ตอนที่ 15
“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบอ้อมแอ้ม อากาศไม่ได้ร้อน แต่เหงื่อแตกผลัก เปลวลอบมองฝั่งตรงข้ามเร็ว ๆ แวบหนึ่ง เห็นว่ามีใครบางคนทำหน้าเหมือนอยากกินหัวเธอแทนหัวกุ้ง นาวินเป็นพวกเก็บสีหน้าไม่อยู่เวลาโดนขัดใจ อาการหมาหวงก้างกำเริบ แต่คราวนี้ยังดีหน่อย ดูเหมือนเขาจะพยายามควบคุมตัวเอง ละสายตาจากเธอ แล้วหันไปสนใจจานอาหารต่อ
เปลวอยากบอกว่า ไม่ทันแล้วพ่อคุณ เขาเห็นกันทั้งโต๊ะ
“ทานปลาด้วยสิครับ ไขมันน้อย สุขภาพจะได้แข็งแรง”
ยัง ยังไม่หยุด ภาคีตักเนื้อปลาให้เธออีกคำโต ทั้งที่จานก็อยู่แค่ปลายจมูกนี่เอง สีหน้าเรียบเฉยของเขาคล้ายจะแฝงความสะใจไว้ ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังใช้เธอเป็นเครื่องมือในการยั่วยุนาวิน
พวกผู้ชายนี่แปลก ตอนอยากให้สนใจดันทำเมิน พออยู่เฉย ๆ กลับวิ่งเข้าใส่ สงสัยแสดงความรู้สึกแบบคนธรรมดากันไม่เป็น เดายากเหลือเกินว่าต้องการอะไร อีกหน่อยคงต้องใช้สูตรแคลคูลัสคำนวณความคิดพวกเขาล่ะมั้ง แย่แล้ว เธอยิ่งโง่คณิตอยู่
นิตาก้มรับทานอาหารด้วยเช่นกัน ในใจนึกชิงชังน้องสาวขึ้นมา ระหว่างคุยกับนาวินเธอเห็นตลอดว่าสายตาเขามองฝั่งตรงข้ามบ่อย ๆ ทั้งที่วันนั้นเขาก็เห็นว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกายแค่ไหน ทำไมยังไม่เลิกสนใจอีก แม้แต่ภาคีที่เคยเอาอกเอาใจเธอเป็นอันดับแรก ยังหันไปสนใจมัน
เป็นคำถามที่เธอรู้คำตอบดี ลูกไม้จะหล่นไกลต้นได้อย่างไร ในเมื่อมีแม่สำส่อนเหมือนโสเภณี มารยาร้อยเล่มเกวียนก็ได้รับถ่ายทอดมาทางสายเลือดนั่นแหละ ใช้วิธีการบนเตียงหลอกล่อจนผู้ชายติดใจ
สมัยเด็กนิตามักชื่นชมการแต่งตัวของพวกดาวยั่วให้เปลวฟังบ่อย ๆ แม้ตอนโตจะไม่ได้สนิทกันอีกแล้ว แต่รสนิยมการแต่งตัวของน้องสาวยังเป็นไปตามนั้น ทว่า ดูจากการแต่งกายและท่าทีของเปลวในวันนี้ เธอรู้ว่าไม่ควรประมาทอีกต่อไป ไม่รู้หรอกว่าอะไรทำให้เปลวเปลี่ยนไปขนาดนี้ แต่ไม่ว่านางจะพยายามโผล่หัวขึ้นมาเท่าไหร่ เธอก็จะเหยียบให้จมดินเท่านั้น
อันดับหนึ่งมีได้เพียงคนเดียว และคนคนนั้นต้องเป็นเธอ
แค้นเมื่อคราวก่อนยังไม่ลืมเลือน วันนี้เธอจะทำให้เปลวโงหัวขึ้นมาไม่ได้อีก
ไม่มีใครพูดอะไรบนโต๊ะ เปลวนึกไม่ถึงว่าการที่ภาคีตักอาหารให้จะสร้างบรรยากาศชวนสยองได้ขนาดนี้ คนเดียวที่ดูเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับการเปลี่ยนแปลงก็ภาคีอีกนั่นแล เจริญอาหารจริงเชียว แถมยังแบ่งมาให้เธอไม่หยุด
มันก็ดีที่เขาสนใจ แต่ช่วยสนใจตอนอื่นได้ไหม เธอรู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ มาสักพักแล้ว โดยเฉพาะตอนมองหน้านาวินกับนิตา
สำหรับบางคน การพูดไม่โดยคิดอาจถือเป็นเรื่องแย่ แต่สำหรับเธอ แค่อยู่เงียบ ๆ โดยไม่คิดอะไรก็ถือว่าเป็นบาปแล้ว
“อยากดื่มอะไรเป็นพิเศษไหมคะ มีน้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำแอปเปิล” นิตาเอ่ยปากอีกครั้งหลังจากทุกคนทานอาหารเสร็จ
“ผมขอน้ำฝรั่ง” นาวินตอบคนแรก
“งั้นผมขอ...” ภาคีเหลือบมองข้าง ๆ “แบบเดียวกับคุณเปลวแล้วกันครับ”
