13.เข้าใจผิดแล้ว
ฟาเบียนยกแก้วสุราขึ้นมาดื่ม ที่ข้างกายของเขานั้นมีเสียงพูดคุยของโรซาลีนดังขึ้นมาไม่หยุดหย่อน นางเฝ้าถามเขาว่าคนนั้นคือใคร และคนนี้คือใคร..
มีขุนนางมากมายเดินเข้ามาเพื่อทักทายเขา พร้อมกับเอ่ยปากชมถึงการจัดงานเลี้ยงที่ดีเยี่ยมในวันนี้
เขาได้แต่ส่งยิ้มให้เธอพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อให้การสนทนาของเขาและผู้อื่นสั้นลงที่สุด
ในวันนี้เขายืนอยู่ในคฤหาสน์ที่แสนยิ่งใหญ่ของตนเอง มีนักร้องโอเปร่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมืองหลวงอยู่ข้างกาย และมีขุนนางมากมายที่ต้องก้มหัวให้เขา..แต่ทว่าไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ความรู้สึกที่สุดแสนจะแปลกประหลาดนี้มันคืออะไรกันแน่
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองมองไปที่ประตูนานแค่ไหนแล้ว ไม่รู้เลยว่าเขามองไปทำไม ไม่รู้ว่าไอ้อาการกระวนกระวายใจพวกนี้มันคืออะไรด้วย
“ท่านเคาน์คะ..ดูเหมือนว่าท่านจะดื่มมากไปแล้วนะคะ ยังไงเราขึ้นไปบนห้อง..”
“วันนี้ข้าอยากอยู่คนเดียวเพราะอย่างนั้นเจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
โรซาลีนที่กำลังยิ้มแย้มถึงกับหุบยิ้มในทันที
“ท่านเคาน์..”
“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงิน ข้าจะส่งให้คอลตันจัดการเรื่องนั้นให้เจ้าเอง..กลับไปซะแล้วถ้าหากว่าข้าไม่ได้เรียกก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก”
ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตไม่เคยมีใครทำกับเธอเช่นนี้มาก่อนเลย โรซาลีนเติบโตในครอบครัวขุนนางที่ล่มสบาย แต่ทว่าชีวิตของเธอไม่ได้ลำบากสักเท่าไหร่ เพราะเธอมีใบหน้าที่งดงามและเสียงร้องที่ผู้คนต่างหลงใหล
เธอตอบรับข้อเสนอของท่านเคาน์ไม่ใช่เพราะว่าเขารวย มีขุนนางมากมายที่ร่ำรวยมากกว่าท่านเคาน์ยื่นข้อเสนอมาให้เธอหลายคนทีเดียวแต่ทว่าโรซาลีนไม่สนใจ ที่เธอสนใจไม่ใช่แค่เรื่องของความร่ำรวยเท่านั้น แต่มันรวมไปถึงอำนาจและใบหน้าของคนผู้นั้น
เธออุตส่าห์เลือกอย่างดี เลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ตนเองได้บุรุษที่ต้องการ แล้วทำไมกันนะ ทำไมเขาถึงได้..ไล่เธอกลับไป
“ข้าเป็นนักร้องโอเปร่าก็จริงแต่ทว่าข้าก็มีเกียรติของข้าเช่นกัน หากท่านเคาน์ไม่ต้องการข้า เช่นนั้นข้าก็ขอฉีกสัญญาที่เรากระทำกันเอาไว้ทิ้งไป ข้าไม่ต้องการเป็นนางบำเรอของท่านแล้วค่ะ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้าเลยสักนิด..ที่ข้าต้องการมันคือความสนใจจากท่านต่างหากล่ะ!”
โรซาลีนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตัดพ้อก่อนที่เธอจะเดินจากไปในทันที..
แน่นอนว่าสำหรับฟาเบียนแล้ว เขาไม่คิดถือสาอะไรกับอารมณ์โกรธของสตรีหรอก เขาวางแก้วสุราเอาไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหยิบซิการ์ขึ้นมา
ที่มุมปากของฟาเบียนจุดยิ้มขึ้นมาในทันที..เขาออกไปสูบซิการ์ที่ด้านนอกหน่อยดีกว่า..เขาไม่ได้ไปตามหาจีเซลสักหน่อย ก็แต่ออกไปสูบซิการ์เท่านั้นเอง..
.
.
“ทะ..ท่านดยุคคะ คือว่าเราคุยกันตรงนี้ก็ได้ค่ะ อีกทั้งข้ายังมีงานที่ต้องทำ..”
เธอไม่อยากให้เขาจูงเธอไปไกลมากกว่านี้ เพราะคนอื่นอาจจะมองเธอและ เดเมี่ยนไม่ดีเท่าไหร่นัก
“จีเซล ให้ตายสิตั้งแต่พบเจอเจ้ามันก็มีเรื่องราวที่เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจไม่หยุดหย่อนเลย”
เธอไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นักว่าเรื่องที่เขากล่าวออกมานั้นมันหมายความว่าอย่างไรกันแน่
“อา..ข้าไม่ค่อยเข้าใจที่ท่านดยุคกล่าวออกมาเท่าไหร่นัก..”
เขาจับแขนของเธอเอาไว้ก่อนจะแบมือเธอออกมา
“ขั้นแรก..เจ้าดูไม่เหมือนกับสาวใช้ทั่วๆ ไป ข้าหมายถึงเจ้าไม่มีร่องรอยของการทำงานหนัก ฝ่ามือของเจ้าไม่หยาบกร้าน..อีกทั้งผิวพรรณของเจ้านั้นมันช่างขาวเนียนราวกับสตรีที่ไม่เคยถูกแสงแดดมาก่อน เจ้าดูราวกับเลดี้ยังไงอย่างนั้น ข้าขอถามถึงชื่อตระกูลของเจ้าได้หรือไม่”
ระ..เรื่องนั้นเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นใคร เธอรู้แค่ว่าเจ้าของร่างนี้มีชื่อว่าจีเซลเท่านั้นเอง
“เรื่องนั้นข้าไม่ทราบเช่นกันค่ะ ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ข้าป่วยหนักมาก ไข้สูงมาเสียจนความจำของข้ามันไม่เข้าที่เข้าทางสักเท่าไหร่นัก..”
ฟาเบียนเก็บซิการ์ใส่กระเป๋าเอาไว้ เขายืนอยู่ด้านหลังต้นไม้และกำลังตั้งใจฟังเรื่องที่จีเซลและดยุคผู้นั้นพูดคุยกัน
“...ข้าไม่ได้มีความหมายแปลกๆ นะ ข้าก็แค่คิดว่าเจ้างดงามเกินกว่าที่จะเป็นแค่สาวใช้”
เมื่อได้ยินถ้อยคำที่ชวนให้หัวใจกระดอนออกมาจากหน้าอก จีเซลก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่นในทันที
“ข้ามิได้งดงามมากขนาดนั้นหรอกค่ะ อาจจะเพราะท่านดยุคพึ่งย้ายกลับเข้ามาอยู่ในจักรวรรดิแห่งนี้ ท่านยังไม่ได้พบเจอเลดี้ที่งดงามอย่างแท้จริง ท่านถึงได้..มองว่าข้างดงาม”
เรื่องนั้นไม่จริงสักนิด ดูจากวันนี้ก็รู้..เขาพบเจอสตรีมามากมายแต่กลับไม่มีใครที่ตราตรึงใจได้เท่ากับจีเซลเลย..
“ไม่ใช่แบบนั้น ข้ามองว่าเจ้างดงามมากจริงๆ ข้ารู้ว่านี่มันอาจจะเสียมารยาทมากเกินไป แต่ว่าข้ายินดีรับเจ้าไปทำงานที่คฤหาสน์ของข้านะ มีงานบัญชีที่เจ้าน่าจะทำได้ เจ้าไม่ต้องเป็นสาวใช้แต่เป็นพนักงานของข้า ไม่ทราบว่าเจ้าสะดวกหรือไม่”
มือที่กำลังกำซิการ์อยู่นั้นพลันกำแน่นมากกว่าเดิม ฟาเบียนไม่ชอบใจเอาซะเลยที่ดยุคผู้นั้นพยายามจะแย่งชิงจีเซลไปจากเขาน่ะ
“อา..เรื่องนั้นข้าทำไม่ได้หรอกค่ะ ท่านเคาน์มีบุญคุณกับข้ามากๆ เลย ข้าไม่อาจทอดทิ้งผู้มีพระคุณของข้าได้หรอกค่ะ”
อยากไป..ใจจะขาดแล้วโว้ย!! เมื่อครู่เธอเกือบตอบตกลงไปแล้วด้วยซ้ำ หากไม่ต้องอยู่ที่นี่ หากได้ไปที่คฤหาสน์ของท่าน ดยุคเธอคงจะมีความสุขมากกว่านี้แน่ๆ แต่มันเป็นไปไม่ได้ไง อย่าลืมว่าเธอยังไม่ได้ปลดล็อคทรัพยากรแผนที่เลย..เพราะอย่างงั้นเธอเดินทางออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้ไม่ได้หรอก
“อย่างนั้นเองสินะครับ นี่มันช่างน่าเสียดายมากจริงๆ ข้าอยากจะพูดคุยกับเจ้าให้มากอีกหน่อยแท้ๆ เลย..อีกทั้งอยากจะถามว่าเรื่องในวันนี้มันไม่ใช่ความบังเอิญใช่ไหมครับ”
สายตาของเดเมี่ยนเปลี่ยนไปในทันทีที่เขาเอ่ยถามคำถามนั้นออกมากับจีเซล บรรยากาศรอบๆ ข้างเยือกเย็นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ท่านดยุคหมายถึงเรื่องไหนกันคะ พอดีว่าข้าไม่เข้าใจคำกล่าวของท่านเท่าไหร่นัก”
เดเมี่ยนก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อที่เขาจะได้กระซิบข้างหูของจีเซล
“ที่เจ้าส่ายหน้าให้ข้าในงานเลี้ยง เพราะว่าเจ้าไม่ต้องการให้ข้าเปิดโปงท่านเคาน์ใช่ไหม? จีเซลหรือว่าเจ้าเองก็เป็นผู้วิเศษที่มี ดวงตามองเห็นความเป็นจริงได้..”
จีเซลหัวเราะออกมาเพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์
“ที่ข้าส่ายหน้าเพราะไม่ต้องการให้ท่านดยุคเดินเข้ามาหาข้าต่างหากล่ะคะ เพื่อนของข้านั้นคลั่งไคล้ท่านดยุคมากทีเดียว ข้าไม่อยากให้พวกนางเพ่งเล็งมาที่ข้า..ท่านเข้าใจผิดแล้วละค่ะ”
