บทที่ 18
“คุณธารให้ผมเข้าไปในงานด้วยดีกว่านะครับ” ไกรวิทย์เสนอตัวเพราะเป็นห่วงเจ้านาย
“ผมดูแลตัวเองได้น่า” ธีรักษ์ขัดเบา ๆ
“แต่งานนี้ดูแล้วคนน่าจะเยอะ อาการของคุณธาร…”
“ช่วงนี้ผมไม่ค่อยปวดหัวแล้วละ ว่าแต่เรื่องรถที่ให้สืบได้ความว่ายังไงบ้าง มีใครดูน่าสงสัยหรือเปล่า”
“กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ครับ ไม่เกินอาทิตย์หน้าคงเรียบร้อย เอ่อ คุณธารมั่นใจจริง ๆ เหรอครับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่อุบัติเหตุ”
ธีรักษ์พยักหน้าก่อนลงจากรถ มือหนากลัดกระดุมสูทให้เรียบร้อยขณะเดินเข้างานการกุศล เสียงโวยวายของนักข่าวและแสงแฟลชไม่ได้ทำให้เขารำคาญ เนื่องจากความทรงจำกลับคืนมาหมดแล้ว สิ่งเร้ารอบตัวจึงไม่ได้กระตุ้นให้เขาต้องเค้นสมองเพื่อจดจำภาพที่ขาดหายไปอีก
เรื่องนี้ต้องขอบคุณภัควรินทร์ นอกจากการสานสัมพันธ์กับเธอในค่ำคืนนั้นแล้ว ยังมีอีกเหตุการณ์ที่เขาจำไม่ได้ เมื่อภาพทุกอย่างชัดเจนเขาจึงมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าของอีกวันเมื่อห้าปีก่อนไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา ทว่ามีคนจงใจทำให้มันเกิดขึ้น ส่วนตัวเขาก็ไม่ได้เมาแล้วขับอย่างที่ทุกคนเข้าใจ
“คุณธารมาด้วยเหรอคะเนี่ย พลอยดีใจจังเลยที่ได้เจอกับคุณอีก” พลอยแสงถือวิสาสะสอดแขนควงทายาทอันดับหนึ่งของตระกูลอัครจินดานนท์ที่แขกในงานต่างก็กล่าวถึง ราวกับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ไปที่บ้านเธอเพื่อทวงค่าเสียหายที่ทำให้ผู้ช่วยบาดเจ็บจนเขาเสียเวลาไปด้วย นาทีนี้เธออยากได้ผู้ชายที่ทุกคนอยากได้ เรื่องเล็กน้อยไม่กี่วันก่อนหากลืมได้ก็ควรลืม
“คุณพลอยแสงไม่สบายหรือเปล่าครับ” ธีรักษ์ยกยิ้มมุมปาก แต่แววตากลับเรียบเฉยจนน่ากลัว
“เปล่านี่คะ พลอยสบายดี แล้วทำไมวันนี้คุณธารถึงได้ใส่แว่นล่ะคะ สวมบทมาเฟียสุดฮอตอยู่หรือเปล่า” พลอยแสงหยอกเย้าอย่างเป็นกันเอง เพื่อให้คนรอบตัวเข้าใจว่าเธอกับไฮโซหนุ่มที่เพิ่งหวนคืนสู่วงการสนิทสนมกัน “หรือว่าอยากดูลึกลับน่าค้นหา เหมือนพระเอก…”
“นี่ชีวิตจริงนะครับ ไม่ใช่ละคร ผมใส่แว่นก็เพราะว่าผมไม่ชอบแสงจ้า อ่อ แล้วถ้าคุณสบายดีก็ควรจะเดินเอง ไม่ใช่มาเกาะแขนผมเหมือนคนป่วยแบบนี้”
ธีรักษ์ดึงแขนตัวเองออกและเดินตามเจ้าหน้าที่ไปยังโต๊ะด้านหน้าเพื่อลงทะเบียน เขาไม่อยากอยู่ที่นี่นาน หากเป็นไปได้ก็จะรีบประมูลของราคาสูงสักสามสี่ชิ้นแล้วขอตัว เผื่อว่ากลับไปที่บ้านแล้วจะเจอภัควรินทร์ที่อาจรออยู่
คนที่อยู่ในบริเวณนั้นได้ยินถ้อยคำตัดรอนของไฮโซหนุ่มก็พากันหัวเราะคิกคัก สมน้ำหน้าพลอยแสงที่แสดงตัวเป็นเจ้าของคนที่ไม่อยากถูกเป็นเจ้าของ เธอตวัดสายตามองคนโดยรอบอย่างไม่พอใจ ก่อนหยุดจ้องหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนประหม่าอยู่บริเวณทางเข้างาน หลังจากมองจนมั่นใจแล้วว่าไม่ได้ตาฝาด พลอยแสงจึงปราดเข้าไปทักทายคนที่เพิ่งทำให้ครอบครัวของเธอต้องเสียเงินแสนทันที
“ใครเชิญเธอมาจ๊ะ ยัยน้ำเน่า!” พลอยแสงยิ้มเหยียด กล่าวทักทายด้วยคำที่มักทำให้อีกฝ่ายหลุดตอบโต้ หรืออย่างน้อยก็ในสมัยเรียน แต่ดูเหมือนว่าวันนี้กำแพงความอดทนของคนตรงหน้าจะสูงและหนาขึ้น จนคำเรียกหยาบคายกระตุ้นโทสะไม่ได้อย่างที่เคย
“อย่าเพิ่งหาเรื่องกันเลยนะพลอย วันนี้เรามาทำงาน ว่าแต่เธอเห็นคุณธารหรือเปล่า?”
