ตอนที่ 16
ชายหนุ่มอีกสองคนยังไม่เข้าใจสถานการณ์ รีบกรูเข้าไปดูอาการของนิตา แต่ใครก็ไม่เร็วเท่าเปลวที่วิ่งแซงหน้าทุกคนไปช้อนตัวพี่สาวมาไว้บนตักแล้ว
“ช่วยด้วย! พี่เป็นอะไรไม่รู้!” เธอตะโกนจนเสียงแหบ “ตามหมอสิ เรียกรถพยาบาล!”
นิตาตกใจกับปฏิกิริยาคนเป็นน้อง เสียงเปลวดังขึ้นไม่หยุด เรียกให้คนรับใช้วิ่งหน้าตื่นเข้ามา จากนั้นก็ไม่ได้มีแค่เปลวคนเดียวที่กรีดร้อง เพราะแม่บ้านพากันส่งเสียงวี้ดว้ายวิ่งกันจ้าละหวั่น บ้างไปหยิบชุดปฐมพยาบาล บ้างหยิบผ้าและกะละมังใส่น้ำมารอ ลุงคนสวนดึงพระจากสาบเสื้อมากราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์
นาวินหน้าเครียดต่อสายเรียกรถฉุกเฉินโดยเร็ว คนที่สงบนิ่งที่สุดคือภาคี เขาเฝ้ามองเหตุการณ์โดยไม่ได้มีท่าทีตื่นตกใจอะไร
“ทำใจดี ๆ ไว้นะ มีใครตามหมอรึยัง! พี่หน้าเขียวหมดแล้ว!” เปลวตะโกนโหวกเหวกโดยไม่จำเป็น ทำให้เหตุการณ์ดูร้ายแรงกว่าที่มันควรเป็น แม่บ้านคนหนึ่งเอาพัดมาโบกผับ ๆ อย่างกับมันจะช่วยอะไรได้ ความโกลาหลทำให้ทุกคนมุ่งเป้าในการช่วยเหลือ ไม่มีใครพยายามหาสาเหตุของอาการป่วยของนิตาสักคน
เมื่อทุกอย่างเริ่มถูกเบี่ยงจากสิ่งที่ตั้งใจให้เกิด คนถูกวางยาพิษจึงยกมืออันสั่นเทาเพื่อชี้ให้เห็นว่าใครเป็นตัวการ แต่น้องสาวกลับกอบกุมมือเธอไว้กับอกเสียก่อน
“พี่ต้องไม่เป็นไรนะ” เสียงเปลวสั่นกระพือ น้ำตาใสร่วงเผาะลงมา “เกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่ถึงเป็นแบบนี้”
สายตาพี่น้องประสานกัน คนหนึ่งร้องไห้ฟูมฟายปานจะขาดใจ ส่วนอีกคนตาเหลือก เฝ้าอดทนกับความเจ็บปวดที่กำลังทิ่มแทง นิตาเห็นว่านัยน์ตาของเปลวมองเธอด้วยความเย็นชา เยือกเย็นต่างจากการแสดงออกภายนอกลิบลับ วินาทีนั้นเอง เธอรู้สึกเหมือนกำลังมองคนแปลกหน้า
เปลวเคยบอกกับตัวเองว่าจะอดทน ... ตราบใดที่พวกเขายังไม่ล้ำเส้น
แต่เรื่องในตอนนี้ นิตาล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว
อย่าคิดว่าแสดงละครเป็นแค่คนเดียว เธอจะไม่ยอมเสียท่าให้วิธีต่ำ ๆ แบบนี้เด็ดขาด ในเมื่อนางกินยาพิษเข้าไปได้ ก็ต้องคายออกมาได้ด้วยเช่นเดียวกัน
นิตาพยายามเปล่งเสียงออกมา ทว่าน้ำลายเริ่มฟูมปาก ยาที่เธอใช้นั้นไม่ทำให้ถึงตาย แต่มีผลข้างเคียงหนักใช่เล่น เธอทำได้เพียงส่งเสียงอื้ออ้าในลำคอ
“อะไรนะคะ” เปลวก้มต่ำเพื่อฟังเสียงคนป่วย “เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไร ว่าไงนะ อาหารเป็นพิษ”
นิตาส่ายหัว แต่กลับถูกอ้อมกอดของน้องสาวผู้กำลังร่ำไห้รัดไว้แน่น
“อดทนไว้ เดี๋ยวเปลวจะช่วยพี่เอง!” เธอคว้ากะละมังเปล่าที่ใครสักคนเอามาวางไว้ พลิกตัวนิตาให้คว่ำหน้าลง อีกฝ่ายขัดขืน แต่แรงคนป่วยหรือจะสู้คนปกติ เธอบังคับให้นางก้มหน้าลงสำเร็จ
