บทที่ 23
“น้ำหวาน ผมขอโทษ!”
ธีรักษ์ตะโกนตามหลัง ตกใจที่จู่ ๆ เธอก็ร้องไห้ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเขาจูบ หรือว่าการสัมผัสต้นขาเนียนนุ่มใต้ร่มผ้ากับการบีบสะโพกจะมากเกินรับไหว แต่เมื่อครู่เธอก็ไม่ได้ห้าม ครางอืออามีอารมณ์ร่วมเสียด้วยซ้ำไป
หรือว่า…
ภาพภัควรินทร์เดินช้า ๆ และนิ่วหน้าทุกครั้งที่หย่อนตัวนั่งทำให้เขาฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง แต่กระนั้นก็ยังไม่อยากเชื่อจนกว่าจะได้เห็นด้วยสองตาของตัวเอง
การกระทำของธีรักษ์ไวเท่าความคิด รีบสอดแขนอุ้มเจ้าของร่างเล็กที่ยังไปไม่ถึงห้อง พอเธอหวีดร้องเพราะความกลัวก็รีบกระซิบปลอบอย่างอ่อนโยน
“ไม่ต้องตกใจ ผมไม่ทำอะไรหนูแล้ว แค่มีอะไรอยากถามนิดหน่อยเท่านั้นเอง” ธีรักษ์พยักพเยิดให้เธอช่วยเปิดประตู ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมทำตามโดยไม่ปริปาก มองดูก็รู้ว่าเจ็บมากและกำลังกลั้นก้อนสะอื้นไม่ให้น้ำตาไหลพรากเหมือนเมื่อครู่นี้อีก
“ก้นเป็นอะไร?” เขาถามเมื่อให้อิสระกับคนที่เจ็บแล้วชอบปากแข็ง
“คะ?” เสียงของเธอสั่นเบา ๆ “ไม่…ไม่ได้เป็นอะไร”
“งั้นนอนคว่ำลงไป ผมจะดูเอง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ! น้ำหวานแค่ถูกคุณย่าลงโทษนิดหน่อยเอง” ภัควรินทร์ถอยกรูด ใบหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด
“คุณธารออกไปเถอะค่ะ น้ำหวานเหนื่อย อยากอาบน้ำนอนแล้ว”
“งั้นก็รีบไปอาบน้ำ เดี๋ยวผมมา” ธีรักษ์ไม่ต่อความกับคนเจ็บ เดินตรงไปยังห้องครัวและกระชากประตูตู้เย็นแรงจนแทบหลุดติดมือมาด้วย
“แม่งเอ๊ย!” เขาโมโหตัวเองที่เพิ่งจำในสิ่งที่ควรจำได้ตั้งแต่เห็นเธอนิ่วหน้าเวลานั่งแล้ว
หลายปีก่อนที่เขาดื่มกับภัควรินทร์ เธอดื่มจนเมาและเล่าเรื่องตลกที่ไม่ตลกให้ฟัง ว่าตัวเองมักถูกผู้ปกครองทำโทษด้วยไม้เรียว ฟาดแรง ๆ สิบครั้งเป็นอย่างต่ำ บางวันเจ็บถึงขั้นนั่งแล้วน้ำตาไหล เวลาไปโรงเรียนก็ต้องกัดฟันนั่งข่มความเจ็บปวดไม่ให้ใครรู้ พอถึงเวลานอนก็ต้องนอนคว่ำหรือไม่ก็นอนตะแคง กว่าอาการจะดีขึ้นก็ปาเข้าไปสามถึงสี่วัน แล้วนี่เขายังไปบีบบั้นท้ายเธออีก
หลังจากสงบความเกรี้ยวกราดได้แล้วธีรักษ์จึงหยิบเจลประคบเย็นที่ซื้อมาไว้ตั้งแต่ตอนที่หญิงสาวหกล้มเพราะถูกกลั่นแกล้ง โดยไม่ลืมแวะหยิบผ้าขนหนูที่ห้องตัวเองก่อนเคาะประตูห้องนอนเธอเบา ๆ
“น้ำหวาน ผมเข้าไปนะ” เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของห้อง ธีรักษ์จึงถือวิสาสะเปิดเข้าไปเอง เขาหย่อนตัวนั่งบนโซฟาตัวเล็ก ในมือถือเจลประคบเย็นที่มีผ้าผืนบางห่ออยู่ โชคดีที่รอไม่นานเธอก็ออกจากห้องน้ำ เจลประคบในมือเขาจึงยังอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม
“คุณธารมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ผมจะประคบเย็นที่ก้นคุณ ถือว่าไถ่โทษที่บีบเต็มแรงไปแบบนั้น คุณคงเจ็บแย่”
“น้ำหวานไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอโกหกเพราะไม่อยากเผยความอ่อนแอ “คุณออกไปเถอะค่ะ ทิ้งเจลประคบไว้ก็ได้ เดี๋ยวน้ำหวานจัดการเอง”
“คุณจะนอนคว่ำแล้วดึงกางเกงลงเอง หรือว่าจะให้ผมถอดทั้งหมด แล้วค่อยดูแลคุณ”
“คุณธาร…” ภัควรินทร์กะพริบตาถี่ ๆ อย่างไม่อยากเชื่อ แต่พอเห็นเขาลุกขึ้นเตรียมทำอย่างที่พูดก็รีบตรงไปยังเตียง แล้วค่อย ๆ นอนคว่ำ ทว่ายังลังเลไม่ยอมทำตามที่เขาสั่งง่าย ๆ
“ผมเคยเห็นหมดแล้ว คุณลืมหรือยังไง”
“ไม่เห็นต้องย้ำเรื่องน่าอายพวกนั้นเลย” เธอพึมพำก่อนดึงกางเกงนอนลงจนเห็นบั้นท้ายที่เต็มไปด้วยรอยช้ำสีม่วงและสีเขียว บอกชัดว่าแรงฟาดนั้นสาหัสพอสมควร เจ้าตัวยังเดินไหวก็ถือว่าอดทนเก่งไม่เบา
“คุณถูกผู้ปกครองลงโทษใช่ไหม” เขานิ่งไปชั่วขณะก่อนทาบเจลประคบเย็นห่อผ้าขนหนูบนรอยเหล่านั้นอย่างเบามือเพื่อบรรเทาอาการบวม “คุณถูกคุณหญิงแจ่มจันทร์ฟาดมาใช่ไหมน้ำหวาน”
“แค่ถูกฟาดไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกค่ะ น้ำหวานชินแล้ว อีกอย่างคุณย่าก็ไม่ได้ตีแรงอะไร”
“คุณบอกได้ไหมว่าคุณเกี่ยวข้องกับคุณหญิงแจ่มจันทร์ยังไง เพราะเท่าที่ผมจำได้คุณหญิงท่านมีหลานสาวแท้ ๆ คนเดียวคือคุณเจนิตา ลูกสาวของคุณอาจรัสพงศ์ แล้วคุณล่ะ…”
คำถามตรงไปตรงมาของชายหนุ่มทำให้ภัควรินทร์ปวดแปลบไปทั้งใจ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาไม่รู้ว่าบิดาของเธอคือใคร เพราะกระทั่งคนในสังคมก็ยังลืมไปแล้วว่าคุณหญิงผู้เข้มงวดมีลูกชายอยู่ด้วยกันถึงสองคน
จรัสพงศ์ผู้เป็นลูกชายคนโต แต่งงานกับผู้ดีเก่าสกุลดัง ตอนนี้ดูแลกิจการอยู่ที่ภูเก็ตกับภรรยา ส่วนลูกชายคนเล็กที่ทำให้ฐิติเมธานนท์ต้องเสื่อมเสียนั้นถูกห้ามกล่าวถึงโดยเด็ดขาด แต่กระนั้นภัควรินทร์กลับยังได้ยินชื่ออยู่เรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เธอกลับบ้าน เพราะความเกลียดชังที่คุณย่ามีต่อผู้ให้กำเนิดของเธอมีมากเกินกว่าจะเก็บไว้ในใจได้ไหว
