บทที่ 14
หัวใจของภัควรินทร์เต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก
กลิ่นตัวของเขาหอมน่ากอดจนเธออยากจะซุกหน้าลงไปบนอกกว้าง แต่ก็ต้องข่มใจแสร้งทำเป็นไม่รู้สึก ไม่ตอบเมื่อเขาถามว่ากินยาแล้วหรือยัง ทำเพียงพยักหน้าเพราะไม่อยากต่อปากจนสูญเงินหมื่น เสียโอกาสที่จะทำให้ไปจากเขาได้เร็วยิ่งขึ้น
“ถ้าทางนั้นโอนเงินค่าทำขวัญมาผมจะหักหนี้ให้ จากที่ต้องอยู่กับผมห้าเดือนจะได้เหลือแค่สามเดือน คุณเห็นด้วยไหม หรืออยากได้เงินสดไปเก็บไว้เอง แล้วอยู่กับผมให้ครบห้าเดือน”
หญิงสาวส่ายหน้ารัว ๆ ไม่ออกความเห็นเพราะกลัวเขาจะหาว่าเถียง ก้มหน้าพาตัวเองลงจากรถตามเขาไป แต่ยังไม่ทันได้หย่อนขาลง ร่างของเธอก็พลันลอยหวือ จากที่ตั้งใจว่าจะไม่พูดก็กรีดร้องออกมาเบา ๆ
“คุณธารปล่อยน้ำหวานนะคะ!”
“พูดได้แล้วเหรอ ผมนึกว่าหนูเป็นใบ้ไปแล้วเสียอีก”
เขาหัวเราะเบา ๆ ไม่สนใจเธอที่ตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ รีบบอกให้ไกรวิทย์กลับไปพักผ่อนก่อนเดินกลับเข้าบ้าน
“ทำไมถึงหน้าแดงขนาดนั้น เจ็บมากเลยเหรอ”
ภัควรินทร์ส่ายหน้าพลางกัดริมฝีปากของตัวเอง เจ็บน่ะเจ็บอยู่แล้ว แต่ที่ทำให้เธอหน้าแดงน่าจะเป็นความทรงจำที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่เลือกเวลาต่างหาก
‘กลัวว่าจะอดใจไม่ไหว ทำมากกว่าแค่อุ้มน่ะสิ…’
เสียงนุ่มทุ้มน่าฟังของเขาในวันนั้นทำให้ภัควรินทร์ใจสั่น หวั่นไหวไปกับความอบอุ่นที่ได้รับ แต่พอนึกได้ว่าเขาหายตัวไปหลังจากทำเรื่องนั้นกับเธอ ความรู้สึกดี ๆ ก็หายวับ เหลือเพียงความกรุ่นโกรธที่ยังคงตกค้างอยู่ แม้ก่อนหน้านี้จะยอมรับแล้วว่าตัวเองผิดที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ตอนนี้เธออยากโกรธเขาให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้สร้างกำแพงป้องกันไม่ให้หัวใจต้องเจ็บ
ภัควรินทร์ไม่อยากตกหลุมรักเขาอีกเป็นครั้งที่สอง
“อาบน้ำเสร็จแล้วเรียกผมนะ” ธีรักษ์วางร่างของคนเจ็บแล้วดื้อไว้บนเตียง เตรียมกลับเข้าห้องไปอาบน้ำแล้วออกมาอุ่นอาหารที่เหลือจากเมื่อช่วงบ่าย ทว่าคำถามของเธอกลับทำให้เขาต้องหยุดฝีเท้าชั่วขณะ
“ทำไมต้องเรียกด้วยคะ”
“ผมจะได้ช่วยประคองคุณออกไปกินข้าวเย็นไง”
“ไม่ต้องประคองหรอกค่ะ น้ำหวานเดินเองได้ อีกอย่างน้ำหวานว่าจะลดน้ำหนัก เลยกะว่าจะไม่ทานข้าวเย็น”
“หุ่นดีอยู่แล้วจะลดทำไม…” ธีรักษ์กลืนน้ำลาย ยกมือนวดขมับตัวเองเบา ๆ เมื่อภาพยามที่เขาสัมผัสเรือนร่างอวบอิ่มปรากฏขึ้นในความทรงจำ
“ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบให้เถียง”
“น้ำหวานไม่ได้เถียงนะคะ น้ำหวานแค่อธิ…”
ภัควรินทร์พูดไม่ทันจบประโยคเรือนร่างของเธอก็ถูกทาบทับกักกอดโดยไม่ตั้งตัว มือหนาสอดเข้ากลุ่มผมนุ่มดำขลับ ริมฝีปากหยักบดจูบลงบนกลีบปากสีชมพูระเรื่อรุนแรง
สัมผัสของคนมากประสบการณ์ทำให้หญิงสาวอ่อนระทวยไปทั้งร่าง หอบหายใจถี่จนต้องทุบอกกว้างเบา ๆ เพื่อเอาตัวรอด เขาใจดียอมปล่อยเธอแค่ครู่เดียวก็รุกเร้าปลุกปั่นต่อ พามือใหญ่สัมผัสสะโพกสวยและบีบเคล้นเบา ๆ เบื้องลึกของหัวใจอยากแตะต้องความหอมหวานที่เขาเคยเชยชิม นำพาความปรารถนาที่ยังคั่งค้างให้ถึงปลายทางแสนหวาน ทว่ามันยังไม่ถึงเวลาอันสมควร
“คุณธาร…” ลมหายใจของภัควรินทร์กระชั้นขึ้นตามจังหวะหวามไหว สมองบอกให้หยุดการกระทำอันจาบจ้วง แต่ร่างกายกลับตอบรับความเร่าร้อน ต้องการให้เขากอดเธอแนบแน่นเสียยิ่งกว่าเดิม
“หนูเจ็บนะ…” เธอท้วงเสียงอู้อี้เมื่อเขากัดไหล่เบา ๆ
ธีรักษ์ไม่เปิดโอกาสให้เธอพูด รีบทาบจูบลงมาอีกครั้ง รู้ตัวอีกทีร่างกายของเธอก็อ่อนปวกเปียก ใบหน้าหล่อเหลาซุกอยู่บนซอกคอขาว ผ่านไปชั่วอึดใจลมหายใจอุ่นร้อนที่กระตุ้นอารมณ์ของภัควรินทร์ให้พรึงเพริดจึงค่อย ๆ ผ่อนช้าลง
“หนูจะหายใจไม่ออกตายแล้วนะคะ”
เมื่อความปรารถนาถูกควบคุมไว้ได้แล้ว ความหวามก็ถูกแทนที่ด้วยความอึดอัด ธีรักษ์ตัวหนักเกินกว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างภัควรินทร์จะรับได้ และเขาเองก็เหมือนจะรู้ตัวจึงรีบหยัดแขนขึ้นข้างหนึ่ง สานสบกับดวงตากลมโตก่อนกล่าวย้ำประโยคที่เคยพูดกับเธอเมื่อหลายปีก่อนอีกครั้ง
