บทที่ 2...ไฟแค้นแสนพิศวาส...
"คุณแม่ดูแลงานในไร่ทั้งหมดก็เหนื่อยแย่สิครับ”
ตลอดเวลาที่ผ่านมาชามาตุ์ไม่เคยสนใจไต่ถามเกี่ยวกับงานไร่สวนของบิดามาก่อน เขารับรู้เพียงข้อมูลเกี่ยวกับรายรับรายจ่ายทางอีเมล์จึงรู้แต่ว่ามูลค่าผลผลิตพืชไร่กับรายได้จากบริษัทเครื่องดื่มกับไอศกรีมและแยมสดที่เพิ่งริเริ่มจัดทำขึ้นมาใหม่ช่วยทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มพูนขึ้นอีกเกือบเท่าตัว เพราะทำยอดขายได้ดีมาก
แม้บิดาผู้สร้างทำไร่สวนผืนนี้จะจากไปเกือบสองปี แต่ ผืนไร่กว้างขวางก็ยังคงสภาพสมบูรณ์ดี แสดงว่าได้รับการดูแลเอาใจใส่จึงให้ผลผลิตงดงาม ความละอายใจแล่นเข้าจุกอกชายหนุ่มเมื่อคิดว่าเขาปล่อยให้มารดาต้องทำงานหนักอยู่ลำพังมานานนับปี
“ไม่ใช่แม่หรอกจ้ะ แม่เป็นแต่ผู้ให้กำลังใจและที่ปรึกษาเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ยังคงอยู่ได้และเพิ่มพูนมากขึ้น ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของน้องอัปสรกับคนงานของเราทั้งนั้น”
คุณชนันทายกแก้วน้ำผลไม้รสใหม่ที่มีส่วนผสมจากน้ำผลไม้กับน้ำเกสรดอกไม้หวานชื่นขึ้นจิบอย่างสบายอกสบายใจ น้ำผลไม้สดชนิดนี้เป็นผลผลิตใหม่ที่เพิ่งออกวางตลาดได้เพียงหกเดือนแต่มียอดขายพุ่งแรงแซงหน้าคู่แข่งจนต้องเพิ่มยอดผลิตมาตลอด
“อัปสร...อ๋อ...”
ชามาตุ์งงอยู่แวบหนึ่งก็นึกได้ว่าหญิงสาวที่เขาจดทะเบียนสมรสด้วยชื่อ...อัปสรสินี...แปลกที่ชื่อนี้ฝังอยู่ในใจเขาตลอดเวลา แต่ความทรงจำเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตากลับเลือนราง พลางคิดดูแคลนว่าตั้งชื่อเพราะพริ้งเกินตัว แต่ก็ทึ่งจัดที่มารดาบอกว่างานในไร่นี้เป็นฝีมือของเธอ
“ใช่จ้ะ น้องอัปสรเป็นภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ยังจำได้ใช่ไหมลูก” คุณชนันทาแกล้งย้ำ
ภาพเด็กสาวแต่งตัวกะโปโลด้วยเสื้อลายสก็อตกับกางเกงยีนเก่าๆ ผมดกยาวรุ่ยร่ายแทบจะปิดใบหน้าหมองเศร้าและนัยน์ตาบวมช้ำจากการร้องไห้หนักปรากฏชัดมากขึ้น เป็นไปได้อย่างไรที่เด็กสาวผู้นั้นจะมีความรู้ความสามารถถึงขั้นช่วยสืบสานงานของบิดาเขาได้ดีขนาดนี้ และดูเหมือนเธอจะมีอะไรดีเกินกว่าที่เขาคาดคิดมากด้วย
"เด็กกะโปโลนั่นหรือครับ ดูแลไร่กับเรื่องงานของบ้านเรา"
“น้องไม่ได้เป็นเด็กแล้วนะ ตอนนี้ก็อายุเกือบยี่สิบสามปีแล้ว ยิ่งโตยิ่งสวย มีแต่คนเอ่ยปากชมว่าสวยระดับเทพียังอาย ไม่ได้กะโปโลอย่างที่ลูกว่าเลยนะ" คุณชนันทาเถียงแทนลูกสะใภ้
"สวยระดับเทพีอายเชียวหรือครับ" ชามาตุ์หัวเราะขบขัน
"ใช่จ้ะ สมัยเรียนก็เรียนเก่ง ทำงานก็เก่งขยันขันแข็ง ถ้าพ่อของลูกยังอยู่คงภูมิใจที่มิเสียแรงได้ฟูมฟักเลี้ยงดูสั่งสอนกันมา น้องอัปสรได้ความรู้จากคุณพ่อของลูกเอาไว้เยอะจ้ะ เป็นคนหัวอ่อนว่านอนสอนง่าย แต่เฉลียวฉลาดเป็นที่หนึ่ง เรียนจบปริญญาทางเกษตรพืชไร่เลยนะ เดือนหน้าก็จะได้รับปริญญาด้านอาหารและโภชนาการเพิ่มมาอีกใบ แม่ละชื่นใจจริงๆ"
คุณชนันทาคุยอวดด้วยความปลาบปลื้มและภาคภูมิใจ เห็นสีหน้ากึ่งทึ่งจัดกึ่งไม่อยากเชื่อของบุตรชายก็หัวเราะขบขัน ชามาตุ์เรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยดังในประเทศอังกฤษ มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์งานด้านบริหารธุรกิจมาหลายปี แต่ยังไม่เคยเข้ามาคลุกคลีกับงานไร่สวนทางบ้าน จึงไม่รู้ว่าภรรยาของตัวเองมีบทบาทสำคัญในงานทุกอย่างทางนี้
“คงฉลาดอย่างคุณแม่ว่าถึงเลือกเรียนวิชาที่นำมาใช้ประโยชน์กับงานในไร่ ลูกสะใภ้คุณแม่คุณสมบัติครบเครื่องนะครับ ทั้งสวยทั้งเก่ง อะไรจะเพอร์เฟ็กซ์ขนาดนั้น” ชามาตุ์ชมกึ่งประชด
“เดี๋ยวเจอน้องลูกก็รู้เองว่าสวยจริงไหม แต่เรื่องเก่งเรียนเก่งงานแม่รับรองได้" คุณชนันทานั่งอมยิ้ม อยากรู้นักว่าชามาตุ์จะมีท่าทีอย่างไรเมื่อได้เห็นรูปร่างหน้าตาเมียตัวเอง
"เป็นผู้หญิงทำไมถึงเลือกเรียนเกษตรพืชไร่ล่ะครับ" ชามาตุ์คิดว่าบิดาต้องมีส่วนในการตัดสินใจ เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนจะไม่รักสวยรักงามหรือยอมลำบากตากตรำอยู่กับงานไร่งานสวน
"เรื่องเรียนคุณพ่อกับแม่ไม่ได้เคี่ยวเข็ญหรือกะเกณฑ์อะไร น้องเลือกสอบเข้าเรียนคณะนี้ด้วยความชอบของตัวเอง แถมยังเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เรียนได้เกียรตินิยมของคณะ น้องเป็นเด็กดีทุ่มเทกำลังช่วยเหลืองานในไร่มาตลอด แถมต้องช่วยแม่ดูแลงานทางบริษัทอีก เก่งไหมล่ะ นี่ก็ช่วยคิดค้นไอศกรีมกับเครื่องดื่มรสใหม่มาทำรายได้เพิ่มขึ้นอีก ตอนนี้มียอดขายสูงขึ้นทุกเดือนเลยนะจ๊ะ”
“ถ้าลูกสะใภ้ทำงานได้ขนาดนั้น คุณแม่ก็คงไม่ได้เหนื่อยมากอย่างที่ว่าจริงๆก็ดีครับ ทำให้ผมรู้สึกผิดน้อยลงหน่อยด้วย แล้วเด็กกะโปโลนั่นอยู่ไหนล่ะครับ หรือออกไปไร่แต่เช้ามืด" ชามาตุ์วาดภาพว่าภรรยาของตนเป็นหญิงสาวผิวคล้ำเพราะกรำแดดลมอยู่ในไร่ในสวน ที่มารดากับคนงานชื่นชมว่าสวยก็คงสวยแบบชาวสวนชาวไร่นั่นแหละ
“ชามาตุ์ อย่าเรียกน้องอย่างนั้น ถึงจะอยู่กับไร่กับสวนน้องก็ไม่ได้เชยเปิ่นกะโปโลอย่างที่ลูกว่าหรอกจ้ะ ถึงไม่ได้แต่งตัวสวยหรูอย่างสาวในเมือง ก็รู้จักแต่งพองามพอเหมาะกับตัวเอง ทำเป็นว่าดี ปะเดี๋ยวเถอะ” คุณชนันทาแกล้งดุ นึกค่อนในใจว่า...ถ้าไม่ตะลึงตาค้างก็ให้รู้กันไป...
“ลูกสะใภ้คุณแม่มีอะไรดีนักหนานะ ถึงทำให้คุณแม่หลงได้ขนาดนี้" ชามาตุ์นึกอยากเห็นหน้าลูกสะใภ้ของมารดาเต็มแก่
"หลายอย่างเชียวแหละ อยู่นานไปลูกก็จะรู้เองละจ้ะ" คุณชนันทาลุกจากที่นั่งไปสวมกอดบุตรชายด้วยความปลาบปลื้มยินดีที่ในที่สุดเขาก็กลับมาบ้าน และคาดหวังอย่างยิ่งจะได้เห็นการอยู่ครองคู่ของบุตรชายกับภรรยาตัวจริงเสียที
"ครับ...ผมจะรอดู แล้วคุณแม่จะให้ผมพักห้องไหน ห้องเก่าหรือเปล่าครับ”
ชามาตุ์หอมแก้มมารดาก่อนจะผละออกห่าง กางแขนบิดตัวขจัดความเมื่อยล้า เขาต้องบินจากอเมริกามาลงกรุงเทพฯแล้วต่อมาลงจังหวัดอีกที พอลงจากเครื่องก็เช่ารถจากสนามบินตรงมาบ้านไร่ เพราะไม่ได้บอกให้ใครรู้ล่วงหน้าว่าเขาจะเดินทางมาถึงวันนี้ และตอนนี้เขาเหนื่อยล้าอยากจะอาบน้ำอาบท่าแล้วนอนหลับสักงีบ
“ก็ห้องเก่าลูกสิจ๊ะ แม่ขยับขยายปรับปรุงไว้ให้ใหม่แล้วนะ สวยน่าอยู่กว่าห้องเดิมมากเชียวละ แม่ให้เด็กรับใช้เอากระเป๋าเดินทางขึ้นไปเก็บแล้วจ้ะ” ผู้เป็นมารดายิ้มอย่างมีเลศนัย
“ผมจะขอนอนพักสักหน่อย คุณแม่ต้องการอะไรก็เรียกได้นะครับ”
ชามาตุ์เข้ากอดหอมมารดาอีกครั้ง ดีใจที่ตัดสินใจกลับมาอยู่บ้าน เขาสุขใจที่ได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของมารดาที่ห่างหายไปเสียนาน และตั้งใจจะชดเชยช่วงเวลาที่ขาดหายไป ด้วยการดูแลทุกข์สุขของท่านด้วยความรักความเอาใจใส่ดังที่บุตรอย่างเขาควรกระทำต่อบิดามารดา