ไม่ไยดี
เจียหรงไม่ได้ตอบคำถามของร่างสูง นางทำเพียงหันหลังเดินกลับเรือนไปด้วยความปวดร้าวพร้อมกับทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ว่าตนได้ทำสิ่งใดผิดพลาดไปหรือไม่ เหตุใดเขาถึงได้เย็นชาไร้หัวใจประหนึ่งมองเห็นนางเป็นแค่คนแปลกหน้าผู้หนึ่งเท่านั้น นางพยายามคิดหาเหตุผลแต่กลับไร้ซึ่งคำตอบ
ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาไฉนถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ได้
"เสี่ยวลู่!"
"ขอรับท่านโหว" ขานรับพลางเดินเข้ามาใกล้
"นำชุดของข้าไปให้ฮูหยินที่เรือนด้วย"
"บ่าวจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้" เมื่อตกปากรับคำเสร็จจึงปลีกตัวไปยังห้องนอนของเจ้านายทันทีทิ้งให้ท่านโหวหนุ่มอยู่ตามลำพังกับอนุจ้าว
"ทำไมถึงได้ทำหน้าบึ้งตึงนักเล่า"
"ท่านจะใส่ชุดที่นางตัดให้งั้นหรือ"
"ใครว่าล่ะ หากนางอยากตัดก็ตัดไป ข้าไม่ได้เอ่ยปากสักคำว่าจะใส่ชุดของนาง" เขาตอบเอาใจ
"ถ้าอย่างนั้นข้าจะตัดชุดให้ท่านเช่นกัน อีกไม่นานที่บ้านเดิมของข้าจะจัดงานเลี้ยง หากพวกเราใส่ชุดคู่ไปที่นั่นด้วยกันคงดีไม่น้อย ว่าไหมเจ้าคะ" จ้าวซูลี่ถามความเห็น
"หากเจ้าว่าดี ข้าก็ว่าดี" ว่าพร้อมเปรยยิ้มส่งให้นาง ทำให้จ้าวซูลี่ฉีกยิ้มกว้าง ยามคิดว่าทั้งนางและเขามีใจคิดตรงกัน
"ว่าแต่งานเลี้ยงครั้งนี้สกุลจ้าวได้ส่งเทียบเชิญให้ผู้ใดบ้าง"
"ท่านแม่ส่งจดหมายมาบอกข้าว่างานเลี้ยงในครั้งนี้สำคัญยิ่งนัก แขกที่เชิญมาล้วนเป็นขุนนางใหญ่ ส่วนพวกขุนนางเล็ก ๆ อย่าได้หวัง ส่วนท่านที่เป็นสามีข้าย่อมต้องได้เข้าร่วมอยู่แล้วเจ้าค่ะ" ว่าพลางขยับเข้าไปใกล้แล้วจับมือของเขาเอาไว้แน่น
"หากเป็นดังที่เจ้าว่า ข้าคงต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ บิดาของเจ้าจะได้ไม่อายใครที่มีข้าเป็นลูกเขย"
"ลูกเขยหรือเจ้าคะ" เอ่ยด้วยน้ำเสียงเอียงอาย เดิมทีคำพูดพวกนี้ต้องใช้กับบิดาของฮูหยินเอก แต่เขากลับโพล่งออกมาโต้ง ๆ แบบนี้ดูก็รู้ว่าเขารักและให้เกียรตินางมากแค่ไหน ต่างจากฮูหยินของเขาที่ได้ครอบครองเพียงตำแหน่งฮูหยินเอก คิดแล้วก็ยิ่งพอใจตอนคิดว่าตัวเองอยู่เหนือสตรีผู้นั้น
"ข้าเป็นสามีเจ้า ก็ต้องเป็นลูกเขยของใต้เท้าจ้าวถูกต้องแล้ว"
"ท่านโหว มีจดหมายส่งมาให้ท่านขอรับ" บ่าวรับใช้รีบวิ่งมาบอก
"ข้ารู้แล้ว"
"ซูลี่ เจ้ากลับเรือนไปก่อนเถิด ข้ายังมีงานที่ต้องสะสางอีกมาก"
"เจ้าค่ะ อย่าหักโหมมากนะเจ้าคะ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน"
หยางเฟยหลงกลับเข้ามาในห้องทำงานทันทีที่เขาอ่านจดหมายฉบับนั้นจบคิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่นด้วยความหนักใจ ดูเหมือนว่าจ้าวต้าชุนจะสนับสนุนองค์ชายใหญ่ขึ้นเป็นรัชทายาท มิน่าเล่าเขาถึงได้จัดงานเลี้ยงที่มีแต่พวกขุนนางใหญ่เข้าร่วม อีกไม่นานราชสำนักจะต้องวุ่นวายแน่
"มีอะไรหรือขอรับ ทำไมท่านโหวถึงได้มีสีหน้าแบบนั้น" เสี่ยวลู่ที่กลับมาจากเรือนฝั่งตะวันออกเอ่ยถาม เมื่อเห็น สีหน้าไม่สู้ดีของผู้เป็นเจ้านาย
"ถึงเวลาที่ต้องเลือกข้างแล้ว"
"ไม่ใช่ว่าท่านเลือกไปแล้วหรือขอรับ" เขาตอบกลับทันควัน หากตนเข้าใจไม่ผิดนับตั้งแต่วันที่ชายหนุ่มเลือกแต่งบุตรสาวของใต้เท้าจ้าวเข้าจวนมาวันเดียวกันกับวันที่แต่งฮูหยินเอกเข้าจวนแล้ว สกุลหยางได้เลือกอยู่ฝั่งใต้เท้าจ้าวเป็นแน่
"แน่นอนว่าข้าเลือกแล้ว ไม่ใช่เหตุผลอื่นใดแต่เป็นเพราะนาง" หากผู้ใดมาได้ยินบทสนทนานี้คงคิดว่าคนที่ท่านโหวพูดถึงคือจ้าวซูลี่แต่เบื้องลึกของจิตใจไม่มีผู้ใดทราบได้ว่าสตรีที่เขาเอ่ยถึงคือใครกันแน่ นอกจากตัวของเขาเอง
เมื่องานเลี้ยงที่จวนสกุลจ้าวมาถึง หยางเฟยหลงกับจ้าวซูลี่ได้สวมอาภรณ์สีม่วงเข้มที่ปักเย็บด้วยลวดลายเดียวกัน เรื่องนี้ได้แพร่ไปทั่วทั้งจวน กระทั่งดังเข้าหูของฮูหยินอย่างนางเข้าจึงคิดอยากมาเห็นฝีมือปักผ้าของอนุจ้าวด้วยตาของตัวเอง
