บทที่ 4 ว่าที่สามี (3)
มือเล็กกำเสื้อบริเวณอกของเขาไว้แน่น แย่แน่ๆ เขาจะรู้หรือเปล่าว่าเธอกำลังใจเต้นแรงขนาดนี้
อ๊ะ ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องนั้น...เธอต้องรีบพาตัวออกไปจากสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุด จากนั้นก็กระทืบเขาแรงๆ สักสามสี่ที เอาให้เป็นหมันไปเลย จะได้สาสมกับสิ่งที่เขาทำ
แต่ว่า...ทำไมสัมผัสจากริมฝีปากของเขาถึงทำให้เธอวาบหวาม หวิวไปทั้งใจอย่างนี้จนไม่มีแรงที่จะต่อต้าน ในหัวขาวโพลนไปหมดเหมือนโดนหิมะปกคลุม
และเมื่อเขาถอนจุมพิตออก สติที่เลือนรางก็คืนกลับมา เขาวางเธอให้ยืนบนผืนดิน และในตอนนั้นเองที่เธอทรุดฮวบลงนั่งกองแทบเท้าเขา ขาสั่นระริกจนเคลื่อนไหวไม่ได้
เดี๋ยวสิ...เธอจะกระทืบเขาไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมสภาพถึงออกมาเหมือนกำลังจะกราบเขาเลยล่ะ
น่าสมเพชตัวเองสุดๆ !
กำลังนั่งก้มหน้าไว้อาลัย อยู่ดีๆ ก็โดนดึงกระเป๋าสะพายหลังจนต้องลุกยืนโดยอัตโนมัติ เธอหันหน้าไปด่าเขาทันที
“ทำอะไรของคุณน่ะ ไม่มีมารยาท”
“จะเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว สนิทสนมกันไว้จะดีกว่านะครับ”
เธอตีหน้ายักษ์ใส่ “แต่ฉันไม่ได้อยากสนิทกับคุณสักนิดค่ะ แล้วสามีภรรยาอะไรกัน พูดมั่วๆ ฟังให้ชัดๆ ดูปากฉันให้ดีๆ นะคะ ฉัน...ไม่...มี...วัน...แต่ง...งาน...กับ...คุณ” 8 พยางค์สุดท้ายเธอเน้นย้ำเป็นพิเศษ เขาก้มตัว มองเธออย่างขำขัน
“งั้นเหรอ จะบอกว่าบริสุทธิ์อยู่งั้นสิ”
เธอยืดอก เชิดหน้า “แน่นอนสิคะ”
“ไม่จริงม้าง”
“วะ ว่าไงนะ” หญิงสาวตาเขียวปัด “แน่นอนค่ะว่าฉันสวย และคนสวยๆ อย่างฉันก็ต้องมีหนุ่มมาติดพันมากมายอยู่แล้ว ก็ไม่แปลกที่คุณจะคิดว่าฉันไม่ใช่สาวเวอร์จิ้น แต่ฉันอยากจะบอกคุณเลยว่า...คนอย่างฉันหยิ่งมาก ขอบอก ไม่มีใครเคยจีบติดหรอกค่ะ”
“อ้อ...ขนาดนั้นเชียว”
ลูกตาเขาวาววับขบขัน ให้ตายสิ...ทำไมเขาต้องทำแววตาแบบนั้นด้วย คำพูดเธอมันฟังดูตลกนักหรือไง นี่เธอกำลังซีเรียสอยู่นะเว้ย
“แต่ผมเลือกแล้วว่าจะแต่งงานกับคุณ”
“แต่ฉันไม่อยากแต่งกับคุณ ต้องให้ย้ำอีกกี่ครั้งกันคะ”
“ก็อย่างว่านั่นแหละ...คุณไม่พร้อมจะออกเรือนจริงๆ ดูจากนิสัยเอาแต่ใจแล้ว ไม่พอใจอะไรก็จะหนีออกจากบ้าน นั่นเป็นวิถีของเด็กน้อยนะครับ”
เธอกำหมัดแน่น หน้าบูดบึ้ง “ฉันไม่ได้หนีออกจากบ้านนะ”
“ทำไมปากแข็งตลอด” นิ้วชี้ยาวแข็งแรงแตะที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ “ไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าคุณเป็นคนที่โกหกใครไม่เนียนน่ะ”
เธอปัดมือเขาออกอย่างไม่ไยดี “เรื่องของฉัน”
“คนที่ไม่หนีออกจากบ้านเขาปีนหน้าต่างกันด้วยเหรอ” มือใหญ่จับชายผ้าม่านที่ห้อยลงมา เพียงกระตุกเบาๆ ผ้าที่มัดไว้ตรงขอบหน้าต่างอย่างแน่นหนาก็คลายปมร่วงลงมาอย่างง่ายดาย
“คุณทำได้ยังไงน่ะ”
“กลับเข้าบ้านไปซะ” แทนที่จะตอบ เขากลับออกคำสั่ง
“ทำไมฉันต้องทำตามที่คุณสั่งด้วย”
“ถ้าไม่ทำ ผมจะตะโกนบอกคุณพ่อของคุณเดี๋ยวนี้”
หญิงสาวหน้าซีด เม้มปากแน่น
“เล่นสกปรก”
“กับเด็กดื้ออย่างคุณ ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้นั่นแหละ”
“ฉันไม่ใช่เด็ก”
“คำพูดและการกระทำของคุณ ดูยังไงก็เป็นเด็กชัดๆ”
เธอโมโหจนตาขุ่น ในขณะที่เขายื่นมือข้างที่ไม่ได้ถือผ้าไปหาเธอ
“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ผม...รัตติ เจอราสต์ เป็นว่าที่สามีของคุณ...”
เธอปัดมือเขา ไม่ยอมรับไมตรีที่เขามอบให้
“คุณจะเป็นได้แค่คนรู้จัก และก็จะเป็นได้แค่นี้ตลอดไปค่ะ” พูดจบก็หันหลังหมายจะกลับเข้าบ้าน แต่ในตอนนั้นเองที่เขาจับไหล่เธอไว้
“อะไรอีก” หันกลับไปด้วยท่าทางไม่พอใจ รัตติกระซิบข้างหูเธอ
“วันไหนถ้าคุณท้อง...มาหาผมที่บ้านนะครับ ผมยินดีรับผิดชอบเป็นพ่อของเด็ก”
มาริสาตาลุกวาว กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ก่อนจะวิ่งเข้าหา เงื้อฝ่ามือสูงหมายจะตบสักฉาด ทว่า...เขาตัวสูง...สูงจนเธอตบไม่ถึง
“จะทำอะไรเหรอครับ” ถามใสซื่อ ทั้งๆ ที่แววตาบ่งชัดว่ารู้เท่าทัน “อ้อ หรือว่าอยากตบผม”
“คุณพูดจาแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนเลยหรือเปล่า”
“พูดแบบไหนล่ะครับ”
แก้มนวลแดงแปร๊ด พูดอุบอิบ “ไอ้เรื่องท้อง คุณมีนิสัยชอบดูถูกคนอย่างนี้เองเหรอ”
“ผมไม่ได้ดูถูกเลยนะ” เขาว่ายิ้มๆ “แล้วเรื่องท้องน่ะ...สบายใจได้ ผมพูดแค่กับผู้หญิงที่ผมถูกใจเท่านั้น”
หญิงสาวตาลุกวาว แก้มแดงสลับกับซีด “ไอ้บ้า พูดจาน่าไม่อาย”
“เข้าบ้านไปได้แล้วครับ”
“อย่ามาสั่ง” เธอแหว
“ถ้าดื้อ ผมจะจูบนะ”
เธอสตั้นท์นิ่งไปเกือบนาที ก่อนจะสะบัดหน้าพรืดวิ่งเข้าบ้าน โดยไม่ลืมที่จะหันมาชูนิ้วกลางให้เขาอีกด้วย...เหอะ ว่าที่สามีงั้นเหรอ ชาตินี้ก็ไม่มีทางได้เห็นขาอ่อนของฉันหรอกย่ะ !
เธอเข้าบ้านไปแล้ว จึงไม่มีโอกาสได้เห็นประกายไฟที่ลุกพรึ่บติดผ้าม่าน ก่อนจะลามเลียลุกลามอย่างรวดเร็ว เขาทิ้งผ้าลงบนพื้น เฝ้าดูเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงจนกระทั่งผ้าทั้งผืนมอดไหม้ดับสิ้น รัตติถึงหันหลังกลับไปที่รถของตนซึ่งจอดอยู่