บทที่ 25
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ธีรักษ์มักออกไปข้างนอกกับคนสนิทในช่วงบ่าย บางครั้งก็กลับค่ำมืดโดยมีกลิ่นน้ำหอมหรือไม่ก็กลิ่นบุหรี่ติดเสื้อผ้ามาด้วย เขารู้ดีว่าไม่ใช่กลิ่นที่ภัควรินทร์ชอบ พอกลับถึงบ้านจึงรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยตรงมากอดเธอที่ยังคงนอนอยู่ในห้องเขาตามคำสั่ง แม้รอยช้ำจะดีขึ้นมากแล้วก็ตาม
“ยังไม่นอนอีกเหรอน้ำหวาน?” เขาถามเมื่อเห็นเธอขยับตัว ดวงตากลมโตวูบไหวราวกับมีเรื่องกวนใจอยู่
“น้ำหวานมีเรื่องอยากคุยกับคุณค่ะ” เธอลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ไม่ได้โอดโอยเหมือนเมื่อหลายวันก่อน “น้ำหวานอยากกลับไปนอนห้องของตัวเอง น้ำหวานไม่ได้เป็นอะไรแล้วค่ะ”
“ให้ผมดูหน่อย…”
“แค่นี้น้ำหวานก็อายจะตายอยู่แล้วนะคะ” ภัควรินทร์ยืนยันอยู่นานกว่าเขาจะยอมฟัง แค่ให้ดูรอยช้ำและทายาให้เฉพาะสองวันแรกก็มากพอแล้ว
“ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว น้ำหวานหายแล้วจริง ๆ ค่ะ”
“แต่ผมอยากให้คุณนอนด้วยนี่นา…”
“ไม่ดีหรอกค่ะ เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน น้ำหวานยอมนอนที่ห้องนี้ก็เพราะคุณอ้างว่าจะได้ดูแลน้ำหวาน ตอนนี้รอยช้ำหายไปเกือบหมดแล้ว คุณอนุญาตให้น้ำหวานกลับห้องเถอะนะคะ”
ความจริงภัควรินทร์จะกลับห้องเลยก็ได้ แต่เพราะความกลัวที่ฝังลึกว่าถ้าไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่จะต้องถูกลงโทษทำให้เธอไม่กล้าตัดสินใจเอง ยิ่งเขาทำราวกับเธอเป็นเด็กด้วยแล้ว ให้ทำอะไรตามใจชอบจึงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ การขออนุญาตจึงเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อรักษาสิ่งที่เธอไขว่คว้ามาตลอดโดยไม่รู้ตัว
ภัควรินทร์โหยหาความอบอุ่นและได้รับมันอย่างล้นเหลือจากธีรักษ์ แต่ก็กลัวว่าสักวันหนึ่งมันอาจจะหายไป มีเพียงทางเดียวที่จะได้มีความสุขต่อไปเรื่อย ๆ ก็คือการเชื่อฟังเขา แลกกับความปลอดภัยทางอารมณ์ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่ายังเป็นที่ต้องการ
“อ้อนเก่งขนาดนี้แล้วผมจะใจร้ายได้ไง” ธีรักษ์ลูบแก้มเธอเบา ๆ มองดวงตาคู่สวยที่วาววับอยู่ในความมืด “แต่วันนี้คุณอยู่เป็นเพื่อนผมก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยกลับไปนอนห้องเดิม วันนี้ผมเหนื่อยมากเลย”
“งั้นก็ได้ค่ะ…”
ภัควรินทร์ไม่รู้ว่าที่เขายอมง่าย ๆ นั้นเป็นเพราะความอดทนที่มีอยู่ใกล้จะหมดเต็มที ก่อนหน้านี้ยังหาเหตุผลให้ตัวเองได้ว่าบนบั้นท้ายสวยมีรอยช้ำ คงทนกับสัมผัสร้อนแรงไม่ไหว แต่ในเมื่อมันจางหายจนสามารถรองรับความปรารถนาของเขาได้แล้ว ความอดกลั้นจึงลดลงตามไปด้วย
หากยังนอนกับเธอคงห้ามใจตัวเองไม่ไหว…
บ่ายนี้จนค่ำมืดเป็นอีกวันที่เขาออกไปพบนางแบบที่มาแคสต์งานก่อนวันเกิดเหตุเมื่อห้าปีก่อน หลายรายติดต่อไม่ยาก ไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้าเพราะเปลี่ยนอาชีพไปแล้ว บางรายก็แต่งงานมีครอบครัว ต้องอธิบายอยู่นานถึงเข้าใจว่าเขาต้องการอะไรจากการนัดพบกัน
‘หลายปีก่อนผมประสบอุบัติเหตุ สูญเสียความทรงจำบางส่วนในช่วงสัปดาห์นั้น พยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จริง ๆ คุณหมอก็แนะนำให้ผมปล่อยวางนะครับ แต่ผมดันค้างคาใจ ยึดติดจนได้โรคปวดหัวแถมมา อาการหนักถึงขั้นถ่ายภาพไม่ได้ คุณหมอเลยต้องเปลี่ยนวิธีรักษา แนะนำให้ผมกระตุ้นความทรงจำที่หายไปแทน…’
เกือบสิบห้ารายแล้วที่เขาคุยด้วยแต่กลับไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์นัก ไกรวิทย์ที่ตามสืบอยู่ด้วยกันถึงกับส่ายหน้า บอกว่าคนรอบตัวที่เหล่านางแบบคบหากันในช่วงเวลานั้นไม่มีใครน่าสงสัย เว้นแค่คนเดียวที่เพิ่งนัดพบในค่ำวันนี้ แต่สุดท้ายเจ้าตัวกลับเฉลยว่าตอนนั้นโสดสนิท แถมยังเปิดโอกาสให้ธีรักษ์ได้ทำความรู้จักแบบถึงเนื้อถึงตัว กว่าจะสลัดหลุดได้ชายหนุ่มก็แทบเหงื่อตกเลยทีเดียว
ใช่ว่าเขาไม่ชอบถูกผู้หญิงรุกก่อน…แต่ตอนนี้คนที่เขาอนุญาตให้ถูกตัวได้มีเพียงภัควรินทร์คนเดียวเท่านั้น
“น้ำหวานได้ยินคุณถอนหายใจหลายรอบแล้ว เรื่องงานไม่ลงตัวเหรอคะ” เจ้าของเสียงหวานเศร้ากระซิบ ธีรักษ์จึงกระชับอ้อมกอดแน่นเสียยิ่งกว่าเดิม “หรือว่าคุณยังโกรธที่มีข่าวกับน้ำหวาน แต่นั่นก็ผ่านมาตั้งหลายวันแล้วนะคะ คนน่าจะลืมกันไปหมดแล้ว”
