บทที่ 31
หลังจากงานโชว์ตัวในงานเปิดตัวสินค้าจบลง ชนิตราที่อารมณ์เสียอย่างหนักก็รีบออกจากห้างหรูเพื่อไปพบเพื่อนตามที่นัดหมายกันเอาไว้ เธอทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มในคลับชื่อดัง กระฟัดกระเฟียดใส่คนที่รออยู่ก่อนแล้วเพราะไม่พอใจกับเรื่องที่เพิ่งเจอมา
“ไหนแกบอกว่าคุณธารอ่อยง่ายไงวะ แล้วทำไมถึงขู่ฉันฟ่อ ๆ อย่างกับงูเห่า อีกนิดคือโดนฉกตายแล้วเนี่ย!”
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะแก”
พลอยแสงเห็นบทสัมภาษณ์ของชายหนุ่มก็รู้ทันทีว่าตัวเองตัดสินใจพลาด ข่าวลือที่พูดกันว่าธีรักษ์ชอบควงนางแบบสาวสวยดูแล้วคงไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเบอร์หนึ่งอย่างชนิตราที่เธอตั้งใจส่งไปยั่วยวนเพื่อแกล้งให้ภัควรินทร์เสียใจยังทำอะไรไม่ได้ ซ้ำร้ายยังทำให้เพื่อนตกที่นั่งลำบากไปด้วยอีกคน
“ขนาดนั้นแหละ! ฉันไม่น่าถามแกเลยว่ารู้จักคุณธีรักษ์หรือเปล่า อุตส่าห์ดีใจที่เขาติดต่อมา แล้วยังไง ซวยค่ะ ซวย นอกจากไม่ได้ผัวรวยแล้วยังเกือบหมดอนาคตอีก”
“แต่เขาก็ไม่น่าโกรธขนาดนั้นเปล่าวะ?”
“ปกติก็คงไม่โกรธหรอก แต่คงกลัวเมียน้อยใจแหละมั้ง นี่ถึงขั้นเล่นฉีกหน้าฉันตอนให้สัมภาษณ์ด้วยนะ บอกว่าฉันเคยไปแคสต์งานแล้วไม่ได้ แถมยังจิกว่าไม่ใช่สเป็กอีก แม่ง! ผู้ชายอะไรวะ ปากดีชะมัด!”
“แต่ฉันเห็นเขาออกตัวแรงว่าโสดไม่ใช่เหรอ”
“โสดบ้าอะไรล่ะ! แทบจะตะโกนใส่หน้าฉันด้วยซ้ำว่ามีเมียแล้ว แถมเทิดทูนเมียอย่างกับอะไรดี!”
“อีนังน้ำหวานแน่ ๆ เลย หึ! ปากบอกว่าเป็นแค่ผู้ช่วย แต่คงกินกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!”
ความคับแค้นใจของพลอยแสงทวีคูณขึ้นมาก เนื่องจากครอบครัวเธอได้รับแจ้งว่าบริษัทในเครืออัครจินดานนท์จะไม่ต่อสัญญาในไตรมาสหน้า การสูญเสียลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทค่อนข้างมาก หากหาลูกค้ารายใหม่ไม่ได้ภายในสามเดือน ครอบครัวของเธอคงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฉันว่าไม่น่าใช่หรอก นังน้ำหวานมันดูจืดชืดจะตาย”
ชนิตราเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับภัควรินทร์ก็จริง แต่ก็ไม่ได้สนิทกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คือเพื่อนเกลียดใคร ฉันเกลียดด้วยมากกว่า “ฉันว่าคุณธีรักษ์คงไม่ได้ชอบมันหรอก ปกติเขาเปลี่ยนผู้หญิงเร็วจะตาย ฉันเดาว่าที่ยังเก็บมันไว้ข้างตัวเพราะต้องการหายจากโรคความจำเสื่อมนั่นมากกว่า”
“ความจำเสื่อม? คุณธีรักษ์น่ะเหรอ”
“เออ เขาบอกว่าหลังแคสต์งานแล้วเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ความทรงจำบางส่วนหายไป จำไม่ได้ว่าช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างเลยมาถามหากับคนที่เจอกันวันนั้น ก็พวกนางแบบนั่นแหละ”
“แล้วมันเกี่ยวกับยัยน้ำหวานยังไง?” พลอยแสงถาม
“ก็นังน้ำหวานมันไปแคสต์งานวันนั้นเหมือนกันไง”
บทสนทนาของสองสาวดังมากพอสำหรับชายหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ เพื่อเก็บข้อมูล เขารอจนได้ยินทุกเรื่องที่ต้องการแล้วจึงเข้าไปทักทายอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีครับ เอ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนนะครับ พอดีได้ยินชื่อน้ำหวานกับธีรักษ์เลยอยากถามอะไรนิดหน่อย…คือผมเป็นแฟนเก่าของน้ำหวานน่ะครับ เพิ่งเลิกกันไม่นานนี้เอง”
“ต๊าย! หล่อแซ่บเบอร์นี้ทำไมถึงโสดได้ล่ะคะ” ชนิตราทำหน้าไม่อยากเชื่อ แต่พอเห็นคนตรงหน้าสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดังทั้งตัวก็สรุปง่าย ๆ ว่าคุ้มค่าที่จะเสียเวลาคุย
“รวยไม่สู้คุณธีรักษ์มั้งครับเลยต้องโสด พูดไปแล้วก็เศร้า คือน้ำหวานเคยบอกผมน่ะครับว่าไม่ได้มีอะไรกับเจ้านาย ที่ขอเลิกกันเพราะหมดรัก ผมเองก็เชื่อสนิทใจ แต่พอได้ยินพวกคุณพูดว่าสองคนนั้นกินกันไปแล้วเลยอยากถามเพื่อความชัวร์ เอ่อ ผมนี่เสียมารยาทจริง ๆ พูดตั้งเยอะแต่ดันลืมแนะนำตัว…ผมชื่อกันต์นะครับ”
ชายหนุ่มยิ้มกว้างโปรยเสน่ห์ ก่อนชวนคุยเรื่องทั่วไปเพื่อเลี่ยงประเด็นร้อน เช่นการชมสองสาวว่าสวยเก่งอย่างไรบ้าง และดูจากความช่างพูดของทั้งคู่แล้ว คืนนี้เขาคงได้ข้อมูลเด็ด ๆ สมใจเป็นแน่
ธีรักษ์ยืนอยู่ในร้านดอกไม้นานเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะไม่รู้ว่าภัควรินทร์ชอบดอกไม้ประเภทไหน เขาลองใช้วิธีเดียวกับเลขานุการของน้องชาย ค้นหาข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย แต่เธอกลับไม่ได้อัปเดตอะไรมาก นอกจากภาพอาหารเครื่องดื่มและวิวของสถานที่ที่ไปทำงานกับเพื่อนร่วมงาน ก่อนที่จะถูกเขาบังคับให้ลาออกมาอยู่ด้วยกัน
