อนโยนให้กว่านี้อีกนิดแล้วกัน
รถรับจ้างจอดหน้าโรงแรม ลุงคนขับให้ส่วนลดค่าโดยสารยี่สิบบาทแล้วบอกให้เปลวสู้ ๆ เธอรู้สึกซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยบนโลกนี้ยังมีคนเห็นอกเห็นใจเธอบ้าง
“งั้นฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ” เปลวบอกลา ทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ภาคีเองก็ทำเช่นเดียวกัน เธอเห็นดังนั้นจึงหมุนตัวแล้วเดินจากมา แต่ไม่ได้กลับห้องไปเปลี่ยนเสื้ออย่างที่พูด เคยอ่านเจอว่าโรงแรมนี้มีจุดชมวิวที่สวยมาก ๆ แห่งหนึ่ง เพียงบอกจุดหมายกับพนักงานกดลิฟต์เขาก็รู้ทันทีว่าต้องขึ้นไปชั้นไหน
ท้องฟ้ามืดแล้ว ทั่วโรงแรมจึงเปิดไฟประดับงดงาม ชั้นนี้มีบริการสปาร์และสระว่ายน้ำ ทั้งบริเวณมีคนใช้บริการไม่มาก เธอเลือกเดินไปนั่งริมสระ หย่อนขาลงในน้ำ มองไฟห้อยระย้าคล้ายหิ่งห้อยกวัดแกว่งตามแรงลม ถัดจากแสงไฟก็เป็นดวงดาวดารดาษบนผืนนภา
เปลวเริ่มคิดว่าแผนของเธอมันดีจริง ๆ รึเปล่า
เธอมั่นใจเกินไปว่าทุกอย่างต้องเป็นดังหวังเพราะรู้เนื้อหาในนิยาย รู้ว่าจุดประสงค์ของภาคีคืออะไร นำมาซึ่งแผนในการขอแต่งงานครั้งนี้
ทว่าในโลกแห่งความเป็นจริง ความคิดของมนุษย์นั้นซับซ้อน และยังมีสิ่งที่เรียกว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันเป็นปัจจัยด้วย
บางทีเธอควรมีแผนสำรอง... ในกรณีที่ไม่มีใครเอา
หากคิดหนีจากลุงนิธิ ต้องหนีไปให้ไกลแสนไกล อาจไปสุดเขตชายแดน หรือต่างประเทศ เธอไม่ค่อยชอบวิธีนี้ ไม่ชอบที่ต้องอยู่แบบหวาดระแวงเหมือนคนหนีหนี้นอกระบบ เพราะหากถูกพบตัว เธอจะกลายเป็นแค่ก้อนเนื้อให้มันทุบตี
กับลุงนิธิ เปลวไม่อยากนึกว่าลุงจะทำอะไรบ้าง ว่ากันตามตรง เธอยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมลุงถึงไม่ปล่อยเธอไป หรือมีความลับบางอย่างที่เธอไม่รู้
เหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องเงิน วิธีเบสิกสุดในการหาเงินคือหางาน เปลวมีแค่ใบปริญญาคณะบริหารธุรกิจ แต่อย่าพูดถึงความรู้ ไม่มี เมื่อก่อนแค่เอาชีวิตรอดวัน ๆ ก็แทบแย่ การเรียบจบมัธยมปลายได้ถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์อันดับแปดของโลก
ถ้ามีเส้นสายสักหน่อยคงพอฝากงานตำแหน่งดี ๆ ได้ บริษัทลุงนิธิถูกตัดออกจากลิสต์เป็นอันดับแรก เขาไม่ให้เธอยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของเขาทุกกรณี อีกคนที่นึกออกคือนาวิน กับรายนั้นเธอน่าจะได้ทำงานบนเตียงมากกว่าทำงานในบริษัท
การเรียนต่อก็น่าสนใจ อาจอ้างว่าเรียนเอาปริญญาใบที่สอง แลกกับการติดอยู่ในบ้านอีกสี่ปี ทำงานเก็บเงินอีกไม่รู้กี่ปี และภาวนาขอให้ก่อนหน้านั้นเธอไม่ถูกจับขายให้มาเฟียเสียก่อน บางทีกลับจากทริปครั้งนี้เธอควรมองหามหาวิทยาลัยไว้เลย มันเป็นวิธีที่ไม่เสี่ยง ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
ทุกทางเลือกมีสิ่งต้องแลก เธอจะไม่ด่วนตัดสินใจตอนนี้ อีกอย่าง เธอยังไม่ล้มเลิกเรื่องการแต่งงาน
“หนีมาอยู่นี่เอง”
เสียงเรียกทำให้เธอสะดุ้ง เหลียวมองพบนาวินยืนเท้าสะเอวอยู่ไม่ไกล
“เปลวอยู่ของเปลวดี ๆ เรียกหนีได้ไง” เธอก้มหน้ามองเงาสะท้อนบนผิวน้ำ
