บทที่ 12
“น้ำหวานรู้แล้วแหละค่ะว่าคุณธารจ้องอะไรนาน ๆ ไม่ได้ ไม่งั้นจะปวดหัว”
“ไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิครับ...”
ภัควรินทร์อ้าปากค้างเมื่อได้ฟังข้อมูลทางด้านสุขภาพของเจ้านายหนุ่ม ความโกรธและความน้อยใจเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง เหลือเพียงความเข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงผละออกจากเธอ ทั้ง ๆ ที่ทำท่าเหมือนว่าจะช่วย
ธีรักษ์ไม่ได้แล้งน้ำใจ...เขาแค่กำลังไม่สบาย
ผลข้างเคียงของยาทำให้ธีรักษ์หลับสนิทหลายชั่วโมง เมื่อรู้สึกตัวตื่นก็รีบเข้าห้องน้ำล้างหน้า อารมณ์ดีขึ้นเมื่ออาการปวดหัวที่เล่นงานอย่างรุนแรงจนถึงขั้นอาเจียนก่อนหน้านี้หายไปแล้ว มีเพียงเสียงท้องร้องโครกครากน่ารำคาญที่เกิดจากการรับประทานอาหารผิดเวลา
‘บ่ายสองแล้วเหรอเนี่ย…’
เขามองนาฬิกาพลางลูบหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ทว่าใจกลับประหวัดคิดไปถึงเจ้าของดวงตากลมโตที่เขาทิ้งไว้ที่สวนของหมู่บ้าน ไม่รู้เธอจะโกรธเขามากหรือเปล่าที่ปล่อยให้เจ็บอยู่คนเดียวแบบนั้น
‘คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง บอกน้าไกรให้ไปรับแล้วนี่’
ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่ต้องเป็นห่วง แต่ความรู้สึกที่มาพร้อมกับความทรงจำทำให้ธีรักษ์ไม่อาจนิ่งเฉย รีบไปยังห้องทำงานที่เธอมักง่วนอยู่กับเอกสารบนโต๊ะตัวเล็ก ทว่าไปถึงแล้วกลับพบเพียงความว่างเปล่า แต่ยังไม่ทันเดินหารอบบ้านหรือติดต่อผ่านเครื่องมือสื่อสาร เสียงหวานใสก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“คุณธารหิวหรือยังคะ น้ำหวานจะได้อุ่นอาหาร”
“น้ำหวาน…” เขามองดูเธอเดินกะเผลกเข้ามาในห้องทำงาน คงได้ยินเสียงปิดประตูอย่างไม่ต้องสงสัย “เจ็บมากไหม เอ่อ ผมขอโทษนะที่กลับบ้านมาก่อน พอดีผมเพิ่งนึกได้ว่าติดธุระด่วนน่ะ”
“สบายมากค่ะ ประคบเย็นแป๊บเดียวก็ดีขึ้นแล้ว”
ภัควรินทร์แสร้งไม่รู้ว่าอาการของเขาหนักถึงขั้นอาเจียนอาหารเช้าออกมา ต้องกินยาที่มีฤทธิ์แรงเพื่อระงับอาการจนมึนหลับไปหลายชั่วโมง เขาเป็นหนักขนาดนี้แล้วเธอจะโกรธได้อย่างไร “คุณธารคงหิวแล้วใช่ไหมคะ งั้นน้ำหวานขอตัวไปอุ่นอาหารก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน เจ็บตัวขนาดนี้ไม่ต้องเข้าครัวหรอก เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณไปพักเถอะ วันนี้หยุดงานสักวันก็ได้ ผมเองก็อยากพักเหมือนกัน”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าน้ำหวานหยุดหนึ่งวันก็แปลว่าต้องอยู่กับคุณเพิ่มอีกหนึ่งวัน คุณไปนั่งรอเถอะนะคะ น้ำหวานทำได้”
ภัควรินทร์ยืนยัน ทว่าเจ้าหนี้ของเธอกลับไม่สนใจ เดินเร็ว ๆ ไปยังครัวและลงมืออุ่นอาหาร พอเธอช่วยหยิบจานเขาก็ทำหน้าบึ้งไม่รับแขก ก่อนไล่เธอไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าฟังนัก
“ผมไม่หักวันทำงานคุณหรอก จะไปไหนก็ไปเถอะ หรือต้องให้ผมจ้างคุณหยุดด้วยการลดหนี้ให้ คุณถึงจะเลิกทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตแบบนี้”
“น้ำหวานแค่รักษาสิทธิ์ของตัวเอง น้ำหวานผิดมากเหรอคะ อีกอย่างน้ำหวานก็ไม่ได้ต้องการให้คุณมาลดหนี้ให้ น้ำหวานมีความรับผิดชอบมากพอค่ะ ในเมื่อทำให้คุณเสียเงินก็ต้องชดใช้ให้ครบ ไม่เบี้ยวหนี้ใครอยู่แล้ว” เธอตอบกลับอย่างหงุดหงิด ก่อนพึมพำบ่นคนตรงหน้าเสียงเบา
“แต่ก่อนไม่เห็นเหวี่ยงเก่งแบบนี้เลย…”
“ผมไม่ได้เหวี่ยง คุณต่างหากที่ไม่เจียมสังขารตัวเอง…”
อุบัติเหตุทำให้เขานิสัยเปลี่ยนไปมาก แต่ก็ไม่อยากให้คนแปลกหน้า…หรือคนที่รู้จักกันขาด ๆ เกิน ๆ มาตัดสินกัน
“น้ำหวานไม่ใช่พวกสำออย…”
“เอาละ ๆ ในเมื่อยืนยันว่าไม่เป็นไร งั้นอีกสามชั่วโมงคุณไปบ้านคุณพลอยแสงกับผมก็แล้วกัน”
“ทำไมต้องไปด้วยล่ะคะ” ภัควรินทร์ถามอย่างไม่พอใจ นี่จะลากเธอไปให้ยัยนั่นด่าอีกอย่างนั้นเหรอ หรือว่าจะไปหว่านเสน่ห์เรียกคะแนนนิยมจากสาว ๆ กันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนเธอก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ
“อยากใช้หนี้เร็ว ๆ ไม่ใช่เหรอ” เขาคว้าจานอาหารและเดินหลบแสงแดดที่สาดเข้ามาในห้องครัว ก่อนหย่อนตัวนั่งบนโต๊ะที่อยู่มุมห้อง “เริ่มตอนนี้เลย ถ้าวันนี้คุณไม่เถียงผมจะลดหนี้ให้คุณหนึ่งหมื่นบาท คุณจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับผมนาน ๆ ไปสิ ยืนมองอะไรอยู่ หรือว่ามีอะไรจะเถียง แต่ถ้าเถียงขึ้นมาละก็ ผมยกเลิกข้อเสนอนี้ทันทีเลยนะ”
