บันทึกที่ 7 บ่วงตรึงวิญญาณ (2)
"เสียวเซิง"
"ครับ"
"มี่นี้มันเกินขอบเขตแล้ว เราอยู่ที่นี้นานไม่ได้"
"ทำไมครับเจ๊ฉง"
"ที่นี้มันแปลกมากเกินไป เรารีบไปกันเถอะเอาสองคนนั้นไปด้วย"
"ครับ โจวหยูมาช่วยหน่อย"
"ได้"
พวกเรารีบออกมาจากบ้านหลังนั้นทันทีก่อนจะพาร่างของทั้งสองขึ้นรถไปด้วย แต่สักพักก็มีรถขับตามมาทำเอาฉันแทบหัวเสีย เมื่อรู้ว่าคนที่ขับรถตามฉันมาเป็นเจ้าของบ้านคนเก่าที่เป็นฆาตกรโรคจิตนี่เองที่ตามมา แต่ทำไมถึงกล้าประกาศขายบ้านทั้งที่ไม่ทำลายหลักฐานใดๆทั้งสิ้นแต่การคาดเดาของฉันก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาล้วนๆไม่มีข้อมูลใดมายืนยันได้
"มีคนขับรถตามเรามาค่ะเจ๊ฉง"
"คงจะเป็นฆาตกรคนนั้นต้องการร่างของสองคนนี้คืนแน่นอนและต้องการฆ่าปิดปากเรา"
"เราจะเอายังไงดีคะ จัดการมันเลยไหม"
"จัดการซับมันไปซะ"
"เจ๊ฉง ตำรวจมาครับ"
"เรื่องมันบังเอิญเกินไป ทำไมตำรวจถึงมาอยู่ที่นี่ได้"
"เอาไงดีครับ"
"จอดรถ มอบตัวสิ"
"ห๊ะ!!/ห๊ะ!!"
"จอดรถเราจะไปนั่งดื่มชาที่สถานีตำรวจกัน"
"ครับ"
"เชิญทุกคนทั้ง 3 คนไปกับเราด้วย"
"ยินดีค่ะแต่ช่วยพาคนทั้งสองคนไปโรงพยาบาลด้วยได้ไหมคะ"
"โทรแจ้งรถพยาบาลมารับผู้ป่วย"
"ครับหัวหน้า"
ฉันมาถึงสถานีตำรวจก็พบกับเจ้าของบ้านโรคจิตนั้นที่ตอนนี้มีไอสีดำแผ่กระจายไปทั่วร่างของเขา พอมองดูก็รู้ว่าเป็นคนชั่วช้าสารเลวมากขนาดไหนเขานั่นเองที่เป็นคนแจ้งตำรวจให้มาจากพวกเราก็อย่างว่าแล้วนะก็บุกเข้าบ้านขนาดนั้น แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่บ้านของเขาแล้วนอกจากว่าสู้เราไม่ได้จึงใช้ตำรวจเป็นข้ออ้าง
"คุณบุกเข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าบ้านเขาได้คุณเข้าบ้านของเขาได้อย่างไร"
"บ้านหลังนี้เจ้าของเก่าขายให้กับเพื่อนของฉัน ซูเซียวเขาเป็นเพื่อนของฉัน การที่ฉันจะไปหาเพื่อนที่บ้านมันผิดกฎหมายนักหรือไงคะ"
"เพื่อนงั้นหรอ ซูเซียวไม่เห็นบอกเลยว่ามีเพื่อนคนอื่นนอกจากลู่จงไม่ใช่หรอฉันไม่เคยเห็นพวกเธอมาหาเขาเลยนับตั้งแต่ที่เขาซื้อบ้านมา"
"ฉันได้ยินจากเพื่อนของฉันว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ 3 ปีแล้ว ไม่คิดว่าเจ้าของเก่าอย่างคุณจะต้องสืบประวัติคนซื้อบ้านต่อยังรอบคอบถึงขนาดนี้"
"เธอพูดอะไรให้ระวังหน่อย"
"ยังจะปากแข็งอีก คุณซ่อนร่างของพวกเขาเอาไว้ต้องการอะไรกันแน่"
"เธออย่ามาใส่ร้ายฉันนะ"
"ยังไม่พูดความจริงมาอีกจงพูดความจริงสารภาพความจริงออกมาซะ"
ฉันถอดสร้อยคอออกมานานแล้ว ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายใช้วาจาสิทธิ์ ในการควบคุมเขาตัวของเจ้าของบ้านเก่าจ้องมองฉันก่อนที่จะพูดออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และสิ้นคำพูดของฉัน เจ้าของบ้านคนนั้นก็สารภาพว่าเป็นคนฆ่าภรรยาของตัวเองและเอาอวัยวะภายในไปขายเพื่อให้ได้เงินอยู่กับภรรยาน้อย ภรรยาน้อยคนนั้นรู้ความจริงว่าสามีของเธอมีภรรยาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วและค่าภรรยาของตัวเองเพื่อมาอยู่กับตัวของเธอพอรู้ความจริงภรรยาน้อยคนนั้นก็กลัวแล้วก็หอบเงินหนีไปตามหาไม่พบเพราะกลัวว่าตัวเองจะตกอยู่ในอันตราย เธอเองก็พลอยคิดถึงกลัวว่าคนที่ซื้อบ้านได้รู้จักห้องรับที่สามีของเธอทำร้ายภรรยาเก่าเอาไว้แล้วก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่ตัวของซูเซียวโดนทำร้าย แล้วนำตัวของเขาไปเก็บไว้ในห้องลับแล้วก็ฉีดยานอนหลับเพราะต้องการเตรียมอุปกรณ์ในการผ่าตัดเอาอวัยวะภายในเขาจึงกลับบ้านเพื่อที่จะไปเอาเอาอาวุธแต่พวกเราก็เดินทางมาถึงก่อนเขาจึงรีรอไม่กล้าเข้าไปแล้วก็ใส่ร้ายพวกเราอย่างที่เห็น
"แล้วเราจะทำยังไงต่อดีครับ ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้เขาไม่รอดแน่ๆ"
"เขาน่าจะพึ่งออกจากร่างได้ไม่นานตอนนี้ถ้าเขาไม่เข้าร่างเกิน 3 วันเขาจะต้องตายจริงๆ"
"วิญญาณที่เข้าร่างไม่ได้ก็เพราะยึดติดกับบางสิ่งบางอย่างเราต้องหาสิ่งที่เขาต้องการก่อนจะถึงพรุ่งนี้ตอนเที่ยงคืนเราต้องหาสิ่งที่ต้องการของเขา ไม่อย่างนั้นบ่วงนี้จะตรึงวิญญาณเขาเอาไว้แบบนี้"
"งั้นผมและโจวหยูจะจัดเตรียมวิธีให้นะครับ"
"ฉีหนาน..."
