บทที่ 21
“เรื่องชู้สาว…กับนางแบบงั้นเหรอ?”
ธีรักษ์ชักสีหน้าตามที่คนสนิทคาดการณ์ มือหนากดขมับเบา ๆ เพราะความเครียดที่จู่โจมเข้ามา “ผมไม่ยุ่งกับนางแบบ น้าก็รู้ มีคนเดียวที่มาของานทำแล้วผมยุ่งด้วยคือน้ำหวาน แต่เธอก็ไม่ได้ถ่ายแบบให้ผมนะ”
“คุณน้ำหวาน คุณธารรู้จักเธอมาก่อนเหรอครับ?”
“ใช่ คืนก่อนที่ผมจะสูญเสียความทรงจำ ผมอยู่กับน้ำหวานทั้งคืน ตอนเห็นเธอที่ทะเลผมคลับคล้ายคลับคลานะ แต่พอได้ใกล้ชิดมากเข้าก็เริ่มมั่นใจเพราะภาพความทรงจำที่หายไปมันกลับคืนมาเป็นฉาก ๆ จนไม่กี่วันก่อนนี้เองที่ผมจำได้ทุกอย่าง จำได้แม้กระทั่งไอ้เวรนั่นที่มาขู่ผมตรงที่จอดรถใต้คอนโดของน้ำหวาน จำได้ด้วยว่าเบรกรถไม่ทำงาน ผมเลยให้น้าไปสืบดูว่ามีใครทำอะไรกับรถหรือเปล่า หรือว่ามีใครได้ประโยชน์จากการตายของผมบ้างไหม”
“แล้วคุณธารจำหน้าคนร้ายได้หรือเปล่าครับ”
“จำได้สิ ขอแค่เจอมันอีกครั้ง แค่ครั้งเดียว ผมไม่ปล่อยมันไว้แน่!” ธีรักษ์ผ่อนลมหายใจช้า ๆ สงบสติอารมณ์ให้กลับไปเป็นปกติ โดยไม่ลืมขอบคุณไกรวิทย์ที่รีบส่งข่าวทันทีที่ได้รับข้อมูล “ผมเดาว่าคนร้ายคงเป็นหนึ่งในแฟนของนางแบบที่มาแคสต์งานวันนั้น เดี๋ยวน้าช่วยหารายชื่อของทุกคนให้ผมด้วยนะ ผมจะลองนัดเจอทีละคนว่าใครมีปัญหากับแฟนช่วงนั้นบ้าง”
หลังจากปรับสีหน้าได้แล้วธีรักษ์จึงกลับเข้าไปในงาน กวาดตามองครู่หนึ่งก็เข้าใจว่าอยู่ในช่วงพักเบรกและคนที่เขาอยากเจอก็ยืนอยู่ไม่ห่างจากมุมอาหารว่าง ซึ่งมีคนยืนอยู่จำนวนไม่น้อย แต่แทนที่จะได้เห็นหน้าหวาน ๆ ยืนส่งยิ้มน่ามองให้กับคนรอบตัว เขากลับเห็นเธอทำตาแดง ๆ เหมือนกำลังจะร้องไห้ และพอเข้าไปใกล้ก็ได้ยินประโยคที่ทำให้เขาเดือดแทบคลั่ง
“ลูกคนใช้อย่างแกไม่มีสิทธิ์เสนอหน้าเข้ามาในงานนี้ด้วยซ้ำ แล้วก็อย่าคิดนะว่าคุณธารจะจริงจังกับแก อย่างแกก็เป็นได้แค่ของเล่นที่เขาเสียเงินซื้อมา พอเบื่อก็เขี่ยทิ้งไม่ต่างจากขยะสกปรก!”
“ผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้วนะครับคุณพลอยแสง”
เขาอยากตะโกนดัง ๆ ใส่หน้าทุกคนที่ยืนอยู่บริเวณนั้น แต่ประสบการณ์ทำให้รู้ว่าทำเช่นนั้นไม่ช่วยอะไร การเชือดแบบนิ่ม ๆ ต่างหากที่ให้ผลดีเกินคาด
“น้ำหวานเขาเป็นตัวจริงของผม ผมไม่ได้จ่ายเงินซื้อมา แล้วเธอก็ไม่ได้เร่ขายแต่ไม่มีใครเอาเหมือนใครบางคน”
“คุณธาร! คุณธารว่าพลอยเหรอคะ!”
“ใครอยากรับก็รับไป อ่อ ผมไม่ได้มางานแบบนี้เสียนาน นึกไม่ถึงเลยนะครับว่าทุกอย่างจะยังเหมือนเดิม มางานการกุศล แต่ยืนดูคนถูกแกล้งโดยไม่ยื่นมือเข้าช่วย ไม่แม้แต่จะพูดอะไรเลยสักคำ ผมว่ามันค่อนข้างจะย้อนแย้งอยู่นะครับ อยากได้บุญ แต่มาเป็นพยานให้คนบาปรังแก…”
“คุณธาร!” พลอยแสงตะคอกเสียงดัง
“ไม่เอาสิครับ เสียงดังแบบนี้มันดูไม่เป็นผู้ดีอย่างที่คุณหลอกตัวเองว่าเป็นเลยนะครับ” ธีรักษ์คงสนุกกับการปั่นหัวไฮโซจอมปลอมมากกว่านี้ หากเสียงหวานเศร้าไม่หยุดเขาไว้เสียก่อน
“คุณธารคะ ภาพเมื่อตะกี้จบที่หกแสนนะคะ ส่วนอีกภาพที่คุณธารอยากได้กำลังจะเปิดประมูล คุณอยากให้น้ำหวานเสนอราคาต่อ หรือว่าจะจัดการเองดีคะ” ภัควรินทร์ถามจบก็สูดจมูกเบา ๆ กลั้นน้ำตาไว้อย่างสุดความสามารถ เธอทนกับคำดูถูกเหล่านี้มาตลอดชีวิต ทั้งจากผู้ใหญ่ในบ้านและคนนอกอย่างพลอยแสง ไม่มีทางที่เธอจะร้องไห้เพราะคำพูดเดิม ๆ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ต่อหน้าคนจำนวนมาก
“ผมไม่น่าทิ้งคุณไว้คนเดียวเลย” เขากระซิบหลังจากจับมือเธอ พาเดินออกจากกลุ่มคุณหญิงคุณนายใจร้ายที่มาร่วมชมพฤติกรรมหยาบคายของพลอยแสง
“น้ำหวานสบายมากค่ะ ลองได้ประมูลเหมือนคนรวยดูบ้างก็สนุกดีเหมือนกัน” ภัควรินทร์ฝืนยิ้ม อดทนไม่ยอมร้องไห้เพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น
“ภาพที่คุณธารอยากได้ขึ้นสไลด์แล้วค่ะ เริ่มต้นที่สองแสน ให้น้ำหวานจัดการต่อเลย…”
ทว่าธีรักษ์ไม่ใช่ผู้ชายที่มีความอดทนมากขนาดนั้น
“หนึ่งล้าน!”
ธีรักษ์เสนอราคาสูงกว่าที่ศิลปินท่านนี้เคยได้รับเกือบสามเท่า หลังจากรอไม่ถึงนาทีพิธีกรก็ประกาศว่าเขาคือเจ้าของภาพทั้งสอง แต่เขากลับออกตัวเสียงดังว่าภาพนั้นไม่ใช่ของตน
“ทั้งสองภาพเป็นของนางสาวภัควรินทร์ ฐิติเมธานนท์ รบกวนลงชื่อให้ถูกต้องด้วยนะครับ”
ธีรักษ์กล่าวจบก็พาเจ้าของภาพกลับบ้าน ไม่อยู่ปั้นหน้าคุยกับพวกผู้ดีใจร้ายให้เปลืองน้ำลายอีก