คนถูกโยนระเบิดใส่ถลึงตา ส่วนภาคีไม่สะทกสะท้าน ปั้นหน้านิ่งพลางมองดินฟ้าอากาศ
“ได้ค่ะ เปลวไปช่วยพี่ยกน้ำหน่อยสิ” นิตากวักมือเรียก เปลวเอะใจว่าทำไมไม่ให้แม่บ้านยกมาเสิร์ฟ จำต้องตามไปอย่างช่วยไม่ได้ ห่วงก็แต่สองคนข้างหลัง หวังว่าจะไม่มีการคว่ำโต๊ะเกิดขึ้น ต้มยำกุ้งยังเหลืออีกเยอะเลย เธอจะเก็บไว้กินต่อตอนดึก
นิตามาถึงห้องครัว เอ่ยถามเสียงใส “เปลวจะดื่มอะไรเหรอ”
“น้ำแอปเปิล”
เธอยืนมองพี่สาวหยิบน้ำผลไม้จากตู้เย็นรินใส่แก้ว น้ำส้มหนึ่งแก้ว น้ำแอปเปิลสองแก้ว เทน้ำฝรั่งเป็นอย่างสุดท้าย แต่ไม่รู้รินท่าไหน น้ำผลไม้ที่ควรอยู่ในแก้วกลับหกออกมาด้านนอก
“หยิบผ้าให้พี่ที” นิตาร้องขอ รอจนแน่ใจว่าเปลวกำลังง่วนอยู่กับการหาผ้า ถึงหยิบซองบรรจุผงสีขาวออกมา เทใส่ลงในน้ำ และรีบใช้นิ้วคนให้เข้ากัน
เปลวเจอผ้าวางพาดบนเคาน์เตอร์ หันมาอีกทีก็เห็นนิตาถือแก้วอยู่ในมือสองข้าง
“เดี๋ยวพี่เอาน้ำไปเสิร์ฟแขกก่อนนะ ฝากเช็ดให้ด้วย” ว่าแล้วนางก็เดินออกไปจากครัว
รู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าคืออะไร น้ำผลไม้หกเยอะพอสมควร ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะทำความสะอาดหมด เสร็จแล้วจึงถือแก้วที่เหลือกลับไปห้องอาหาร ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างนาวินกับนิตาดังขึ้นอีกระลอก และเห็นชามต้มยำกุ้งยังอยู่ปกติสุขดี เธอวางน้ำส้มตรงหัวโต๊ะ ก่อนหย่อนตัวลงข้างภาคีตามเดิม
เธอเฝ้ารอให้มื้ออาหารนรกนี้จบเสียที จะได้หาโอกาสอยู่กับภาคีสองต่อสอง
“เปลวไม่ดื่มน้ำแอปเปิลเหรอ อร่อยนะ” นิตาหันมาพูดกับเธอแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คะ?”
“ดื่มน้ำก่อนสิ เดี๋ยวหายเย็นหรอก”
เปลวพินิจมองใบหน้าไร้เดียงสาของอีกฝ่าย ฉากหน้ายังแสดงภาพพจน์พี่สาวผู้แสนดีได้อย่างแนบเนียน แต่เบื้องหลังคิดอะไรบ้างไม่อาจรู้ การมาคะยั้นคะยอให้ดื่มน้ำอย่างนี้มันน่าสงสัย ถ้าเป็นละครหลังข่าว นี่คงต้องเป็นฉากวางยาพิษในเครื่องดื่มแล้ว
นิตายกน้ำส้มดื่มรวดเดียวจนหมด “สดชื่นจริง ๆ นะ ใช่ไหมคะคุณภาคี”
“ครับ”
น้ำแอปเปิลของภาคีเหลือครึ่งหนึ่ง เปลวยกแก้วของตนขึ้นจรดริมฝีปากบ้าง นิตาเห็นดังนั้นจึงส่งยิ้ม แล้วหันไปคุยกับนาวินต่อ
เปลวเกือบนั่งหลับแล้วตอนฟังพวกเขาคุยกัน แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
หญิงสาวเริ่มมีอาการมึนหัว หอบหายใจหนักจนตัวโยก แสบร้อนตรงหน้าอก ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ตามปกติ แต่นั่นไม่ใช่อาการของเปลว แต่เป็นอาการของนิตา!
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” นาวินถามเมื่อเห็นคู่สนทนาเริ่มมีอาการไม่ดี
“นะ...น...” หน้านิตาขาวซีด พยายามยกมือสั่นระริกขึ้นมา แต่ทรงตัวบนเก้าอี้ไม่อยู่ ล้มตึงลงบนพื้น
ตอนแรกไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นานก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดทันที เปลวลุกพรวด นึกไม่ถึงว่านางจะใช้วิธีนี้เล่นงานเธอ
นิตาวางยาในน้ำส้มของตัวเอง!