บท
ตั้งค่า

บทที่ 17

เสียงตวาดของคุณหญิงแจ่มจันทร์ทำให้คนที่เพิ่งเข้ามาในบ้านถึงกับสะดุ้ง ไม้เรียวในมือเหี่ยวย่นตวัดดังขวับผ่านอากาศ กระทบบั้นท้ายของคนที่กำลังยืนนิ่ง รับการลงโทษโดยไม่ปริปากบ่น แม้จะเชื่อหมดใจว่าตัวเองไม่ใช่คนผิดก็ตาม

“คุณย่าตีน้องทำไมคะ!”

เจนิตา ฐิติเมธานนท์ ทิ้งขนมที่ซื้อมาฝากลูกพี่ลูกน้องสาวลงพื้น วิ่งไปแย่งไม้เรียวในมือของหญิงชรา ก่อนหักมันออกเป็นสองท่อน หากเป็นเมื่อสิบกว่าปีก่อนก็คงไม่กล้า แต่ตอนนี้เธอโตมากพอที่จะปกป้องน้องสาวของตัวเองแล้ว

“ก็ยัยน้ำหวานมันก่อเรื่องงามหน้าน่ะสิ! ฉันถึงต้องตีมันให้รู้จักหลาบจำ มีอย่างที่ไหน ซุ่มซ่ามหกล้มเองแล้วโทษคนอื่น ทำให้หนูพลอยถูกคุณพ่อคุณแม่ดุ ไหนจะเรื่องที่มันหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปอยู่กับผู้ชายอีก!”

“หนูไม่ได้หนีนะคะ” ภัควรินทร์เจ็บจนลืมตัว แทนตัวเองเหมือนสมัยยังเด็ก พอคิดได้ว่าโตเกินกว่าจะใช้คำนั้นแล้วจึงกัดริมฝีปากแน่น เรียกสติให้กลับมายังปัจจุบันและบอกกับตัวเองว่าห้ามร้องไห้เด็ดขาด

“น้ำหวานแค่ไปทำงาน…”

“อย่ามาเถียงฉันนะ! หนูพลอยเขาบอกฉันหมดแล้วว่าแกย้ายไปอยู่กับพวกชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้า สันดานแกมันเหมือนกับพ่อของแกไม่มีผิด!”

“คุณย่าคะ! คุณอาจักรกฤษณ์ก็ตายไปตั้งนานแล้ว เลิกพูดถึงเรื่องเก่า ๆ เถอะค่ะ เจนขอร้อง หรือไม่ก็เห็นแก่คุณปู่ท่านก็ได้ ท่านขอไว้ก่อนสิ้นว่าให้คุณย่าเมตตาน้ำหวานมาก ๆ คุณย่าลืมแล้วเหรอคะ”

เจนิตาปรามผู้อาวุโสของบ้านไม่ให้อาละวาด แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพราะคุณหญิงแจ่มจันทร์ไม่ได้อารมณ์เย็นลงตามวัยที่เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย ยิ่งคู่ชีวิตไม่อยู่ห้ามปรามด้วยแล้ว การลงโทษภัควรินทร์ก็ยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ

“ถ้าไม่เมตตามันคงตายคามือฉันไปละ! ส่วนเรื่องเลิกพูด ฉันจะเลิกพูดก็ต่อเมื่อมันพิสูจน์ได้ว่าตัวเองเป็นลูกไม้ที่หล่นไกลต้น ไม่ตาต่ำเหมือนพ่อ ไม่ใฝ่สูงเกินตัวเหมือนแม่ แต่เดาว่าคงไม่มีวันนั้นหรอก!” คุณหญิงแจ่มจันทร์เอ่ยออกมาอย่างคับแค้นใจ “ฉันอุตส่าห์เลี้ยงมันให้อยู่ในกรอบ อยากให้มันโตมามีชีวิตที่ดี แต่สุดท้ายก็เชื้อไม่ทิ้งแถว!”

“น้ำหวานยืนยันว่าไม่ได้หนีไปกับใครค่ะ ที่มีคนเห็นว่าอยู่กับผู้ชายก็เพราะกำลังทำงาน” ภัควรินทร์กัดฟันกรอด แสบเนื้ออ่อนตรงบั้นท้ายแทบทนไม่ไหว แต่เธอจะไม่ยอมให้ใครเห็นน้ำตาแห่งความอ่อนแอโดยเด็ดขาด

“น้ำหวานทำงานให้กับบริษัทในเครืออัครจินดานนท์ตามที่ได้เรียนคุณย่าไว้ก่อนหน้านี้ค่ะ หน้าที่ของน้ำหวานคือคอยอำนวยความสะดวกให้คุณธีรักษ์ในฐานะผู้ช่วย ท่านไม่ชอบทำงานที่บริษัท น้ำหวานเลยต้องเข้าไปที่บ้านบ่อย ๆ คอยดูแลเรื่องเอกสารกับจัดประชุมออนไลน์ ถ้าคุณย่าไม่เชื่อจะให้พี่เจนไปสืบดูก็ได้นะคะ”

“นี่แกกล้าย้อนฉันเหรอ ยัยน้ำหวาน!”

