บันทึกที่ 4 เพื่อนรัก 2
ฉันยืนมองออกนอกหน้าต่างมองตึกสูงที่ดูสวยในสายตาของฉันวันนี้ครบกำหนดสามวันแล้วที่ได้นัดกับคุณหม่าเอาไว้แล้วตอนนี้รอเพียงเวลาที่คุณหม่ามาที่นี้เท่านั้น และเพียงไม่นานคุณหม่าก็มาถึง
"ขอโทษที่ทำให้รอนะคะพอดีฉันติดธุระนิดหน่อยจึงมาช้า"
"ไม่เป็นไรค่ะในเมื่อมาถึงแล้วก็เดินทางกันเถอะค่ะ"
"เดี๋ยวก่อนค่ะหลานชายของฉันเขาก็จะมาด้วย"
"หลานชายของคุณหม่า..."
"น้าเล็กครับผมมาถึงแล้วครับ"
"นี้หลานชายของฉันค่ะ ชื่อหนิงหยวนเฟย ปีนี้ก็อายุ 27 ปีแล้วให้มาเป็นเพื่อนดิฉันน่ะค่ะ"
"ไม่มีปัญหาค่ะขอเพียงไม่เกะกะการทำงานก็ดีแล้วเชิญค่ะ"
"ขอบคุณมากค่ะ"
ฉันมองเห็นผู้ชายคนนี้มีออร่าที่เปล่งปลั่งมองดูแล้วนับว่าเป็นคนมีบุญมาเกิดแต่จะบอกเขาอย่างไรดีในเมื่อดูท่าทางแล้วเขาไม่เชื่อเรื่องเกี่ยวกับภูตผีปีศาจเลยมองแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่าเขาเป็นพวกหัววิทยาศาสตร์ของแท้แน่นอนไม่มีความคิดที่จะเชื่อเรื่องไสยศาสตร์เวทมนตร์อะไรทำนองนี้อยู่แล้วแต่ก็ช่างเถอะไม่งมงายก็ดีจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเราขับรถมาถึงภูเขาหลังโรงเรียนที่ตัวของวิญญาณบอกทิศทางมาเมื่อเรามาถึงก็เกือบค่ำแล้ว
"ตั้งเต็นท์กันที่นี่ก่อนเราจะปักหลักอยู่ที่นี่"
"ทำไมไม่ไปนอนที่โรงแรมทำไมถึงมานอนที่นี่แถวชายป่าแบบนี้มันอันตรายคุณไม่รู้เลยหรือไงหรือจะพาเรามาตายที่นี่"
"นี้ก็แค่ภูเขาหลังโรงเรียนไม่น่ากลัวหรอกพวกคุณไม่เห็นก็ไม่ต้องกลัวพวกฉันเห็นพวกฉันยังบอกไม่น่ากลัวเลยเอาเถอะกางเต็นท์กันที่นี่เราจะอยู่ที่นี่พักอยู่ที่นี่"
"คุณเหยียน"
"มีอะไรคะ"
"ที่นี่จะไม่อันตรายจริงๆใช่ไหมคะ"
"ไม่อันตรายค่ะไม่ต้องกลัวถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกเราจะปกป้องคุณเองแล้วกรุณาทำตามที่ฉันบอกห้ามขัดคำสั่งเด็ดขาดเพราะนี่ไม่ใช่การเตือนนี่คือคำสั่ง"
"ได้ค่ะ"
"ขอบคุณคืนนี้คุณอยู่ในเต็นท์นี้ห้ามออกมาเด็ดขาดไม่ว่าใครจะเรียกคุณก็ตามพวกฉันจอดเฝ้าขุนอยู่ข้างนอกเองคืนนี้เป็นคืนปล่อยผีแน่นอนว่าวิญญาณเหล่านี้ต้องกลับบ้านหรือไปหาคนที่เขารักจะมีแรงแค้นแรงปรารถนามากที่สุดสิ่งที่คุณทำได้ที่ดีที่สุดก็คืออยู่เงียบๆและห้ามขานรับต่อสิ่งที่มองไม่เห็นเด็ดขาด"
"ได้ค่ะ"
"โจวหยูเอาเครื่องรางป้องกันให้กับพวกเราทุกคน"
"ได้ค่ะเจ๊"
"ส่วนคนข้างนอกก็นั่งล้อมกองไฟเอาไว้"
เมื่อฉันสั่งการเสร็จฉันก็เตรียมอาหารให้กับคุณหม่าเอาไว้ทานในเต็นท์ของตนเองเป็นหลังนี้ก็ใหญ่พอสมควรสามารถนอนได้ 5-6 คนก็ถือว่าใหญ่มากจึงทำให้สะดวกในการกินข้าวหรือทำหลายสิ่งหลายอย่างฉันอยากให้เขาพักผ่อนเข้าไว้เพราะหลังจากเที่ยงคืนไปเราถึงจะทำพิธีตามหาโครงกระดูกของอีกฝ่ายได้
"คุณเป็นหมอผีมากี่ปีแล้ว"
"ฉันไม่ได้เป็นหมอผีอยากให้วิญญาณพวกนี้มีความสุขเท่านั้นฉันไม่ได้เป็นคนปราบผีหรืออะไรทั้งนั้น"
"ดูเหมือนว่าคุณคงรอคนมาเยอะสินะถึงได้เก็บงำคำพูดและความรู้สึกของคนเอาไว้เยอะถึงขนาดนี้"
"ฉันเนี่ยนะชอบหลอกคนฉันไม่ใช่ผีสักหน่อยที่ชอบหลอกคนแต่ก็อย่างว่านั่นแหละจิตใจของมนุษย์น่ากลัวกว่าผีซะอีก"
"คุณน้ากังวลมากคุณน้าตามหาเพื่อนรักของเธอมาหลายปีไม่คิดว่าจะเจอคนแบบคุณมาบอกว่าเพื่อนรักของคุณน้า จะกลายเป็นผีแบบนี้"
"เดี๋ยวก็รู้เองทำไมต้องคิดว่าฉันต้องโกหกด้วยล่ะฉันไม่เคยที่จะโกหกใครเพราะคำพูดของฉันมันศักดิ์สิทธิ์มากแค่คำพูดจาไม่ดีก็ทำให้ใครต่อใครตายได้แล้วฉันจะไม่จำเป็นต้องโกหกใครหรือพูดจาไม่ดีกับใครเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถทำได้"
"พูดอย่างกับคุณหลุดออกจากมังงะที่เกี่ยวกับเวทย์มนต์ยังไงยังงั้น"
"มันก็ไม่แน่นะคะคุณหนิงฉันอาจจะเป็นเหมือนในมังงะที่คุณอ่านก็ได้คุณไม่เชื่อเรื่องเกี่ยวกับภูตผีปีศาจเรื่องเวทมนตร์แบบนี้คุณตามคุณอาไม่สิคุณน้าของคุณมาทำไม"
"ผมกลัวว่าคุณน้าของผมจะโดนหลอกน้าเล็กของผมเขาเชื่อคนง่ายแม้น้าเล็กจะเป็นคนปากจัดปากร้ายก็ตามแต่เธอก็ยังคงใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ผมจึงไว้วางใจให้เธอมาคนเดียวไม่ได้"
"นั่นสินะเอาเถอะฉันก็ไม่ได้มีความคิดที่จะทำร้ายหรือทำลายความรู้สึกของคนอื่นอยู่แล้วตอนนี้ก็ 18:00 น.คุณทานอาหารแล้วเข้าไปพักเถอะเพราะตอนค่ำๆคุณไม่สามารถออกมาได้จนกว่าจะเลยเที่ยงคืนโปรถึงจะค้นหาร่างของเพื่อนรักของคุณน้าคุณ"
"ผมก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น"
เวลาเที่ยงคืนในบรรยากาศในภูเขาหลังโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลรู้สึกน่ากลัวเหลือเกินถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่เคยเจอประสบการณ์เจอผีแบบต่างๆตัวของฉันไม่ได้มีความรู้สึกกลัวอะไรสักนิดแค่รู้สึกน่ารำคาญสักหน่อยที่ต้องเห็นวิญญาณเหล่านั้นเดินเพ่นพ่านโดยเฉพาะลูกน้องคนสนิทของฉันเหยียนเซิงที่สื่อสารกับวิญญาณและจูนวิญญาณติดได้ตลอดเวลาแม้ว่าจะใส่เครื่องรางป้องกันวิญญาณเข้าร่างแล้วก็ตามเขาก็ยังเห็นวิญญาณเดินไปเดินมาพร้อมกับโผล่เข้าหาเขาได้ตลอดเวลาแบบนี้ยิ่งทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวนบ่อยๆแต่อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเรามีนักเวทย์หลายคนที่มีความสามารถจึงทำให้วิญญาณพวกนั้นไม่ค่อยกระโดดเข้าใส่เด็กในการปกครองของฉัน
"เจ๊ฉงวิญญาณพวกนี้เริ่มถูกทยอยปล่อยออกมาแล้วครับ"
"00.50 น. เหลือเวลาอีก 10 นาทีไปปลุกทุกคนให้เตรียมพร้อมคนงานของเราเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม"
"เตรียมพร้อมแล้วครับผมไปปลูกให้แล้วเรียบร้อย"
"แย่แล้วเจ๊ฉง คุณหม่าหายไป!!!"
"โจวหยูเสียงเกินไปแล้ว"
"เจ๊แล้วจะทำยังไงกันดีตอนนี้คุณหนิงโวยวายใหญ่เลยค่ะ"
"ฉันบอกแล้วว่าห้ามออกมาจากเต็นท์คนที่เฝ้าเต็นท์ไปไหน"
"สลบอยู่หน้าเต็นท์ค่ะ"
"มันต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน"
"นี่คุณน้าผมหายไปคุณยังมายืนมองอะไรอยู่!!!"