ไม่มีใครกล้ายื่นมือช่วย ได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ อย่างไรสองคนนี้ก็เป็นพี่น้อง อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ถึงจะมีเรื่องบาดหมางกันบ้าง แต่คงไม่ใจร้ายขนาดทนเห็นครอบครัวเป็นอะไรไปได้
เปลวเห็นว่าจัดท่าเข้าที่ ใช้สองนิ้วสอดเข้าไปในปากของนิตา ล้วงลึกจนถึงคอและกดลงไป ได้ผลทันที นางร้องอ๊อกออกมาคำหนึ่งแล้วเริ่มโก่งคออาเจียน บางส่วนกระเด็นออกมาแต่เปลวไม่ได้รังเกียจ คอยอยู่เคียงข้างพี่สาวอย่างเหนียวแน่น นิตาขย้อนของเก่าหมดไส้หมดพุง อวกจนหมดสภาพ ท่ามกลางสายตาของคนในบ้าน ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก
รถพยาบาลมาถึงหลังจากนั้นไม่นาน นิตาถูกหามขึ้นเปลโดยเร็ว ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองเธอด้วยดวงตาแดงก่ำ เป็นครั้งแรกที่เห็นพี่สาวผู้แสนดีทำหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ เปลวทำเพียงจ้องมองนิ่ง ๆ พร้อมยกรอยยิ้มมุมปาก ประกาศชัดเจนว่าต่อจากนี้หากนางร้ายมา เธอจะตอบโต้ทุกเม็ดอย่างสาสม
ทุกคนเห็นหมดว่าเธอเป็นคนช่วยนิตา หลังจากนี้ถ้าจะเล่นละครป้ายความผิดให้เธอ คงต้องไปฝึกมากกว่านี้หน่อย
เมื่อคนป่วยถึงมือกู้ภัย สถานการณ์จึงสงบลง แม่บ้านช่วยกันทำความสะอาด เอาซากของเก่าไปทิ้ง เปลวใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาออกจากใบหน้า
“พี่วินตามไปดูนิตาที่โรงพยาบาลก่อนได้ไหมคะ เปลวต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
นาวินอ้าปากเหมือนอยากพูดอะไร พอเห็นว่ามีชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่จึงเปลี่ยนใจ สุดท้ายก็จากไปทั้งอย่างนั้น เปลวไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเรื่องนี้ รู้แค่ว่าเขาไม่ได้มองเธอด้วยสายตารังเกียจหรือผิดหวัง ซึ่งไม่แน่ใจว่านี่คือข่าวดีหรือข่าวร้ายกันแน่
“ได้เวลานัดคนขับรถแล้ว ผมคงต้องกลับก่อน” ภาคีเอ่ยปากหลังจากเงียบอยู่นาน ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เฉยชาจนน่ากลัว ต้องเติบโตมาในครอบครัวแบบไหนถึงสามารถยืนดูเฉย ๆ ราวกับมองเรื่องทั้งหมดผ่านทางจอทีวีได้
ส่วนลึกในใจกังวลว่าเขาจะหลงกลแผลของนิตารึเปล่า จึงเผลอหลุดปากไปโดยไม่ทันคิด
“ให้ฉันไปส่งนะคะ” พูดเสร็จแล้วนึกอยากตบปากตัวเอง จะไปส่งเขาในสภาพนี้ได้ยังไงกัน
“คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ วันนี้ผมรบกวนมามากแล้ว ไว้เจอกันวันหลังครับ”
เปลวเบิกตากว้าง เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ ไว้เจอกัน งั้นเหรอ
ภาคีสืบเท้าออกจากบ้าน รถพยาบาลขับออกไปแล้ว เหลือแค่รถคันสีดำที่จอดรออยู่ข้างประตูรั้ว
“ให้รายงานเจ้าสัวไหมครับ” คนขับรถถามเมื่อภาคีก้าวเข้ามาในรถ
