ตอนที่ 10
สองพี่น้องต่างมองกันและกันด้วยความตกตะลึง
การแต่งตัวของนิตาไม่มากไม่น้อย สวมเดรสสีฟ้าผ้าพลิ้วไหวงดงาม เครื่องประดับเข้าชุดกันอย่างลงตัว แต่งหน้าไม่จัดจ้านแต่เนียนกริบ เส้นผมเด้งเป็นลอนเงาวิ้งขนาดนี้กลัวว่าจะเพิ่งออกมาจากร้านทำผม ออร่าจับจนคนเดินผ่านไปมาเหลียวหลัง
จัดเต็มมากแม่ มิน่าถึงมาช้า ตอนออกงานยังไม่เป๊ะขนาดนี้
นิตาเห็นสภาพน้องสาวแล้วกำหมัด ก่อนหน้านี้คิดว่าเปลวจะแต่งตัวมาประชันกับเธอ เฉกเช่นผู้หญิงตามผับบาร์ที่พยายามอัปเกรดตัวให้ดูดี แต่นี่อะไร ขนาดอยู่บ้านเดียวกันเธอยังไม่เคยเห็นน้องสาวในสภาพนี้ พอไม่แต่งแต้มเครื่องสำอางกลับดูเด็กลงอีกหลายปี ผิวพรรณผ่องใสขนาดนี้ได้ยังไงกัน ขนาดเธอยังต้องใช้แป้งผัดเบา ๆ เพื่อลบร่องรอยไม่พึงประสงค์
เห็นพฤติกรรมน้องสาวแล้วเข้าใจทันที จะข่มว่าถึงไม่แต่งอะไรมากก็ดูดีกว่าเธองั้นสิ
คิดว่าแค่นี้จะทำให้ตัวเองอยู่เหนือกว่าเหรอ?
“อยู่นี่เอง” นิตาทักทาย ก่อนหันไปหาชายหนุ่มข้าง ๆ “เอ๊ะ มากับเพื่อนเหรอ”
เปลวเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าเหมือนบังเอิญผ่านมาเจอจึงเล่นไปตามน้ำ เอาล่ะ ในเมื่อตัวละครมาครบ ก็ได้เวลาสวมวิญญาณนางร้ายตามต้นฉบับสักที
ความจริงเธอไม่ชอบระรานใคร แต่กับแม่นางเอกนี่ขอเว้นไว้คนนึง ครั้งก่อนเล่นซะเธอโดนตบจนหน้าบวมเป่ง คราวนี้ขอเอาคืนบ้าง
เธอส่งยิ้มละมุน ควงแขนนาวินไว้แนบกายเพื่อบอกความนัย “นี่พี่วิน เพื่อนของเปลวเอง”
การแสดงออกบ่งบอกว่าเป็นมากกว่าเพื่อน นิตารักษาสีหน้าได้อย่างดีเยี่ยม เอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมรอยยิ้ม
“นิตาค่ะ เป็นพี่ของเปลว เหมือนเราเคยเจอกันมาก่อนเลยนะคะ”
นาวินเห็นคนข้างกายเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือก็รู้สึกได้ใจ ถึงจะพยศยังไง พอเห็นเขาเข้าใกล้หญิงอื่นก็หนีไม่พ้นชอบแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจรำคาญ แต่วันนี้กลับรู้สึกสะใจเล็ก ๆ ความอวดดีเมื่อครู่หายไปไหนหมด อยากเห็นเด็กนี่ดิ้นทุรนทุรายมากกว่านี้
คิดได้ดังนั้นจึงขยับตัวออกห่าง ยื่นมือให้หญิงสาวอีกคนเพื่อทักทาย
“เราเคยเจอกันในงานเลี้ยงไงครับ แย่จัง ดูเหมือนคุณจะลืมผมซะแล้ว แต่ผมจำคนสวย ๆ อย่างคุณได้ขึ้นใจเลย”
เปลวถลึงตา มองทั้งคู่หัวเราะให้กัน และก่อนที่นิตาจะจับมือตอบรับไมตรี เธอก็ดึงแขนพี่สาวลากไปทางอื่น
“ไหน ๆ ก็มาแล้ว เราไปเดินดูของตรงนู้นดีกว่า วันนี้พี่วินซื้อชุดให้เปลวเยอะเลย ไม่รู้จะขนกลับคนเดียวไหวรึเปล่า” เธอกล่าวโอ้อวดอย่างภูมิใจ
“อื้ม แล้วแต่เลย... อย่าดึงแรงสิพี่เจ็บ”
เปลวคิดว่าตัวเองไม่ได้ดึงแรงขนาดนั้น ตวัดมองผู้เป็นพี่อย่างหัวเสีย อีกฝ่ายหลบตาด้วยท่าทางขลาดกลัว
ทั้งหมดอยู่ในสายตาของนาวิน เคยได้ยินมาว่าตระกูลโชติวัตรมีสงครามภายใน แต่เขาไม่ได้สนใจและเปลวก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง พอได้มาเห็นด้วยตัวเองถึงรู้สึกว่าน่าสนุกกว่าที่คิด คนพี่คงร้ายกว่าที่ตาเห็น เขามั่นใจว่าวันนั้นผู้หญิงที่ชื่อนิตาแกล้งหกล้มจริง ๆ ทว่าเปลวเองก็เป็นคนร้ายกาจไม่แพ้กัน
ระหว่างการแสดงออกตรง ๆ กับลอบกัดลับหลัง เขาชอบอย่างแรกมากกว่า
แต่วันนี้ขอถือหางนิตา ด้วยความหมั่นไส้คนน้องเป็นการส่วนตัว
“อุ้ย หอมจัง” เปลวเดินมาหยุดตรงเคาน์เตอร์น้ำหอม หยิบขวดเทสเตอร์ขึ้นมา “พี่ลองดมสิ หอมไหม”
ว่าแล้วก็ฉีดน้ำหอมใส่นิตาทันที อีกฝ่ายหลบไม่ทันโดนละอองเข้าไปเต็มหน้า ไอค่อกไอแค่ก พยายามใช้มือปัดป้อง
พนักงานอุทานเสียงหลง แต่เปลวยังไม่หยุดแค่นั้น หยิบอีกขวดขึ้นมาดม
“นี่ก็หอมนะ ลองดมสิ!” คราวนี้เธอฉีดใส่รัว ๆ จนละอองกระจายฟุ้ง กลิ่นตลบอบอวน นาวินเห็นว่าเริ่มเกินกว่าเหตุเลยเข้าไปห้ามทัพ คว้าข้อมือเล็กไว้แน่น พลางยื่นผ้าเช็ดหน้าให้คนถูกรังแก
“ไม่เป็นไรนะครับ เข้าตารึเปล่า”
นิตามัวแต่ซับน้ำหอมออกจึงไม่ได้ตอบคำถาม ชายหนุ่มมองเปลวด้วยสีหน้าดุดัน
“คิดจะทำอะไร”
เจ้าตัวดีกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ก็ให้ลองดมไงคะ นิตายังไม่ว่าอะไรเลย แล้วพี่วินเป็นใครถึงต้องมาทำเสียงดุใส่”
ว่าจะใจเย็น แต่พอได้ยินวาจาอวดดีต่อมโทสะก็เริ่มปะทุ สายตาจากคนรอบข้างยิ่งทำให้หงุดหงิดเข้าไปใหญ่ จนนิตาต้องเป็นฝ่ายเข้ามาประนีประนอม
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องคงไม่ได้ตั้งใจ”