"เจ๊เป็นอะไร"
ฉันได้ยินเสียงของพวกเขาพูดขึ้นมาฉันมองไปยังร่างของคนที่ชื่อเจิงข่ายซินยืนชี้นิ้วไปอีกทางแน่นอนว่าเธอคงจะบอกใบ้ว่าเพื่อนของเธอไปทางนั้นแล้วส่วนฉันเดินตามวิญญาณของเจิงข่ายซินไปเมื่อเดินเข้าไปเรื่อยๆก็พบว่าคนที่ตามฉันมาเป็นพวกเพื่อนของฉัน ฉันค่อยๆปลดปล่อยออกมา
"หม่าหวงหวั่นกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้!!!"
ฉันตะโกนร้องลั่นเสียงดังไปทั่วภูเขาแห่งนั้นสักพักก็มีร่างของผู้หญิงคนนึงค่อยๆวิ่งกลับมาสายตาก็เหม่อลอยแต่รักนั้นก็ยังคงวิ่งมาหาฉันแล้วมองแล้วก็เป็นเสื้อผ้าที่คุ้นเคยและคนที่เดินกึ่งวิ่งมาตอนนั้นก็คือคุณหม่าฉันรีบใส่สร้อยคืนกลับไปเมื่อเธอเดินมาถึงชั้นแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งน้ำตาก็ยังคงไหลออกมามีวิญญาณของเพื่อนรักของเธอยืนปลอบใจอยู่เคียงข้างหลังป้องกันไม่ให้วิญญาณอื่นเข้ามาใกล้
"เรียกเธอให้ตื่นขึ้นมา"
"ได้ค่ะเจ๊"
"เธอมีร่องรอยของการถูกบีบคอน่าจะเป็นวิญญาณที่แค้นเคืองเธอถึงบายพาสตัวเธอออกไป"
"เหยียนเซิงนายเห็นวิญญาณตนนั้นไหม"
"ไม่เห็นครับเห็นแต่เป็นกลุ่มควันสีดำยื่นมือมาแต่ไม่กล้าเข้ามาในรัศมีของเราอาจจะเป็นเพราะถูกเรียกแล้วเผลอขานรับก็ได้ครับ"
"โจวซือจัดการมันบังอาจทำคนในการดูแลของฉันก็ทำให้มันสลายไปซะส่วนคุณ คุนหนิงอุ้มคุณน้าของคุณเข้าไปในเต็นท์ฉันจะทำพิธีเรียกขวัญคืนมาให้"
"อืม"
เมื่อเข้ามาในเต็นท์ฉันก็เข้ามาใช้เครื่องมือเวชไล่ตามร่างกายของเธอจากนั้นเอ่ยเรียกชื่อของเธอเสียงดังสักพักร่างกายของเธอก็กระตุกอยู่ 2-3 ครั้งก่อนเธอจะถอนหายใจกอบโกยเอาลมเข้ามาในร่างกายเสียงดังฉันจึงรู้ว่าวิญญาณของเธอหลุดออกจากร่างกายที่ยอมกลับมาเพราะฉันใช้วาจาสิทธิ์จึงทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบรับจึงวิ่งหนีกลับมาถ้ามาช้ากว่านี้ก็คงจะไม่รอดเธอมีความแค้นเคืองกับใครถึงได้ทำร้ายเธอถึงขนาดนี้
"คุณตื่นแล้วก่อนที่คุณจะไม่ได้สติคุณได้ยินเสียงของใครเรียกชื่อของคุณหรือเปล่า"
"ฉันจำได้ลางๆว่าตอนนั้นคุณบอกให้ฉันเข้ามาในเต็นท์แล้วก็พักผ่อนซะฉันนอนอยู่สักพักฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาและเห็นเป็นเงาจะได้ยินเสียงเป็นเสียงของเพื่อนฉันเธอบอกว่าเธอหนาวมากขอเข้าไปในเต็นท์หน่อยได้ไหมฉันลืมไปว่าคุณไม่ให้ฉันขานรับหรือตอบตกลงใครแต่ฉันกลับทำผิดฉันให้เธอเข้ามาจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้ร่างกายของฉันหนักเหลือเกินรู้ตัวอีกทีฉันก็เห็นแสงสว่างสีทองเปล่งประกายออกมาฉันจึงวิ่งตามแสงสว่างนั้นฉันก็ตื่นขึ้นมา"
"วิญญาณของคุณหลุดออกจากร่างวิญญาณตนนั้นต้องการที่จะครอบครองร่างของคุณหรือไม่งั้นก็ต้องการที่จะฆ่าคุณวิญญาณตนนั้นต้องการจะแก้แค้นคุณ"
"เพื่อนของฉันไม่ทำฉันแบบนั้น"
"ไม่ใช่วิญญาณของเพื่อนรักคุณแต่เป็นวิญญาณอีกดวงนึงตอนที่คุณหายไปเป็นเธอที่ชี้ทางบอกว่าคุณอยู่ที่ไหนแต่วิญญาณของเธออ่อนแรงจึงไม่สามารถสู้กับวิญญาณร้ายนั้นได้เธอทำได้เพียงแค่นั้นคุณตอบฉันมาว่าคุณมีความแค้นกับใครอีกที่คุณยังบอกฉันไม่หมด"
"คือฉัน..."