“ไม่ต้อง ไม่ใช่เรื่องสำคัญ”
รถเริ่มเคลื่อนตัวออก ภาคีไม่ได้สนใจเหตุการณ์เมื่อครู่เลยสักนิด เขารู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดมีเงื่อนงำมากกว่าที่ตาเห็น หากเสียเวลาพิจารณาสักนิดอาจได้คำตอบ แต่จะคิดให้รกสมองทำไม ในเมื่อเขาไม่ได้อยากรู้ความสัมพันธ์ของพวกโชติวัตรเสียหน่อย
คนเดียวที่ดึงดูดความสนใจจากเขาได้ คือผู้หญิงคนนั้น
ต่อหน้าเขาทำตัวอย่าง ต่อหน้าคนอื่นทำตัวอย่าง เท่านี้ก็บอกได้แล้วว่าเธอมีแผนอยู่ในใจ
คิดได้แค่อย่างเดียว ปาวรินทร์เข้าหาเขาเพราะหวังผลประโยชน์บางอย่าง เช่นเดียวกับที่เขาเข้าหานิตา
เรื่องวันนี้ทำให้เป้าหมายเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย นิตาแสดงออกชัดเจนว่าชอบนาวิน สำหรับเขา ผู้หญิงที่ชอบคนอย่างนาวินถือว่าเป็นคนตาต่ำ มันน่ารำคาญที่ต้องคอยเอาใจผู้หญิงแบบนั้น
ต่างกับอีกคน ในเมื่อปาวรินทร์หวังผลประโยชน์จากเขา ดังนั้นเขาไม่ต้องใช้ความพยายามมากเพื่อครอบครองเธอ ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจดี
แต่ภาคีไม่ชอบให้คนอื่นคุมเกม จึงอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นต้องการอะไร อยากรู้ว่าเธอจะใช้วิธีใดบ้างเพื่อพิชิตใจเขา
ภาคีเปิดหน้าจอโทรศัพท์ เลื่อนดูคำขอเป็นเพื่อนที่เขาไม่เคยตอบรับ
ปกติเขาไม่เล่นโซเชียล สร้างไว้เพื่อให้คนอื่นรู้ว่ามี และไม่รับเพื่อนสุ่มสี่สุ่มห้า โดยเฉพาะผู้หญิงที่พยายามอ่อยเขา
แต่แค่คนเดียวคงไม่เป็นไร
ภาคีกดรับปาวรินทร์เป็นเพื่อน และพบว่าเขาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอ
สร้างแอ็กเคานต์ อวตารเพื่อแอดเขาโดยเฉพาะเลยหรือ?
เขาดูรูปโปรไฟล์ของหญิงสาว เป็นเพียงรูปมุมสูงธรรมดา มุมเดียวกับที่เธอพยายามแอ็กใส่เมื่อตอนเที่ยง
เลื่อนลงมามีโพสต์แชร์รูปสถานที่ท่องเที่ยว แปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นรูปของกิน ที่เหลือเป็นรูปตุ๊กตาถักรูปแบบต่าง ๆ ดูเหมือนเธอจะเป็นคนทำด้วยตัวเอง วางตั้งเรียงกันบนโต๊ะไม่ต่ำกว่าสิบตัว สงสัยว่างมาก ไม่นึกว่าจะมีงานอดิเรกแบบคนแก่นั่งเก้าอี้โยกชอบทำกัน
ทันใดนั้น หน้าโปรไฟล์ของเธอมีโพสต์ใหม่ขึ้นมา
‘ตรวจเลือดไม่เจออะไร แต่ตรวจหัวใจทำไมถึงเจอเธอ’
โพสต์ถึงใครไม่ต้องเดา เพราะมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เห็น ภาคีเผลอกระตุกยิ้ม ไปก๊อปประโยคพวกนี้มาจากอินเตอร์เน็ตหรือยังไง
พอรู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไงเขาก็ขมวดคิ้ว แล้วปิดหน้าจอโทรศัพท์ทันที
ก็แค่เหยื่ออีกคนหนึ่ง หมดประโยชน์เมื่อไหร่ก็กำจัดทิ้งเหมือนคนอื่น ๆ
ภาคีบอกตัวเอง พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง