บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 21

เปลวลืมตาอีกทีพบว่ากำลังมองเพดานห้องนอนตัวเอง

เธอกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับโฟกัส หัวหนักอึ้งวิงเวียน เมื่อรอจนอาการดีขึ้น ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ถึงแล่นเข้ามาในสมองเหมือนฟิล์มฉายหนัง

ภาพเธอนั่งบนตักภาคี ภาพนาวินกระชากแขนด้วยความโมโห ภาพการปะทะฝีปากระหว่างสองหนุ่มกับหัวข้อสนทนาอันน่าขบขัน

...ไปเที่ยวทะเล

เปลวโขกหัวตัวเองกับหมอนนับครั้งไม่ถ้วน

เธอทำบ้าอะไรลงไป

นี่ไม่ใช่เรื่องน่าขำ ต่อให้เอาตลกชื่อดังมาเล่าให้ฟังก็ขำไม่ออก ไปทะเลกันสามคนเนี่ยนะ ตอนนั้นเธอยังมีสมองอยู่ไหมถึงกล้าเสนอเรื่องนี้ออกไป ถ้ามีคงเป็นเซลล์สมองที่ตายแล้ว ลุกขึ้นมาควบคุมปากของเธอเหมือนซอมบี้

ความทรงจำค่อนข้างเลือนราง หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะ ...หลับ รู้สึกตัวเป็นพัก ๆ ตอนถูกหิ้วปีกออกมา สองหนุ่มเถียงกันอยู่พักใหญ่ สุดท้ายภาคีเป็นคนพามาส่งที่บ้าน แล้วแม่บ้านก็ช่วยกันหามเธอขึ้นมาบนห้องนอน

นอกจากเรื่องเที่ยวทะเล เธอจำไม่ได้ว่าเมื่อวานหลุดปากพูดอะไรบ้าง พอรู้ตัวเองอยู่ว่าตอนเมาเธอปากพล่อย หวังว่าคงไม่ได้เผลอด่าใครเข้าหรอกนะ

เปลวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ตอนนี้บ่ายโมงตรง มีข้อความส่งมาจากนาวิน บอกวันเวลานัดไปเที่ยว ซึ่งคือวันจันทร์ที่จะถึงนี้เอง อีกแค่สองวันเท่านั้น

จำเป็นต้องรีบขนาดนี้ไหม เธอยังไม่พร้อมเลย ดูท่าแล้วน่าจะได้ไปรบมากกว่าไปเที่ยว อย่างน้อยขอเตรียมโล่กับเกราะกันกระสุนก่อน

หรือว่าควรแกล้งป่วยดี? เธอไม่เห็นประโยชน์จากการไปเที่ยวครั้งนี้ เห็นแต่ความบรรลัยและฉิบหายที่กำลังรอยู่

ว่าแล้วเปลวก็ต่อสายถึงนาวิน กระแอ้มสองครั้งเพื่อให้คอโล่ง

เมื่อปลายทางรับสาย เธอเปิดด้วยการไอค่อกไอแค่กเป็นการทักทาย ทว่า...

[ไม่ต้องมาไอใส่พี่ วันจันทร์เดี๋ยวไปรับที่บ้านตอนเช้า]

“พี่วิน คือว่า...”

[แค่นี้นะ พี่เคลียร์งานอยู่]

ตู้ด ตู้ด ตู้ด

นาวินไม่เปิดโอกาสให้พูด ตัดสายไปแล้วด้วย เปลวนั่งมองโทรศัพท์ด้วยหัวใจหดหู่ น้ำตาตกใน

เออ ไปก็ได้วะ

 

เช้าวันจันทร์ เปลวดักรอลุงนิธิก่อนเขาออกไปทำงาน เพื่อแจ้งให้ทราบว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนหลายวัน

“กลับเมื่อไหร่” ลุงถาม

“น่าจะวันสองวันค่ะ ยังไม่แน่ใจ”

อันที่จริง นาวินไม่ได้บอกว่าจะพักกี่วัน ลุงนิธิพยักหน้าหนึ่งทีก่อนเดินจากไป ส่วนนิตาออกจากบ้านก่อนหน้านี้นานแล้ว เท่ากับว่าทางสะดวก

นาวินมารับตอนเช้า แต่เช้าที่ว่าคือสิบเอ็ดโมง มาถึงเขาก็ยกกระเป๋าขึ้นรถ ดันไหล่เธอจับยัดเข้าห้องผู้โดยสาร แล้วบังคับรถให้เคลื่อนตัวตามถนนลาดยาง

นั่งอยู่สักพัก ในที่สุดเปลวก็ทำลายความเงียบเพราะอดสงสัยไม่ได้

“พี่บอกคุณภาคีแล้วใช่ไหมว่าจะไปวันนี้”

“จะถามถึงมันทำไม” คนฟังไม่พอใจเมื่อได้ยินชื่อชายอื่น “บอกไปหมดแล้ว วัน เวลา สถานที่ มันอยากไปก็ให้ไปเอง”

“บอกว่าจะไปวันนี้ใช่ไหมคะ”

“...”

“พี่วิน”

“บอกว่าจะไปวันพุธ... อย่ามามองพี่อย่างนั้น พี่อุตส่าห์เผื่อเวลาเคลียร์งานให้มัน”

เปลวหมดคำจะพูด นึกอยู่แล้วว่าทำไมเขาถึงเร่งร้อนนัก แถมเลือกวันธรรมดาแทนที่จะเป็นวันหยุด เธอลอบมองใบหน้าของนาวิน ยังคงหล่อเหล่าเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือรอยคล้ำใต้ตาวงใหญ่ และริ้วรอยแห่งความอิดโรย ได้นอนพักบ้างรึเปล่าล่ะนั่น

“มองอะไร”

“เปล่าค่ะ” เธอรีบเบือนหน้าหนี

ภาคีถูกหลอกให้ไปวันพุธ ที่บอกว่าเผื่อเวลาให้เคลียร์งานคงเป็นข้ออ้าง มีโอกาสสูงที่นาวินจะลากเธอกลับก่อนหน้านั้น ปล่อยให้ภาคีไปเสียเที่ยว

ร้ายกาจจริง ๆ

ทั้งที่เธอพยายามพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส คิดว่าจะลองคุยกับภาคีเรื่องแต่งงานในทริปครั้งนี้

ต้องรอโอกาสหน้างั้นเหรอ?

เปลวคิดทบทวน หลังจากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ดันถูกนาวินฉกออกจากมือตั้งแต่ยังไม่ทันได้ปลดล็อกเครื่อง

“ขอโทรศัพท์คืนค่ะ อยากถ่ายรูป” เธอว่าจะส่งข้อความ หรือไม่ก็ถ่ายรูปตัวเองโพสต์ลงโซเชียล เป็นการส่งสัญญาณให้ภาคีรู้ตัว แต่นาวินเอาโทรศัพท์เธอวางไว้หน้ากระจก แล้วโยนอีกเครื่องให้แทน

“อยากถ่ายก็ใช้เครื่องพี่ หรือจะดูหนังฟังเพลงก็ได้ แล้วแต่เธอ” เขาพูดแค่นั้นแล้วกลับไปใช้สมาธิจดจ่อกับการขับรถ ดูเหมือนไม่ได้สนใจว่าเธอจะเอาโทรศัพท์ของเขาไปใช้ทำอะไรบ้าง

อย่างนี้เธอก็ส่งสัญญาณถึงภาคีไม่ได้สิ

เปลวถอนหายใจ หากคิดอีกแง่ อาจเป็นเรื่องดีกว่าที่เขาไม่มาด้วย จะได้ไม่ต้องทนการปะทะอารมณ์ระหว่างสองหนุ่มนี่

หน้าจอโทรศัพท์ของนาวินมีแอปพลิเคชั่นมากมาย แจ้งเตือนข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน แอปธนาคาร บันทึกส่วนตัว ตารางงาน อัลบั้มรูป เปลวแทบไม่อยากเชื่อว่านาวินจะยอมให้เธอเล่นโทรศัพท์ของเขาจริง ๆ สมัยนี้ใครเขาให้ดูมือถือกันง่าย ๆ ล่ะ โดยเฉพาะคนรวยระดับพันล้านอย่างผู้ชายคนนี้

เขาไม่กลัวเธอเปิดเจอข้อความที่คุยกับผู้หญิงคนอื่นเหรอ อย่างนาวินต้องมีเรื่องพวกนี้บ้างแหละ หรือคิดว่าเจอไปก็ทำอะไรไม่ได้ เปลวเริ่มเดาความคิดเขาไม่ออก จ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่นาน สุดท้ายก็ปิดมันลงแล้วส่งคืนให้เจ้าของ

บอกตามตรง เธอไม่กล้าแหย่นิ้วเข้าไปในโลกของผู้ชายคนนี้

“ไม่ถ่ายรูปแล้วไง” นาวินถาม

“ถ่ายแล้วรูปอยู่เครื่องพี่ เปลวจะถ่ายทำไม”

“ก็ส่งผ่านแชตหาตัวเองสิ ไม่เห็นยาก”

นั่นเป็นคำอนุญาตให้เธอเปิดดูข้อความของเขาได้รึเปล่านะ?

“ไม่ถ่ายแล้ว นอนดีกว่า” เธอตัดบท เอนตัวพิงกระจกข้าง ทอดสายตาออกนอกหน้าต่าง ไม่มีใครพูดอะไรกันอีกหลังจากนั้น

ทัศนียภาพแปรเปลี่ยน ในที่สุดก็เห็นเส้นขอบทะเลไกลลิบ ๆ เธอเปลี่ยนจากนั่งพิงเป็นเกาะขอบประตู หาดทรายอยู่แค่เอื้อมนี่เอง ความรู้สึกบางอย่างเอ่อล้นออกมา วันนี้เธอไม่ต้องทนต่อรังสีพิฆาตของลุง ไม่ต้องระแวงว่านิตาจะก่อเรื่องให้เธอเจ็บตัว ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่รู้สึกว่าตนเป็นอิสระ

ถ้าไม่นับสายตาใครบางคนที่ทิ่มแทงอยู่ด้านหลังน่ะนะ

รถหักเลี้ยวเข้ามาในโรงแรมขนาดใหญ่ หรือพูดให้ถูกคือโรงแรมกึ่งรีสอร์ต พื้นที่กว้างขวางแบ่งแยกหลายโซนคล้ายอาณาจักรขนาดย่อม มีสวนพักผ่อนร่มรื่น ทางเดินเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ นาวินบอกให้เธอลงจากรถเมื่อมาถึงหน้าอาคารสูง เปลวสูดกลิ่นไอทะเลเข้าปอด หมุนตัวสามร้อยหกสิองศาเพื่อบันทึกภาพอันตระการตาเบื้องหน้า

“ไปได้แล้ว หมุนตัวอยู่นั่นแหละ ทำอย่างกับไม่เคยมา” นาวินลากเธอเข้าไปในตัวอาคาร

บรรยากาศข้างนอกว่าสวยแล้ว ข้างในยิ่งสวยไม่แพ้กัน ตกแต่งด้วยไม้เลื้อยนานาพันธุ์เลียนแบบธรรมชาติ ทว่ายังคงความหรูหราโอ่อ่าไว้ได้ นาวินเดินนำมาถึงแผนกต้อนรับ จู่ ๆ เขาก็ชะงักฝีเท้า ทำให้คนไม่ได้มองทางเดินชนแผ่นหลังเข้าอย่างจัง

“แก...”

เปลวชะโงกหัวข้ามไหล่นาวินเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ต้องชะงักตามเขาไปด้วยเมื่อเห็นว่าใครยืนรออยู่ตรงแผนกต้อนรับ

ชายร่างสูงในชุดเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงสามส่วนสีเทา ภาคียืนเท้าแขนกับเคาน์เตอร์ ยามไม่ได้ใส่ชุดสูทดูแปลกตาอย่างน่าประหลาด จากลุคหนุ่มขรึมบนหอคอยงาช้างกลายเป็นหนุ่มฮอตเดินดินแบบที่สาว ๆ สามารถจับต้องได้

“สวัสดีครับคุณเปลว” พอเขาเห็นเธอก็เข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มละมุน จงใจข้ามหน้านาวินที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้น “เดินทางไกลคงเหนื่อยแย่ แวะดื่มน้ำก่อนไหมครับ”

“อะ อ่อ ค่ะ” เปลวถึงกับหากเส้นเสียงไม่เจอ ไม่ใช่นาวินบอกว่าภาคีจะมาวันพุธหรอกเหรอ ทำไมถึงโผล่มาวันนี้ได้

“แกมาได้ไง”

ภาคีตอบโดยไม่มองหน้า “ทีหลังก่อนจองโรงแรมก็ควรเช็กก่อนว่าใครเป็นหุ้นส่วนใหญ่ คิดเล่นตุกติกอะไรจะได้ไม่บ้ง”

เขาพูดด้วยสีหน้าระรื่น สกิลยั่วโมโหไม่แผ่วเลยจริง ๆ ผู้ชายคนนี้ นาวินเลือกไม่สนใจ ดึงเธอไปยังหน้าเคาน์เตอร์เพื่อเช็กอิน

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย พนักงานยื่นกุญแจห้องให้ ซึ่งมีแค่ชุดเดียว เปลวเห็นแล้วขมวดคิ้ว

“แล้วห้องเปลวล่ะ”

“ก็นี่ไง เธอนอนห้องเดียวกับพี่” พูดจบแล้วดึงแขนเธอให้ตามไป

“ไม่” เปลวสะบัดมือ เรื่องอะไรต้องนอนห้องเดียวกับเขา บัตรเครดิตเธอก็มี ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงวันหยุดยาว ถามหาห้องว่างอีกห้องคงไม่ใช่เรื่องยาก

ทว่า ก่อนที่เธอจะหันไปคุยกับพนักงาน ภาคีก็ยื่นกุญแจอีกชุดให้

“ห้องคุณเปลวครับ ผมจองไว้ให้แล้ว”

“อ่อ... ขอบคุณค่ะ”

นาวินหน้าถมึงทึง แต่ไม่ต่อว่าอะไรออกมา คงเพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศมากกว่านี้

“ชิ งานการไม่มีทำหรือยังไง” เขาบ่นลอย ๆ

“อยากว่างเมื่อไหร่ก็ว่างได้ พอดีเป็นเจ้าของบริษัท ไม่ใช่พนักงานกินเงินเดือน” ภาคีตอบลอย ๆ เช่นกัน

สิ้นเสียง ต่างคนต่างแยกย้ายคนละทาง ทิ้งให้คนกลางอย่างเปลวส่งยิ้มแห้งให้พนักงาน นอกจากยิ้มแห้งแล้วใจยังแห้ง กลัวว่ายังไม่ทันได้เอาเท้าแตะน้ำทะเล ทริปจะล่มซะก่อนน่ะสิ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel