ตอนที่ 12
ชั่งใจอยู่นานว่าจะโทรหาหรือส่งข้อความดี สุดท้ายก็เลือกส่งข้อความ
อย่างน้อยเธอไม่ควรทำตัวให้เขาเกลียด หากโทรไปไม่รู้เวล่ำเวลามีหวังโดนขึ้นบัญชีดำตั้งแต่ยังไม่ได้จับมือ เปลวรัวนิ้วบนหน้าจอเพื่อพิมพ์ข้อความ
‘วันเสาร์หน้าว่างไหมคะ ว่าจะชวนมาทานข้าว พี่นิตาก็อยู่ด้วย’
ทันทีที่กดส่ง มันขึ้น อ่านแล้ว อย่างรวดเร็ว เขาตอบกลับมาสั้น ๆ คำเดียว
‘ครับ’
เธอไม่แน่ใจว่า ‘ครับ’ ในที่นี้หมายถึงอะไร เป็นการตอบตกลงหรือแค่แสดงการรับรู้ จึงพิมพ์ถามไปอีกประโยค
‘จะมาไหมคะ’
กดส่งแล้วรอด้วยความตื่นเต้น แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะปาโทรศัพท์ทิ้งทันทีที่ตอบข้อความเสร็จ สุดท้ายรอไปอีกหนึ่งชั่วโมงเต็ม ถึงได้พบความจริงอันแสนเจ็บปวดว่า ภาคีไม่อ่านข้อความของเธออีกแล้ว
เปลวนั่งหน้าจืด เล่นตัวชะมัด เขาควรเขียนป้ายแปะหน้าผากไว้ว่า ‘ไม่เอาชะนี’ รับรองไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ถึงการที่เขาเป็นแบบนี้จะทำให้เธอไร้คู่แข่ง แต่มันไม่ช่วยให้เรื่องง่ายขึ้นเลย
หากอ้างอิงจากนิยาย ภาคีต้องมาแน่ ซึ่งตอนนี้เธอไม่แน่ใจว่าเนื้อหาพวกนั้นยังน่าเชื่อถืออยู่ไหม ดูอย่างคู่พระนางสิ ป่านี้ยังไม่ได้กันเลย ดูเหมือนอิทธิฤทธิ์นางเอกจะเสื่อมซะแล้ว
ไม่ว่าเขาจะมาหรือไม่มา สิ่งที่ทำได้มีแค่เตรียมตัวเท่านั้น
ปัญหามีอยู่ว่า เปลวไม่มีประสบการณ์อ่อยหนุ่มมากนัก หรือให้พูดตรง ๆ คือไม่มีเลย เพื่อเสริมความมั่นใจ เธอเปิดกูเกิลเสิร์ชหาคำว่า วิธีอ่อยผู้ชาย และเริ่มไล่อ่าน
ทั้งอาทิตย์นั้น เปลวหมั่นศึกษาข้อมูลอย่างตั้งอกตั้งใจ
ก่อนลุงนิธิจะไปต่างประเทศ เขาเสนอให้เรียกเชฟมิชลินมาทำอาหารเพื่อต้อนรับแขก ไม่ค่อยเผยเจตนาเล้ยว่าอยากจับผู้ให้ลูกสาว แถมยกโขยงคนมาทำบิ๊กคลีนนิ่งเป็นการใหญ่ จัดการทุกอย่างแทนนิตาเสร็จสรรพ นี่ถ้าลุงแกไม่ติดธุระ เกรงว่าจะจับตัวเองแต่งหญิง แล้วถวายตัวใส่พานให้นาวินแทนคนเป็นลูกด้วยซ้ำ
ถือเป็นจุดเด่นของคนในตระกูลโชติวัตรเลยล่ะมั้ง สมาชิกแต่ละคนมีความเป็นเลิศต่างกันไป ปาวรินทร์โด่งดังเรื่องข่าวฉาว นิตายืนหนึ่งด้านความตอแหล ส่วนลุงนิธิขึ้นชื่อเรื่องความโลภ รวยอยู่แล้วก็ยังอยากรวยขึ้นไปอีก ดูท่าแล้วเขาต้องหาวิธีรวบหัวรวบหางนาวินแน่ ๆ เพราะการได้เกี่ยวดองกับอินทรเนตรถือเป็นประตูบานใหญ่สู่การก้าวกระโดดในวงการธุรกิจ
เปลวชักไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด เดิมทีนาวินควรเป็นคนตามรังควานนิตา และกว่าเรื่องนี้จะถึงหูลุงนิธิก็ปาไปเกือบท้ายเรื่อง เขาเป็นตัวตั้งตัวตีทำให้เกิดงานแต่งระหว่างทั้งคู่
อะไรทำให้ทัศนคติของนาวินเปลี่ยนไปขนาดนี้ กลายเป็นว่านิตาเป็นฝ่ายพยายามจับเขาซะเอง ยิ่งมีลุงนิธิเข้ามาวุ่นวายแบบนี้ ไม่รู้ว่าเรื่องจะจบลงอีท่าไหน
ว่ายังไงดี ลุงนิธิมีวิธีคิดค่อนข้างน่ากลัว ในต้นฉบับ เขาขายเปลวให้มาเฟียเพราะเธอพยายามขัดขวางงานแต่ง หลังจากนั้นถูกกระทำอะไรบ้างไม่ได้กล่าวไว้ บอกแค่ว่าเธอทนทุกข์ทรมาร และเสียชีวิตลงในท้ายสุด
หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความคิด ตราบใดที่นาวินไม่มายุ่มย่ามกับเธอ เรื่องพวกนี้คงไม่เกิดขึ้น ใช่ไหม? ...ใช่แหละ
พริบตาเดียวก็มาถึงสุดสัปดาห์ วันนี้เปลวตั้งใจแปลงโฉมเป็นสาวงามแดนกิมจิ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคลิป แต่งตัวอ่อยยังไงให้เนียน ดูสวย ดูแพง ไม่โป๊ะ เป็นวิดีโอแนะนำการแต่งหน้าฉบับสาวเกาหลี
ต้องขอบคุณนาวินกับรสนิยมการเลือกเสื้อผ้าของเขา เพราะมันเปลี่ยนลุคตัวร้ายเกรดบีแบบพลิกฝ่าเท้า เปลวเป็นคนสวยมากอยู่แล้ว เสียดายเอาแต่ปกปิดความงามนั้นด้วยการโบกรองพื้นหนาสามชั้น แน่นหนาติดทนยิ่งกว่าพื้นคอนกรีต ทว่ากลับเลือกเปิดเผยเรือนร่างเป็นจุดขายแทน หากเธอเห็นคุณค่าตัวเองสักนิด ชีวิตคงไม่ล้มเหลวขนาดนี้
เปลวมองกระจกอย่างชื่นชม พอใส่เสื้อลูกไม้สีชมพูอ่อน เข้าชุดกับกระโปรงระบายสองชั้นแล้ว เธอนึกว่ากำลังมองตุ๊กตาที่มีชีวิต ทรงผมดัดลอนอ่อน ๆ ยีให้ดูยุ่งเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติ ราวกับโดนลมพัดแบบไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่ความจริงคือใช้เวลาจัดทรงร่วมชั่วโมง
ผู้ชายทุกคนชอบคนสวย จัดเต็มขนาดนี้ เธอต้องได้ออกเดตกับว่าที่สามีแล้ว
แผนการนั้นเรียบง่าย เธอจะแกล้งทำทีเป็นออกจากบ้าน รอจนกระทั่งทั้งสามมาเจอกัน เดาว่านิตาต้องพุ่งเป้าในการเอาใจนาวินเป็นหลัก พอภาคีเห็นภาพบาดตาจึงเกิดความบอบช้ำทางใจ จนต้องขอตัวกลับก่อน ตอนนั้นแหละ เธอจะบังเอิญกลับบ้านพอดี และกลายเป็นผู้เยียวยาจิตใจของเขา
หมั่นหยอดทีละนิด พอนวดจนได้ที่ ค่อยขอแต่งงาน
นาฬิกาบอกเวลาสิบเอ็ดโมง มื้ออาหารจะเริ่มตอนเที่ยง เธอควรรีบออกจากบ้านได้แล้ว
ระหว่างกำลังก้าวขาลงบันได เธอได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามา จึงรีบชักเท้ากลับ แล้ววิ่งไปแอบตรงมุมอับสายตา
ใครมาน่ะ
เธอได้รับคำตอบทันทีเมื่อนิตาถลันไปเปิดประตูหน้าบ้าน
ชายร่างสูงมาในเสื้อเชิ้ตปล่อยชายสีน้ำเงิน เขาถอดแว่นกันแดดออก ท่วงท่าดูเท่เก๋ไก๋แบบไม่ต้องพยายาม
“อ๊ะ คุณวินมาถึงเร็วจังค่ะ”
“วันนี้ผมมีธุระแถวนี้พอดี เลยแวะมาไวหน่อย” ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน เขากวาดตาสอดส่องทั่วบริเวณ
“มองหาใครอยู่เหรอคะ หรือว่า...” นิตาเอียงคออย่างน่ารัก “หาเปลวรึเปล่า”
“ใช่ครับ ผมมีธุระจะคุยด้วยนิดหน่อย”
คนถูกเอ่ยชื่อถึงกับน้ำตาซึม นี่ยังไม่เลิกตามจองเวรเธออีกเหรอ!
“เปลวอยู่ไหมครับ” เขาถาม
นิตาต้องแกล้งบอกว่าเธอไม่อยู่แน่นอน เพราะนางคงไม่อยากให้น้องสาวทำลายช่วงเวลาอันหาได้ยากเช่นนี้หรอก
“อยู่ค่ะ ยังไงนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนนะคะ เดี๋ยวไปตามมาให้”
คนแอบฟังถึงกับอยากปล่อยโฮออกมาดัง ๆ ยังไม่ทันได้เริ่ม แผนก็ทำท่าจะพังซะแล้ว