ภัควรินทร์ก้มหน้ามองพื้น ปลงกับเรื่องที่ต้องเจออยู่เรื่อย ๆ หากไม่อธิบายก็กลายเป็นเป้านิ่ง ถูกตีก้นช้ำไปหลายวัน แต่ถ้าพูดขึ้นมาก็จะกลายเป็นคนก้าวร้าวทุ่มเถียงผู้ใหญ่และสุดท้ายก็ถูกตีอีกเหมือนเดิม ไม่เปลืองพลังงานไปกับการแก้ตัวน่ะดีที่สุดแล้ว

“คุณย่าใจเย็นก่อนนะคะ ยัยน้ำหวานไม่ได้ไปเกเรที่ไหนจริง ๆ ค่ะ เจนเพิ่งคุยกับคุณแทนเมื่อวานนี้เอง ว่าพี่ชายของเขากลับไทยมาได้เกือบเดือนแล้ว แต่เลือกทำงานจากที่บ้านเพราะยังไม่พร้อมเข้าบริษัท คือคุณแทนเห็นนามสกุลของน้ำหวานเลยลองถามดูน่ะค่ะ ว่าใช่คนในครอบครัวของเราหรือเปล่า”

หญิงสาวเล่าต่อด้วยว่าภัควรินทร์พักอยู่ที่พักสำหรับพนักงาน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านของเจ้านายนัก หากเธอต้องคอยดูแลธีรักษ์จริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เข้านอกออกในบ้านหลังนั้นจนทำให้คนเข้าใจผิดไป

“อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกทำเกินกว่าหน้าที่ผู้ช่วย แต่จะว่าไปตาธารเขาก็คงไม่สนเด็กไม่เอาไหนอย่างแกหรอก ต้องเรียนเก่ง ๆ ชาติตระกูลดีอย่างหนูพลอยถึงจะเหมาะสมกัน”

คุณหญิงแจ่มจันทร์ชมหลานสาวของเพื่อนสนิทต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ได้สนความรู้สึกของคนที่ถูกตีก่อนหน้า ซ้ำร้ายยังเหน็บด้วยว่าอย่างไรภัควรินทร์ก็ไม่มีทางทำให้อัครจินดานนท์ภาคภูมิใจได้ ต่างจากเจนิตาที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและเป็นที่กล่าวขวัญในวงการ เช่นเดียวกับบิดาและมารดาที่ดูแลกิจการของตระกูลอยู่ทางภาคใต้ นานครั้งจึงจะเข้ากรุงเทพฯ มาเยี่ยมเยียนตามโอกาสสำคัญ

“ลงมากินข้าวเย็นให้ตรงเวลาด้วยล่ะแม่คนโลกส่วนตัวสูง ไม่ใช่ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง กลับมาบ้านก็รู้จักทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง ไม่ใช่มากิน ๆ นอน ๆ ให้เปลืองเงินเปลืองทองของฉันเล่น”

“ค่ะ คุณย่า” ภัควรินทร์รับคำเพราะไม่อยากมีปัญหา เลิกคิดนานแล้วว่าควรทำอย่างไรให้คุณย่าแจ่มจันทร์เอ็นดู

เรื่องการเรียนเธอสูสีกับพลอยแสงมาโดยตลอด บางวิชาได้คะแนนสูงกว่าด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องงานเธอขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ได้ขอความช่วยเหลือหรือใช้เส้นสายของครอบครัว แต่ต่อให้เก่งแค่ไหน ทำงานกับบริษัทที่มีชื่อเสียงมากเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ เพราะเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเธอไม่ได้ช่วยให้ผู้ใหญ่ในบ้านยอมรับได้อยู่ดี

ความไม่พอใจแล่นพล่านอยู่ในอกของธีรักษ์หลังรู้ข่าวว่าลูกหนี้ผู้ควบตำแหน่งผู้ช่วยส่วนตัวของเขาไม่สะดวกที่จะมางานประมูลทั้ง ๆ ที่ตกลงกันไว้แล้ว เขาเดาจากเสียงเธอว่าคงเบื่อและไม่อยากไปงานที่มีแต่เหล่าไฮโซอวดความรวย หรือไม่ก็แกล้งรวยเพื่อให้มีที่ยืนในสังคม ลักษณะนิสัยเช่นเดียวกับกลุ่มเพื่อนในมหาวิทยาลัยของเธอไม่ผิด

‘น้ำหวานไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราต้องเสแสร้งเพื่อให้ได้รับการยอมรับขนาดนั้นด้วย คนเราถ้ายอมรับตัวเองยังไม่ได้ แล้วทำไมคิดว่าคนอื่นจะยอมรับได้ก็ไม่รู้…’

ตัวเขาเองก็ใช่ว่าจะอยากไป แต่ช่วงนี้ต้องปรากฏตัวบ้างเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับบอร์ดบริหาร ว่าถ้าน้องชายตัวดีอย่างทิวากรสร้างปัญหาหรือมีข่าวไม่ดีอีก คนเป็นพี่ชายอย่างเขาก็ยินดียื่นมือเข้ารับช่วงต่อ แม้ความจริงแล้วจะอยากทำงานอยู่ที่บ้าน นาน ๆ ครั้งค่อยเข้าบริษัทก็ตาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel