บท
ตั้งค่า

บทที่ 15

“หนูเป็นของผมแล้วนะน้ำหวาน…”

ธีรักษ์จูบเธอแรง ๆ บนหน้าผากก่อนช่วยแต่งตัวให้เรียบร้อย กระดุมเม็ดบนของภัควรินทร์หลุดไปไหนไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ชัดคือเขานี่แหละเป็นตัวต้นเหตุ

“เงียบแบบนี้อยากจูบกันต่อใช่ไหม” มือใหญ่สัมผัสกลีบปากบวมเจ่อแผ่วเบา ไม่มีความรู้สึกผิดอยู่บนใบหน้า มีเพียงความต้องการที่จะครอบครองเป็นเจ้าของ กักกอดเธอไว้ไม่ให้ใครพบเจอ

“คุณมันพวกฉวยโอกาส…” เธอต่อว่าเขาเสียงเบา

“ถ้าผมฉวยโอกาสคงไม่ใช่แค่จูบ แต่เป็นอย่างอื่นที่ต้องใช้เวลานานกว่านั้นมาก” ธีรักษ์พูดออกมาอย่างคนไม่รู้จักคำว่าอาย เขาพอใจที่เธอยังรักษาสัญญา ความไม่ประสาในการจูบเมื่อครู่นั้นยืนยันได้เป็นอย่างดี “แต่ถ้าคุณอยากลอง ผมก็ยินดีและเต็มใจที่จะจัดให้”

“น้ำหวานไม่พูดกับคุณแล้ว”

ภัควรินทร์ว่าเขาได้ไม่เต็มปากเพราะเมื่อครู่ที่ผ่านมาไม่มีคำว่า ‘ไม่’ หลุดออกจากปากของเธอเลยสักคำ และถ้าเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเมื่อห้าปีก่อนก็คงโทษใครไม่ได้ ต้องโทษความใจง่ายของตัวเองที่ถูกแตะนิดหน่อยก็พ่ายแพ้ต่อความต้องการ ลืมแล้วว่าการหักห้ามใจตัวเองนั้นต้องทำอย่างไร

“ไม่พูดก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ให้จูบคงอดใจไม่ไหว” เขายื่นหน้ามาใกล้เธอ ยกยิ้มพลางกระซิบประโยคเด็ดก่อนขบใบหูเล็กเบา ๆ “ผมชอบปากนิ่ม ๆ ของหนูที่สุดเลยนะ”

ภัควรินทร์ผลักเขาออกเบา ๆ ทว่าคนตัวใหญ่กว่ามากไม่สะเทือน ใช้กำลังบังคับเอนตัวเธอลงนอน พรมจูบบนใบหน้าสวยหวานจนพอใจแล้วค่อยออกไปเตรียมอุ่นอาหารเย็น

ทิ้งให้คนดื้ออารมณ์เสียที่เผลอใจปล่อยตัวตามลำพัง

ธีรักษ์หน้าด้านกว่าที่คิดไว้มาก

เขาอ้างว่าต้องดูแลคนเจ็บตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จึงทำตัวติดกับเธอไม่ยอมห่าง เว้นแค่เวลาเข้านอนและตอนเข้าห้องน้ำที่ยังยอมให้อิสระเธอบ้าง

“คุณไม่ควรทำแบบนี้” เธอดันอกกว้างออกเมื่อถูกหอมเป็นครั้งที่สิบของวัน “เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

ธีรักษ์อารมณ์ดีเกินกว่าจะใส่ใจการประชดประชันของลูกหนี้สาว ทั้งยังไม่สนใจสายตาแม่บ้านสาวใหญ่ที่ยืนหัวเราะคิกคัก มองคู่หนุ่มสาวที่เหมาะสมกันราวกับพระนางในละครทีวี นางมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดบ้านในช่วงเช้าเพียงแค่สามถึงสี่ชั่วโมง แต่กลับมองออกว่าเจ้านายจริงใจมากแค่ไหน ในขณะที่สาวสวยคนนั้นก็เอาแต่นิ่วหน้า ไม่รู้สักนิดว่าตัวเองคือคนสำคัญ

“หน้าหนาเกินไปแล้วนะคะ ไม่อายน้าแหม่มหรือไง”

ภัควรินทร์บ่นอุบ แม่บ้านของธีรักษ์รู้งานมากก็จริง ไม่เคยพูดจาให้เธออึดอัดกับสถานะที่เป็นอยู่ มาก็ทำงานเงียบ ๆ แทบไม่รู้ว่าอยู่ในบ้านด้วยซ้ำ เวลากลับเงียบยิ่งกว่า เธอสงสัยจึงสอบถามไกรวิทย์ดู ปรากฏว่าเจ้าของบ้านสะดวกอย่างนั้น เพราะเขารักความเป็นส่วนตัวอย่างที่สุด

รักความเป็นส่วนตัว แต่หนีบเธอไปด้วยทุกที่เนี่ยนะ?

คนที่ถูกนินทาในใจรอจนเธอเผลอและช่วงชิงความหอมหวานจากแก้มนิ่มอย่างที่ทำมาตลอดทั้งสัปดาห์ พอเธอทำหน้ามุ่ยจึงค่อยหยุดแกล้งและเริ่มพูดคุยกันจริงจัง

“เราสองคนไม่ได้เพิ่งรู้จักกัน เนื้อตัวของหนูผมก็เคยเห็นมาหมดแล้ว แบบนี้เรียกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันได้เหรอครับ”

เขาจับปอยผมที่ตกลงมาทัดใบหูไว้ดังเดิม ความจริงภัควรินทร์ก็หวีผมเรียบร้อยทุกวันนั่นแหละ แต่เป็นเขาเองที่ชอบแกล้งเธอ ยีผมยาวสลวยจนยุ่งเหยิง บางครั้งก็กอดหอมจนเธอหน้าบึ้งตึงไปหลายชั่วโมง

“เป็นก็ได้ค่ะ แต่เป็นแค่เจ้าหนี้กับลูกหนี้นะคะ แล้วถ้าคุณยังเอาเปรียบน้ำหวานอยู่แบบนี้ น้ำหวานจะ…”

ภัควรินทร์พ่นลมหายใจแรง ๆ รู้ว่าห้ามใจตัวเองไม่ได้ แต่จะให้เสียเปรียบอย่างเดียวก็คงไม่ดีนัก “น้ำหวานจะหักหนี้ น้ำหวานจะไม่ยอมให้คุณรังแกฟรี ๆ แล้ว”

“หักหนี้?”

“กอดหนึ่งพัน หอมสามพัน”

เขาไม่ได้แตะต้องเกินกว่าการกอดและหอม ภัควรินทร์จึงไม่ได้สาธยายราคาค่าตัวเพิ่มเติม “นับจากวันนี้ไปน้ำหวานจะเริ่มนับแล้วนะคะ คุณหอมแก้มบ่อย ๆ เลยก็ได้ น้ำหวานจะได้รีบไปจากที่นี่เสียที”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel