บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ไม่ต้องพยายาม

วันนี้ก็เหมือนทุกวันที่หยวนเจียวเมิ่งจะต้องแวะเข้าไปดูแลบรรดาสัตว์ต่าง ๆ และจัดการรดน้ำต้นไม้ และพืชผักสวนครัวที่ปลูกไว้ในช่วงเช้า หลังจากนั้นก็เตรียมตัวไปทำงานหลังอาหารเช้า

ชีวิตการทำงานที่บริษัทของหญิงสาวดูจะผ่อนคลายขึ้นเรื่อย ๆ ยกเว้นเรื่องเดียวก็คือ ความฝันนั่นก็ถี่ขึ้นด้วยเหมือนกัน อย่างเมื่อคืนแม้ว่าเธอจะสะดุ้งตื่นเพราะเรื่องนั้นในตอนแรกหลังจากที่หลับตาลงเพียงครู่เดียว ความฝันแบบเดิมก็ตามมาหลอกหลอนยาวนานกว่าทุกครั้ง มันทำให้วันนี้หยวนเจียวเมิ่งไม่ค่อยมีสมาธิในการทำสิ่งต่าง ๆ สักเท่าไร

“คุณเจียวเมิ่งคะ วันนี้อาฉู่คนขับรถของคุณไม่สบายกะทันหัน รอสักยี่สิบนาทีนะคะ ฉันจะให้คนไปตามคนขับรถจากที่โรงงานมาให้ค่ะ” แม่บ้านเดินเข้ามารายงานด้วยใบหน้าเป็นกังวล

“ไม่เป็นอะไรหรอก แค่อย่าบอกคุณพ่อก็แล้วกันว่าฉันขับรถไปเอง” หยวนเจียวเมิ่งส่ายหน้า แน่นอนว่าหญิงสาวคิดว่ามันก็แค่วันเดียว เธอสามารถขับรถไปทำงานเองได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่...เธอไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าวันนี้จะเกิดเรื่องบางอย่างไม่คาดคิดขึ้น

“แต่ว่าคุณเจียวเมิ่งคะ” แม่บ้านไม่ได้คลายความกังวลเลยเมื่อรู้ว่าเจ้านายสาวกำลังจะขับรถไปทำงานด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้คุณท่านไม่พอใจมากที่คุณหนูขับรถด้วยตัวเอง เพราะรู้ว่าลูกสาวเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน เขาจึงไม่ยอมให้ลูกขับรถเลย ด้วยหวังว่าเธอจะหลับตาพักผ่อนมากขึ้นในช่วงเวลาเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ

หยวนเจียวเมิ่งเดินออกมาหยิบกุญแจรถออกไป ไม่ได้สนใจความกังวลของแม่บ้านเลย เธออายุยี่สิบเจ็ดแล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ แค่ขับรถไปทำงานไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่...ทั้ง ๆ ที่มันควรจะเป็นช่วงเช้าที่แสนธรรมดา ทว่าแค่เลี้ยวรถออกมาจากบ้านเพียงแค่แยกไฟแดงแรกก็มีรถบรรทุกขนาดใหญ่เบรกแตกพุ่งเข้ามาชนทันที!

โครม!!

…..

ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจะต้องตายแน่ ๆ แล้ว เธอกรีดร้องเสียงดังขณะที่รถคันนั้นพุ่งเข้ามา แต่หยวนเจียวเมิ่งกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นโดยหวังจะเห็นว่ารถตรงหน้าเบรกจนหยุดได้แล้ว และรถนั่นก็น่าจะห่างจากเธอแค่ไม่ถึงเมตรอะไรแบบนั้น แต่เปล่าเลย...มันไม่มีภาพของรถ หรือถนนใด ๆ แม้แต่เสื้อผ้าที่เธอใส่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ชุดก่อนหน้า เพราะตอนนี้เธอนอนอยู่บนเตียงเก่า ๆ คล้ายกับความฝันไม่มีผิด

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกแล้วเนี่ย” คิดว่าเมื่อครู่รถที่เธอขับออกมาจะต้องชนกับรถบรรทุกคันนั้นจริง ๆ คิดว่าตัวเองจะต้องตายแน่ ๆ แต่ภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้คือเพดานห้องที่ไม่คุ้นเคย

“หนิงเซียนลูกฟื้นแล้ว ฟื้นสักที ดีจริง ๆ อามิตตาพุทธ ๆ ๆ ” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้นข้างๆ ด้วยความเป็นกังวล สองมือพนมยกไหว้ขึ้น ๆ ลง ๆ

หญิงสาวนอนนิ่งอยู่บนเตียงเพราะไม่รู้จะพูดหรือตอบอะไร ชื่อที่ถูกเรียกแน่นอนว่าไม่ใช่ชื่อของเธอ สภาพแวดล้อมที่นี่แม้จะดูคุ้นตาแต่ไม่ใช่ว่าจะคุ้นเคย ที่คุ้นตาเพราะเธอฝันถึงสถานที่แห่งนี้นับครั้งไม่ถ้วน ไม่คุ้นเคยเพราะไม่ใช่ยุคสมัยปัจจุบันในยุคที่เธอเติบโตขึ้นมา

“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก หนิงเซียนทำไมไม่พูดกับแม่ล่ะ”

หยวนเจียวเมิ่งกำลังมึนงง หากเมื่อครู่เกิดอุบัติเหตุจริงและเธอถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลจริง คนที่อยู่ตรงหน้าตอนที่ฟื้นขึ้นมาในตอนนี้ก็ควรจะเป็นคุณพ่อของเธอสิ ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ นี่คือความฝันที่เธอมักฝันถึงบ่อย ๆ ใช่ไหม แล้วทำไมถึงได้เหมือนจริงขนาดนี้นะ

“ลูกอาการเป็นอย่างไงบ้างคุณ ผมจ้างเกวียนวัวไปตามหมอมาแล้ว” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมกับบอกผู้หญิงที่กอดหยวนเจียวเมิ่งอยู่เมื่อครู่

ความคิดของหยวนเจียวเมิ่งกำลังสับสน สักครู่กลับนึกถึงเรื่องย้อนเวลาหรือทะลุมิติขึ้นมาได้ อยู่ดี ๆ เธอก็ตกใจจนลุกขึ้นและเอ่ยขอกระจกทันที “กระจก ขอดูกระจกหน่อยค่ะ”

หญิงและชายวัยกลางคนทั้งคู่ต่างเร่งหากระจกมาบุตรสาวอย่างเร่งรีบ เพราะคิดว่าเธอกำลังกลัวว่าตัวเองจะเสียโฉมจากอุบัติเหตุตกภูเขาครั้งนี้หรือเปล่า

ภาพหญิงสาวที่เห็นในกระจกทำให้หยวนเจียวเมิ่งแทบจะเป็นลม แม้ว่าสิ่งที่ปรากฏในกระจกคือใบหน้าที่คล้ายเธอมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็เป็นใบหน้าของเธอเมื่อตอนที่อายุน้อยกว่าปัจจุบันอายุยี่สิบเจ็ดปีมาก แล้วยังสถานการณ์ตอนนี้และสองคนตรงหน้าอีก

ไม่นานนักคนที่ถูกเรียกว่า ‘หมอ’ ก็เดินเข้ามาภายในห้อง แต่การแต่งตัวของเขาและทุกคนหยวนเจียวเมิ่งมั่นใจว่าไม่เคยเห็นมาก่อน ยกเว้นในความฝัน แม้แต่เครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ที่เขานำมาด้วยก็ดูโบราณไปเสียหมด ขนาดเข็มฉีดยาไม่ใช่พลาสติกแต่เหมือนจะเป็นแก้วเลย ยิ่งมองในกระเป๋าของหมอก็ยิ่งต้องขมวดคิ้วแน่น

ในหัวของหยวนเจียวเมิ่งคิดเพียงแค่ว่าเธอคงจะย้อนเวลามาแล้วแน่ ๆ ตัวเธอในตอนนี้ที่คล้ายตัวเอง แต่ก็ไม่น่าจะใช่ตัวเอง กลับไปเหมือนกับคนในฝันซะมากกว่า แล้วหากเป็นคนในความฝันจริง ๆ ทำไมเธอถึงอยู่ในร่างนี้ เธอเป็นใครกันแน่ แล้วที่นี่อยู่ในยุคไหนกันล่ะ

วันแรกที่เธอตื่นขึ้นมาหญิงสาวไม่ปริปากคุยกับใครเลยแม้แต่นิดเดียว เธอได้ยินหมอบอกกับคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของเจ้าของร่างว่า เด็กสาวอาจจะกำลังตกใจ และคงต้องใช้เวลาสักหน่อยก็จะดีขึ้นเอง

แต่พอผ่านไปหนึ่งวันเธอก็แกล้งบอกกับคนเป็นแม่ว่าเธอยังสับสนและอยากให้แม่เล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังหน่อย แต่แม่ของเธอก็กลับโวยวายร้องไห้จนเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ไม่รู้เรื่อง เดือดร้อนถึงพ่อของเธอต้องมาปลอบทั้งแม่และลูกสาว จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องให้เด็กสาวฟัง

“แม่ของลูกเขายังคงกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าแต่หนิงเซียน ลูกบอกว่ายังสับสนหรือว่าลูกจำอะไรไม่ได้เลยกันแน่”

“หนู...ปวดหัวมาก จำอะไรไม่ได้เลยค่ะ” หยวนเจียวเมิ่งที่อยู่ในร่างหยวนหนิงเซียนก้มหน้าลงมองที่ตักของตัวเอง

ราวกับว่าคนที่ถูกเรียกว่าพ่อของเธอในตอนนี้ดูออกทุกอย่าง เขารู้สึกแปลก ๆ ว่าตั้งแต่ลูกสาวตื่นขึ้นมาจากอุบัติเหตุตกเขาเมื่อวานคำพูดคำจาหรือแม้แต่แววตาก็เปลี่ยนไปมาก ถ้าไม่ใช่ว่ารูปร่างหน้าตายังเหมือนเดิมทุกอย่าง ก็คิดว่านี่เป็นคนละคนกัน เขาถึงได้ถามออกไปอย่างนั้น

“ไม่ต้องพยายามมากนักนะลูก ตอนนี้แค่พักให้ร่างกายดีขึ้นก่อน เรื่องอื่นค่อยคิดค่อยหาทางเอา จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ” คำพูดเขาทำให้หยวนเจียวเมิ่งในร่างของหยวนหนิงเซียนรู้สึกจุกอกเจ็บในหัวใจ ไม่ต้องพยายามอย่างนั้นเหรอ...

น้ำตาที่กำลังไหลซึมของลูกสาวทำให้หยวนเหว่ยแทบจะวิ่งไปเรียกหมอมาตรวจดูอาการของลูกสาวอีกครั้งเลย

“เจ็บตรงไหนเหรอหนิงเซียนลูก ให้พ่อไปตามหมอมาตรวจดูอีกทีดีไหม” และแน่นอนว่าหยวนเจียวเมิ่งในร่างของเด็กสาวทำได้เพียงแค่ส่ายหน้า และปาดน้ำตาที่ซึมออกมาจากดวงตาคู่สวย

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกว่าไม่ได้ถูกกดดันจากครอบครัวและยังได้รับความรักขนาดนี้ หากเป็นหยวนจวิน เธอคงต้องได้ยินเขาพูดว่า “พยายามคิดหน่อยสิ ไม่คิดจะจำได้อย่างไร” โดยที่ไร้คำถามว่าเธอเจ็บไหมหรือเป็นอย่างไรบ้าง เพราะสำหรับเขา ทุกอย่างต้องพยายามและต้องทำให้ได้!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel