บทที่ 26
ภาพหวานของทั้งคู่ปรากฏบนสื่อออนไลน์และหน้าหนังสือพิมพ์หลังจากงานประมูลจบลง มองดูอย่างไรก็เหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ซึ่งเป็นภาพที่ธีรักษ์ตั้งใจปล่อยเพื่อยืนยันความจริงใจของเขา แต่นั่นมันก่อนที่จะรู้ว่าคุณหญิงแจ่มจันทร์เข้มงวดกับหลานสาวที่ไม่รักคนนี้อย่างไรบ้าง ไหนจะมีเรื่องชายหนุ่มนิรนามที่คิดเอาชีวิตเขาด้วยอีก
“ใช่ ผมโกรธมาก โกรธที่พลอยแสงให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าคุณเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผม ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วคุณสำคัญกับผมมากที่สุด” ธีรักษ์รู้ดีว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ขาดความอบอุ่นและต้องการความเอาใจใส่ เขาจึงไม่รีรอที่จะให้ความมั่นใจกับเธอในทุกครั้งที่มีโอกาส “แต่คุณไม่ต้องไปฟังคำคนอื่นหรอกนะ เอาไว้ธุระวุ่น ๆ ของผมเรียบร้อยเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณไปกราบคุณหญิงแจ่มจันทร์เอง”
“คุณจะไปพบคุณย่าทำไมคะ หรือว่าจะฟ้องที่น้ำหวานจับคุณมัด เอ่อ แถมรูดทรัพย์คุณด้วย” แค่คิดภัควรินทร์ก็เสียววาบทั่วแผ่นหลัง เรื่องที่ไม่ได้ทำยังถูกตีจนบั้นท้ายช้ำไปหมด แล้วนี่ความผิดข้อหาใหญ่เธอจะรอดตายไหมเล่า
“เรื่องนั้นผมไม่พูดหรอก ไว้จับคุณมัดแล้วจูบสักคืนก็หายกันแล้ว อูยยย” เขาถูกหยิกเนื้อเบา ๆ จึงรีบเข้าเรื่อง “ผมรู้นะว่าหนูคิดมากกับความสัมพันธ์ที่เราเป็นอยู่ในตอนนี้ การที่ผมนอนกอดจูบหนูเหมือนแฟน แต่ไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้นก็เพราะอยากเข้าตามตรอกออกตามประตูให้ถูกต้อง คุณหญิงท่านจะได้ไม่ดุหนูอีก”
“คุณธาร…”
“ผมจริงจังกับหนูนะ ที่บอกว่าหนูเป็นของผมแล้ว ผมไม่ได้พูดเล่น”
“ไม่ต้องย้ำก็ได้ค่ะ น้ำหวานรู้แล้วว่าตัวเองใจง่าย เสียตัวให้กับผู้ชายที่รู้จักกันแค่คืนเดียว” ภัควรินทร์ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างของเขา พูดถึงเรื่องที่เลี่ยงมานาน “ถึงน้ำหวานจะจำอะไรแทบไม่ได้ แต่น้ำหวานก็ดีใจที่คุณเป็นคนแรกนะคะ”
“น้ำหวาน…หนูจำอะไรไม่ได้จริง ๆ เหรอ” เขาลองเสี่ยงถามดูอีกครั้ง “คืนนั้นหนูจำลีลาผมไม่ได้เลย?”
“คุณอย่าถามแบบนี้สิคะ น้ำหวานอายเป็นนะ” แต่พอถูกรุกถามมากเข้าภัควรินทร์ก็สารภาพเสียงแผ่ว จำได้แค่ว่าถูกจูบถูกจับไปทั้งตัว
“น้ำหวานจำตอนคุณจิ้มน้ำหวานไม่ได้หรอกค่ะ รู้แค่ว่าตื่นมาแล้วคุณหายไปไหนก็ไม่รู้” ปลายเสียงเธอแข็งเล็กน้อยเพราะยังเคืองเรื่องที่ถูกทิ้งไม่หาย แต่พอได้ฟังคำตอบจากเขา ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่คั่งค้างอยู่ก็หายวับไปทันที
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งหนูไว้คนเดียวเลย” เขาจับมือเล็กมาวางบนแก้มสาก ก่อนพาไปสัมผัสบริเวณหางคิ้วที่มีแผลเป็นเบา ๆ “พอดีเช้าวันนั้นผมประสบอุบัติเหตุแทบเอาชีวิตไม่รอด เลยกลับไปหาหนูไม่ได้น่ะ…นอนนะครับเด็กดี วันพรุ่งนี้เราค่อยว่ากันใหม่นะ”
“ค่ะ คุณธาร” ภัควรินทร์ไม่กล้าถามต่อ ทว่าขยับตัวเข้าหาไออุ่นจนสองร่างแนบชิด ก่อนนอนยังเงยหน้าจูบคางของเขาเบา ๆ เพื่อเอาใจ
ธีรักษ์ประสบอุบัติเหตุอาการสาหัส ส่วนเธอกลับเอาแต่ตัดพ้อโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย…
หลังจากรู้ว่าตัวเองไม่ได้ถูกทิ้งอย่างไร้เหตุผล ภัควรินทร์ก็รู้สึกราวกับว่าก้อนหินที่เธอกำไว้ในมือมาตลอดห้าปีนั้นสลายกลายเป็นฝุ่นไปแล้ว ความร่าเริงที่หายไปก็กลับคืนมาด้วย อารมณ์ดีถึงขั้นส่งข้อความหาเพื่อนสนิทที่อยู่ต่างประเทศเพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
Namwaan: เหมียว เราได้ทำงานกับคุณธีรักษ์ด้วยละ เราเพิ่งรู้นะว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทิ้งเรา แต่ประสบอุบัติเหตุจนกลับมาหาเราไม่ได้
Namwaan: ว่าแต่เหมียวเป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า เดือนนี้เงียบ ๆ ไปเลยนะ ป.ล. เมื่อไหร่จะกลับไทยเอ่ย เพื่อนคิดถึงแย่แล้วเนี่ย
มนทิรา กิตติสกุล หรือ เหมียว ย้ายไปต่างประเทศเมื่อห้าปีก่อน เธอเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของภัควรินทร์ที่คอยให้คำปรึกษาในทุก ๆ เรื่อง แต่เพราะปัญหาส่วนตัวทำให้ไม่สะดวกตอบข้อความทันทีและมีหลายครั้งที่ต้องรอนานหลายวัน
หลังจากกดออกจากแอปพลิเคชันไลน์ภัควรินทร์ก็รีบเข้าครัวทำอาหาร ตอนตื่นนอนเขาหยิบโทรศัพท์มาดูข้อความแล้วถามเธอว่าสะดวกเข้าบริษัทด้วยกันไหม ซึ่งเธอก็รีบตอบรับอย่างยินดี ก่อนขอตัวออกมาเตรียมมื้อเช้า เริ่มต้นวันใหม่ที่สดใสกว่าทุก ๆ วันที่ผ่านมา
คำพูดของเขาเมื่อคืนที่ผ่านมายังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำ ทั้งเรื่องที่บอกว่าเธอสำคัญกับเขามากและเรื่องที่ประสบอุบัติเหตุจนต้องหายตัวไปเฉย ๆ มาถึงตอนนี้ภัควรินทร์ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมช่วงนั้นถึงไม่มีข่าวของเขาหลุดออกมา