นาวินไม่มีแก่ใจจะต่อว่า เขาเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว เห็นมิสคอลจากเปลวเป็นสิบสาย แต่พอโทรกลับดันต่อสายไม่ติด สร้างความหงุดหงิดใจอย่างมาก เขาอุตส่าห์เคลียร์งานทั้งอาทิตย์ให้เสร็จภายในสองวันเพื่อพาเธอมาที่นี่ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะแอบหนีไปเที่ยวโดยตัดขาดการติดต่อจากเขา
เมื่อหงุดหงิดจึงหาทางปลดปล่อย หมายมั่นว่าจะมานวดผ่อนคลายสักหน่อย ดันเจอคนที่ชอบจุดระเบิดอารมณ์ของเขานั่งอยู่ริมสระ คราวแรกคิดจะว่าโยนระเบิดใส่สักลูกให้หาทางกลับห้องไม่ถูก แต่ภาพเบื้องหน้าดันหยุดเขาเอาไว้
ภาพแผ่นหลังของหญิงสาวท่ามกลางความมืด โดยมีไฟประดับและดวงดาวระยิบระยับให้แสงสว่าง สวยงามทว่าอ้างว้างอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ยิ่งเข้าใกล้กลับยิ่งเหมือนถอยห่าง คงเป็นเพราะได้เห็นเสี้ยวหน้าที่ฉายความเศร้าของเธอด้วยกระมัง
เขาไม่เคยเห็นเธอทำหน้าแบบนี้ ความจริงคือเขาไม่เคยมองหน้าผู้หญิงคนนี้ชัด ๆ เลยสักครั้ง ไม่เคยรับรู้ว่าเธอรู้สึกยังไงหรือคิดอะไร เพราะเปลวเคยเป็นแค่คู่นอนที่เอาแต่ทำตัวน่ารำคาญ เขาจึงไม่อยากใส่ใจมาก
แต่พอเห็นเธอเป็นแบบนี้ เขาก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเองรู้สึกยังไง
“ทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อ อยากโชว์หุ่นให้คนอื่นเห็นหรือไงห๊ะ”
เปลวผงกหัวขึ้นพลางขมวดคิ้ว “ไม่ได้โชว์สักหน่อย พี่วินอย่าหาเรื่อง”
นาวินตั้งใจมองใบหน้าของเธอเป็นครั้งแรก เปลวมีรูปลักษณ์ภายนอกถูกใจเขาจึงยอมให้เธออยู่เคียงข้าง ยิ่งแต่งตัวด้วยชุดที่เขาซื้อให้ก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงในฝัน ติดที่ตอนนี้ดูซีดเซียวไปหน่อย และยังมีรอยเขียวจ้ำข้างริมฝีปาก...
“หน้าไปโดนอะไร”
“ไม่ได้โดนอะไร แค่ไปเล่นน้ำมา หน้าเลยซีด”
“พี่หมายถึงตรงนี้” นาวินใช้นิ้วจิ้มข้างปากตัวเอง
เปลวไม่ตอบ เหมือนกับคิดอะไรบางอย่างในหัว เห็นอย่างนั้นนาวินถึงเริ่มขึ้นเสียง
“เป็นอะไรทำไมไม่บอก อมพะนำอยู่ได้ ไม่บอกแล้วพี่จะรู้ไหม”
“ถ้าบอกแล้วพี่วินจะช่วยเปลวเหรอ” เธอถามกลับอย่างใจเย็น “พี่จะช่วยอะไรได้”
เปลวไม่เคยเห็นนาวินเป็นที่พึ่ง ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ เธอเคยถามเรื่องแต่งงานกับเขาแล้ว และไม่ได้โกรธที่เขาปฏิเสธ ทว่าผลตอบรับแบบนั้นทำเธอให้ไม่คิดหยิบเขามาเป็นตัวเลือกอีก
“ใครเป็นคนทำ หรือว่าลุงของเธอ” นาวินซักไซ้ไม่เลิก
“พี่วินไม่ต้องสนใจหรอก เปลวกลับห้องก่อนนะ”
“ยังคุยไม่รู้เรื่องเลย ไม่ให้กลับ”
“หนาวแล้ว จะไปอาบน้ำ พี่วินก็พักผ่อนเยอะ ๆ ล่ะ ตีนกาขึ้นเต็มหน้าแล้ว ไม่หล่อเลย” พูดจบเจ้าตัวก็เดินฉิวเข้าด้านในทันที
ชายหนุ่มรู้สึกโกรธ ส่องหน้าตัวเองตรงพื้นผิวเฟอร์นิเจอร์ที่มีเงาสะท้อน ไม่มีตีนกาสักหน่อย แล้วก็ไม่มีมุมไหนที่ไม่หล่อด้วย
ทว่านั่นไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เขาโกรธ แต่เป็นท่าทีที่เปลวไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ด้วยอำนาจของอินทรเนตร ทำไมจะช่วยไม่ได้ เพราะอย่างนี้ใช่ไหมเธอถึงอยากแต่งงาน นาวินสับสน ทำไมเขาต้องแต่ง เธอมีดีอะไรให้เขาอยากแต่งงานด้วย ปากเสีย แถมยังชอบยั่วโมโห ถ้าเพียงเธอจะออดอ้อนเขาสักนิด ยั่วยวนเขาสักหน่อย บางที...
ไม่
แต่ถ้าเธออยากได้ที่ปรึกษาทางกฎหมาย เขาหาให้ได้ อย่างน้อยช่วงนี้เปลวก็ทำตัวดี ถ้าเขาจะยื่นมือช่วยสักครั้งคงไม่ใช่เรื่องเสียหาย
นาวินยืนครุ่นคิดกับตัวเองอยู่นานสองนาน