"ครับ? เจ๊ฉงพูดถึงพี่ฉีหนานทำไมครับ เขาไปทำงานต่างประเทศนานแล้วใครด็ติดต่อไม่ได้เลย"
"โทรหาเขาด่วนเขาจะต้องเป็นคนทำพิธีในครั้งนี้ เพราะนอกจากเขาแล้วก็ไม่มีคนอื่นที่เหมาะสม"
"ครับเจ๊ฉง"
ฉีหนานคือพูดทำพิธีกรรมที่เก่งมากคนนึงเป็นเพื่อนที่เคยรู้จักกันมาก่อนฉันมีดีแค่เห็นผีกับชัยวาจาสิทธิ์ไล่ผีก็แค่นั้นแต่เรื่องทำพิธีต้องยกให้คนนี้เลยเขาเก่งในการทำวิธีนำวิญญาณเข้าร่างไล่ผีทำในอนาคตแม่นกว่าฉันอีกอาศัยเขามันอุ่นใจมากกว่า
"ไม่น่าเชื่อเลยครับติดต่อพี่เขาได้ด้วยทั้งๆที่เมื่อก่อนผมโทรไปหาเขาตั้งหลายสายเขาไม่เห็นจะรับเลยอีก 2 ชั่วโมงเขาก็จะกลับมาถึงแล้วใจเย็นๆนะครับเจ๊ฉง"
"อืมดีมากเราไปโรงพยาบาลกันเถอะ"
"ครับ/ค่ะ"
"เจ๊ฉงดูเหมือนวิญญาณของภรรยาเจ้าของบ้านเก่าตามเราออกมาแล้วค่ะแล้วกำลังบีบคอเจ้าของบ้านคนเก่าด้วยเราจะช่วยไหมคะ"
"กรรมใดใครก่อกรรมนั้นก็ต้องแก้เองเราจะไม่ยุ่งถ้าวิญญาณของผู้หญิงคนนี้ไม่หยุดทำร้ายมนุษย์ ไป๋อู๋ชางเขาจะจัดการเองเราไม่ต้องยุ่งเกี่ยวเพราะคนชั่วแบบนั้นก็สมควรที่จะโดนทำร้ายแล้ว"
"ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็กลับเลยค่ะจะได้รีบไปโรงพยาบาลต่อ เจ๊ฉงระวัง"
ฉันชนร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่ตอนนี้กำลังตกใจแล้วก็แปลกใจที่ฉันเป็นคนชนเขาและคนที่ฉันเดินชนก็คงหนีมีพ้นคนคุ้นหน้าคุ้นตาของเรา คุณหนิงหยวนเฟยสุดหล่อที่มีออล่าสีทองสว่างไสวแบบนี้ ด้ายแดงที่นิ้วก้อยของเขาด้ายเส้นนั้นมันดึงรั้งนิ้นก้อยของฉันเอาไว้ด้วย นี้มันอะไรกันดันมาเจอเนื้อคู่ในสถานการณ์นี้อย่างนี้หรอ
"แหมไม่เจอกันนานเลยนะคะ คุณหนิงหยวนเฟย"
"ครับบังเอิญจริงๆ แต่ผมไม่ดีใจหรอกนะครับที่เจอคุณ"
"แต่ฉันดีใจนะคะ"
"ผมรีบขอตัวนะครับ"
"ไม่อยากคุยกับฉันก่อนหรอคะ"
"คงไม่ดีกว่าครับ คุณมาที่นี้คงมีสองอย่างแจ้งความกับถูกจับ ผมว่าคุรเหมาะกับอย่างหลังมากกว่า"
"อุ้ยต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ผิดหวังพอดีเพื่อนฉันถูกทำร้ายและฉันก็บังเอิญไปช่วยเพื่อนพอดี เสียดายทำให้คุณผิดหวังแล้ว"
"ผมรีบขอตัวก่อน"
"ไว้เจอกันนะคะสุดหล่อ"
หนิงหยวนเฟยหน้าแดงกร่ำ น่าจะโกรธเพราะโดนแซวทำเอาฉันอดหัวเราะความไร้เดียงสาของหนุ่มน้อยที่มีกลิ่นหนุ่มพรหมจรรย์ เฮ้อรำคาญด้ายแดงนี้จริงๆ
"ซวยของแท้"