“เห็นไหมคะ” เปลวยิ้มเยาะ เชิดไปทางพนักงานที่กำลังทำหน้าเหวอ ก่อนวางขวดน้ำหอมไว้ที่เดิม “ขวดนี้ดมแรก ๆ เหมือนจะหอมนะคะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอเอามาใช้จริง ๆ กลับเหม็นเหมือนขยะ” เธอเหลือบมองพี่สาว “สงสัยเคมีไม่เข้ากับพี่ เราไปดูอย่างอื่นกันดีกว่า”
นิตาคล้ายถูกตบกลางสี่แยกไฟแดง ไม่ทันได้เอ่ยอะไรก็ถูกลากตัวไปอีกทาง นาวินสบถในใจกับความหยาบคายนั้น แก้สถานการณ์โดยเหมาน้ำหอมกับพนักงานมาหลายขวด
แต่เรื่องยังไม่จบ เปลวลากนิตาไปจนถึงเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง ตาลุกวาวเมื่อเห็นตัวอย่างทดลองตั้งเรียงอยู่หลายชั้น
“หูย ดูน่าใช้ทั้งนั้นเลย พี่มานั่งตรงนี้สิ”
“จะ จะทำอะไรเหรอ”
เปลวแย้มรอยยิ้มหวาน “เครื่องสำอางของพี่ลอกไปเยอะเลย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เปลวอยากลองหน่อยว่าสีไหนสวยสุด หลับตานะ”
คนเป็นพี่หลับตาปี๋เมื่อเปลวบรรจงใช้ดินสอสีดำเขียนคิ้วให้ใหม่ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ จึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแล้วลองระบายลงไปอีกข้าง ตามมาด้วยการปัดบรัชออนถี่ ๆ ตรงแก้ม สุดท้ายใช้ลิปสติกแดงแปร๊ดวาดบนริมฝีปาก คนที่แอบเฝ้าสังเกตการณ์ตั้งแต่เมื่อกี้มองหน้ากันเลิ่กลั่ก อยากเรียกใครสักคนมาหยุดการกระทำอันป่าเถื่อนเช่นนี้เหลือเกิน
นาวินเดินหิ้วถุงตามมา เมื่อเห็นเหตุการณ์ถึงกับต้องวิ่งไปกระชากตัวเจ้าปัญหาที่กำลังก่อเรื่องงามหน้า
“เกินไปแล้วนะ เป็นบ้าอะไรของเธอ!” นาวินตวาดลั่น เรียกสายตาได้อีกนับสิบ ส่วนคนต้นเรื่องทำเพียงยักไหล่ ยกแก้วน้ำขึ้นมาดูดหน้าตาเฉย
นิตาลืมตามองตัวเองในกระจก พลันน้ำใสร่วงเผลาะออกมา ใช้นิ้วแตะแก้มอย่างไม่อยากเชื่อ บัดนี้คิ้วสองข้างหนาไม่เท่ากันแถมเป็นคนละสี ไม่ต้องพูดถึงตรงแก้มที่ถูกระบายเป็นปื้นถึงสามเฉด ลิปแดงเลอะออกมานอกริมฝีปากเป็นวง จากสาวงามกลายเป็นตัวตลกไปเสียแล้ว
ผู้รับชมซุบซิบกันสนุกนาน มองเหตุการณ์ด้วยความรู้สึกแตกต่าง บ้างตกใจ บ้างตื่นเต้น บางคนกลั้นหัวเราะ
นี่เป็นการกลั่นแกล้งรุนแรงที่สุดเท่าที่นิตาเคยเจอมา
เธอยกมือขึ้นปิดหน้า วิ่งหนีความอับอายโดยไม่รู้ทิศทาง หวังออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด แต่เปลวไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น ยื่นขาออกไปขวางไว้
นิตาสะดุด ชนโดนแก้วน้ำในมือคนก่อเรื่อง ภาพที่ตามมาไม่น่าดูสักนิด
เริ่มด้วยคนหนึ่งล้มเข่ากระแทกพื้น ถูกน้ำกระเซ็นใส่เล็กน้อย ส่วนน้ำที่เหลือเกือบเต็มแก้วเปลวรับไปเต็ม ๆ เปียกปอนจนเห็นรอยเสื้อใน
เธอก้มมองตัวเองพลันหน้าขึ้นสี หวีดร้องเสียงสูงร้อยแปดสิบเดซิเบล
“เดินยังไงไม่ดูทางเลย!” ว่าแล้วก็กระแทกเท้าหนีไปทันที
นาวินคว้าตัวไว้ไม่ทัน ครั้งแรกว่าจะตามไป แต่หญิงสาวบนพื้นเริ่มปล่อยโฮออกมา เขาจึงเข้าไปประคองช่วย ปากพร่ำคำปลอบใจ และพาออกมาจากตรงนั้น
นิตาลอบมองตามแผ่นหลังของน้องสาว น้ำใสกับเครื่องสำอางผสมกันเละไม่เป็นท่า หัวเขาเจ็บแปลบ แต่เธอไม่ใส่ใจกับมันนัก พลันเกิดความสมเพชขึ้นมาลึก ๆ นึกว่าน้องสาวจะฉลาดขึ้นมาบ้างแล้วแต่ก็เปล่า โง่ยังไงก็โง่อย่างนั้น เธอลอบมองสีหน้าโกรธเคืองของนาวินแล้วอมยิ้ม สุดท้ายใครจะได้หัวเราะทีหลัง เดี๋ยวได้รู้กัน
นาวินแอบสงสารคนเป็นพี่ อีกใจกลับเผลอไผลนึกถึงตัวต้นเหตุ ทำเกินไปจริง ๆ แต่ถ้าเทียบกับที่โดนตบกลางงานเลี้ยงคราวนั้นก็ถือว่าเข้าใจได้ ปกติเป็นคนร้ายกาจอยู่แล้ว เจอแบบนั้นเข้าไปคงแค้นน่าดู
ครั้งหน้าต้องกำราบเสียให้เข็ด ชอบนักปราบพยศคนอวดดีบนเตียง ให้รู้ว่าอย่ามาทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าเขาอีก
วันนี้เสียไปเป็นแสน ไม่ได้อยากจับแขนแต่อยากจับนม เจ้าตัวดีดันเดินหายไปไหนแล้วไม่รู้!
เปลวเดินมาจนถึงประตูทางออก ผ่อนลมหายใจช้า ๆ เพื่อสงบอารมณ์ พอเข้าใจแล้วว่าทำไมเปลวในนิยายถึงชอบกลั่นแกล้งนางเอกนัก คงอยากเปิดโปงว่าภายใต้ดวงตาใสซื่อนั้น แท้จริงแล้วเน่าหนอนขนาดไหน คนอะไรแสดงบทผู้ถูกกระทำได้ดีจนดาราฮอลลีวูดยังต้องก้มกราบ
ผู้คนพากันมองหญิงสาวด้วยความสนใจ หลายคนมองหน้าเธอแค่แป๊บเดียวก่อนเลื่อนสายตาต่ำลงและจ้องเขม็ง เสื้อเปียกชุ่มแถมเหนียวเหนอะจากน้ำชาเขียว แต่นั่นไม่ได้ทำให้รู้สึกลำบากใจเลยสักนิด เพราะหากนิตาไม่ชนเธอ เธอก็จะแกล้งทำน้ำหกใส่ตัวเองอยู่แล้ว เป็นข้ออ้างในการหนีออกมาจากตรงนั้นเนียน ๆ
ส่วนนาวิน... ตอนแรกคงสนใจที่เธอเปลี่ยนไป จึงคอยเอาอกเอาใจเพื่อทดสอบ แต่เรื่องวันนี้คงทำเขาขยาดเธอไปอีกนาน หลังจากนี้ต้องหวังเพิ่งมารยาพี่สาวแล้ว ชงให้ขนาดนี้หวังว่าจะจับคุณพระเอกได้อยู่หมัดนะ