น้ำเสียงเจ้านายหนุ่มตอนที่คุยโทรศัพท์ทำให้ภัควรินทร์ไม่สบายใจ กลัวว่าเขาจะโกรธที่ผิดคำสัญญาว่าจะมางานการกุศลด้วยกัน จึงขอยืมชุดของลูกพี่ลูกน้องสาวอย่างเจนิตามาสวมและขอให้คนขับรถของที่บ้านมาส่งจนถึงสถานที่จัดงาน แทนการพักผ่อนให้หายจากอาการครั่นเนื้อครั่นตัว
“มาถึงก็ถามหาผู้ชายเลยนะ แล้วนี่แต่งตัวมาจับผู้ชายหรือยังไงจ๊ะ แต่คงยากหน่อยนะ เพราะงานนี้เขามีแต่ผู้ดีตัวจริง ไม่ใช่ลูกคนใช้ที่สะเออะหัวสูง ปล่อยตัวเองท้องจับเจ้านาย…”
หญิงสาวไม่พอใจที่ศัตรูคู่อาฆาตแต่งตัวดีกว่าที่เคยเห็น เดรสสีชมพูดูเหมือนจะเรียบร้อย แต่ช่วงอกเผยความอวบอิ่ม แผ่นหลังเปลือยเปล่าน่ามอง ส่วนกระโปรงนั้นยาวคลุมหัวเข่า ทว่าเรียวขาที่โผล่พ้นออกมานั้นก็น่ามองอย่างมากอยู่ดี
“พลอย! นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ เราไปทำอะไรให้เธอนักหนา” ภัควรินทร์ไม่อยากเป็นจุดสนใจไปมากกว่าที่เป็นอยู่จึงพยายามควบคุมอารมณ์ ทั้ง ๆ ที่ในใจเดือดพล่าน
“สำหรับคนอย่างแก แค่นี้มันไม่มากเกินไปหรอก!”
“ถ้าเธอโกรธเราเรื่องเรียน เราขอบอกเลยนะว่ามันไร้สาระมาก แต่ถ้าเธอโกรธเราเรื่องผู้ชาย…พลอย เราไม่รู้จริง ๆ ว่าตอนนั้นเธอกับแฟนยังคบกันอยู่ เขาบอกว่าเลิกกับเธอเลยมาจีบเรา แต่พอเรารู้ว่าเขาไม่ได้โสดอย่างที่พูดก็หยุดคุยเลยนะ”
ภัควรินทร์ละความจริงที่ว่าตัวเองยึดติดกับคำของธีรักษ์จนทำให้ไม่กล้าคบหาใครจริงจัง เรื่องน่าอายพรรค์นั้นต้องเก็บเป็นความลับเอาไว้ให้ดี
“แล้วถ้าแฟนเก่าเธอมาจีบเรา ทั้ง ๆ ที่ยังคบกับเธออยู่ มันก็หมายความว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ดีพอที่จะน่าเสียดายเลยนะ เธอควรดีใจที่หลุดพ้นจากคนแย่ ๆ นะพลอย”
“อย่างฉันเนี่ยนะเสียดายผู้ชาย!?” พลอยแสงถูกพูดแทงใจดำจึงตวาดลั่นเพื่อข่มความอับอาย “ที่ฉันบอกว่าสำหรับคนอย่างแกมันไม่มากเกินไปน่ะ ฉันหมายถึงคนกำพืดต่ำ ๆ อย่างแกถูกด่าก็สมควรแล้ว อย่ามาทำตัวสูงส่งเพราะนามสกุลที่คุณหญิงแจ่มจันทร์ให้ยืมใช้หน่อยเลย เลือดขี้ข้ามันก็เป็นขี้ข้าอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ!”
“คุณพลอยแสง” เสียงเรียบเข้มดังขึ้นทำเอาคนที่กำลังสนุกกับการพูดจาร้ายกาจถึงกับชะงัก เธอหันไปตามเสียงเรียกและพบว่าผู้ชายที่ควรสร้างความประทับใจให้ยืนห่างไปไม่กี่ก้าว และเขากำลังโกรธมากเลยทีเดียว
