บทที่ 4
บ้านศิวานันท์
ทิวากรมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าด้วยอารมณ์หลากความรู้สึก ก่อนที่เขาจะตรงไปที่สวนด้านข้างเพื่อดูอดีตต้นไม้ที่เขาเคยชอบ... ปล่อยให้กายทำหน้าที่ยกกระเป๋าเดินทางไปเก็บให้
พุ่มไม้เล็ก ๆ สีเขียวที่ถูกตัดแต่งกิ่งอย่างดีปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้ความทรงจำที่เขาพยายามลืมแวบเข้ามา
‘ชอบมันมากเลยเหรอครับ’
‘ค่ะ เขมชอบมันมาก ว่ากันว่าต้นแก้วเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง นิยมปลูกกลางแจ้ง หากบ้านไหนปลูกก็จะส่งเสริมให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา แต่เขมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นหรอกค่ะ เขมชอบเพราะรู้สึกว่ามันเหมือนเขม พี่ทิวรู้ไหมคะว่าต้นแก้วเนี่ย ดูแลง่ายมาก ๆ เลยนะคะ ทั้งยังทนแดดด้วย แล้วเวลาออกดอกนอกจากจะมีสีขาวดูบริสุทธิ์สวยแล้วยังหอมมาก ๆ ด้วยนะคะ สรรพคุณของต้นแก้วก็มีหลากหลายและมีประโยชน์สุด ๆ ไปเลยค่ะ ต้นแก้วนี้เขมให้พี่ทิวแล้วไม่รับคืนนะคะ ดูแลมันให้ดี ๆ ด้วย ไม่งั้นเขมไม่ยอมแน่’
‘อ้อ พี่เข้าใจละ’
‘เข้าใจว่าอะไรคะ’
‘เข้าใจว่าที่พูดมายืดยาวเป็นเพราะอยากให้พี่ดูแลมันให้ดีนี่เอง ทั้งยังเจ้าเล่ห์แอบขู่พี่กลาย ๆ ว่าจะไม่ยอมถ้าไม่ดูแลมันให้ดี พูดแบบนี้หมายถึงต้นไม้หรือหมายถึงเขมกันแน่ครับ’
‘ฮึ่ย พี่ทิวอะ ก็ต้องหมายถึงต้นไม้สิคะ แต่ว่าหมายถึงเขมด้วยก็ได้ อิอิ ดูแลมันให้ดี ๆ นะคะ เพราะมันเป็นของพี่ทิวแล้ว ทั้งต้นแก้วและหัวใจของเขม’
ภาพความทรงจำต่าง ๆ ทั้งรอยยิ้ม คำพูด เสียงหัวเราะ ระหว่างเขาและคนที่เขาแสนเกลียดลอยมาเป็นฉาก ๆ
“คนโกหก”
ชายหนุ่มพูดพลางเหยียดยิ้มหยันสมเพชตัวเอง ขนาดโดนเธอทำร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย เขายังให้คนหมั่นดูแลต้นแก้วที่เธอซื้อให้อย่างดีอยู่เลย ไม่รู้เพราะต้องการตอกย้ำให้ตัวเองเจ็บ หรือเพราะว่ายังรักเธออยู่กันแน่...
คิดดูอีกทีต้นไม้ก็ไม่ได้ผิดอะไร คนที่ซื้อมันให้เขาต่างหากที่ผิด หากจะมีใครสักคนที่ต้องรับผิดชอบความรู้สึกของเขา คนคนนั้นก็ต้องเป็นเธอคนเดียวเท่านั้น!
อีกอย่างเขาไม่ได้รักหรือหลงเหลือเยื่อใยให้กับผู้หญิงหลอกหลวงอย่างเธอเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกที่คงอยู่ตอนนี้มันคือความเกลียดชัง เกลียดเสียจนไม่อยากเห็นหน้าและอยากฆ่าให้ตาย แต่ถ้าทำแบบนั้นคงไม่วายที่ต้องติดคุก เหอะ! เรียนมาตั้งสูง สูญเสียเงินไปตั้งมาก เพราะฉะนั้นเขาไม่เอาอนาคตตัวเองมาแลกกับผู้หญิงแบบเธอแน่ แต่ก็ไม่ได้ใจกว้างที่จะปล่อยวางทุกอย่างลง และไม่ได้ใจดีที่จะปล่อยเธอไปง่าย ๆ โดยไม่เอาคืน ในเมื่อฆ่าไม่ได้ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีอื่นนี่ วิธีที่ว่าเขาได้เลือกแล้วเรียบร้อย รับรองเลยว่า การแก้แค้นและเอาคืนอย่างสมน้ำสมเนื้อของเขา หญิงสาวต้องเจ็บเจียนตายแน่นอน เพราะเขาจะทำให้เธอตายทั้งเป็น!
“ผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอกล้าดียังไงมาหลอกลวงฉัน กล้าดียังไงมาทำให้ฉันรักแล้วก็นอกกายนอกใจฉันไปมีคนอื่น กล้าดียังไง!” ความคั่งแค้นสะท้อนออกมาจากดวงตาคู่คมและน้ำเสียง หากแต่ไม่มีใครได้เห็นและได้ยิน เพราะสายตาของเขาจับจ้องที่ต้นแก้วตรงหน้า ทั้งบริเวณนี้ก็ไม่ได้มีใครนอกจากเขา
เสียงรถยนต์ที่ดังเข้ามาทำให้ชายหนุ่มละความสนใจจากต้นดอกแก้วและหยุดความคิดทุกอย่างไว้ สาวเท้าเดินออกจากสวนตรงมายังหน้าบ้านก็เห็นรถตู้สีดำวิ่งเข้ามาจอดพอดี ก่อนที่ชายหนุ่มจะยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นผู้หญิงที่เขารักที่สุดลงจากรถ
“คุณแม่! สวัสดีครับ” ทิวากรเรียกมารดาเสียงดังก่อนตรงเข้าไปกอดด้วยความรักความคิดถึง ซึ่งคุณทิพย์ประภาก็กอดตอบบุตรชายเพียงคนเดียวเช่นกัน
“ทำไมไม่พักผ่อนก่อนล่ะลูก”
“ผมอยากเจอคุณแม่ก่อนนี่ครับ”
“อย่ามาปากหวานให้คนแก่ดีใจหน่อยเลย”
“แก่ที่ไหนครับ คุณแม่ของผมยังสาวยังสวยอยู่เลย” สองแม่ลูกผลัดกันหยอกล้ออย่างมีความสุข บรรยากาศอบอวลด้วยความรักจนเหล่าแม่บ้านและคนรถต่างก็ยกยิ้มและมีความสุขตามเจ้านายไปด้วย
“เข้าไปคุยกันในบ้านเถอะ นี่ยังแดดแรงอยู่เลย” คุณทิพย์ประภาว่าพลางเดินตามการจับจูงของบุตรชาย
ทิวากรพามารดามานั่งที่โซฟาในห้องรับแขกของบ้าน พร้อมทั้งออดอ้อนตามประสาแม่ลูกที่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน เพราะคุณทิพย์ประภาต้องทำงานหนัก ทำหน้าที่ของประธานบริษัทศิวานันท์ให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้บอร์ดบริหารมีคำครหา เป็นเหตุให้ไม่ค่อยมีเวลาไปหาบุตรชายที่ร่ำเรียนอยู่ต่างประเทศ หรือเวลาเจอกันก็แป๊บเดียวไม่นานนัก
“ไหน มาให้แม่ดูชัด ๆ หน่อยสิ ว่าตาทิวของแม่โตขึ้นมาหล่อขนาดไหน” พูดจบก็จับคนลูกหันซ้ายหันขวา สายตาของคนอายุเยอะฉายแววภูมิใจที่ลูกของตนเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่แล้ว
“จากนี้ผมจะไม่ยอมห่างแม่ไปไหนแล้วครับ”
“แม่ก็ไม่ยอมให้ลูกหายไปไหนไกล ๆ นาน ๆ เช่นกันจ้ะ ถ้าพ่อของลูกยังอยู่ต้องภูมิใจในตัวลูกมากแน่ ๆ” คุณทิพย์ประภาพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะนึกถึงคู่ชีวิตที่จากไปนานแล้วด้วยความรักและคิดถึง
“คุณพ่อต้องภูมิใจในตัวผมแน่นอนครับ จริงสิครับคุณแม่ ผมหิวแล้ว อยากกินอาหารฝีมือแม่มากเลยครับ ทำให้ผมกินหน่อยได้ไหมครับ” เห็นมารดามีสายตาที่สะท้อนความเศร้าชายหนุ่มจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ซึ่งก็ได้ผล
“ได้สิจ้ะ เดี๋ยวตอนเย็นแม่จะทำให้นะ จริงสิ หนูแพตตี้อยู่ไหน ไม่มาบ้านเราเหรอ”
“แพตตี้เกรงใจน่ะครับ จึงขออยู่โรงแรม แต่ผมไม่เห็นด้วยเพราะห่วงความปลอดภัย จึงให้ไปอยู่คอนโดเก่าของผมแทน”
“ดีแล้วล่ะ” พูดแล้วก็มองชายหนุ่มด้วยสายตาที่แปลกไป
“มองผมแบบนี้หมายความว่าไงครับคุณแม่”
“แม่ก็แค่สงสัย ว่าระหว่างลูกกับหนูแพตตี้นี่ยังไงกันแน่ จะเป็นเพื่อนหรือจะเป็นลูกสะใภ้ของแม่ แม่จะได้เตรียมตัวถูก”
“โธ่ คุณแม่ครับ ผมกับแพตตี้ต้องเป็นเพื่อนกันสิครับ จะเป็นอย่างอื่นได้ยังไง คุณแม่อย่าไปพูดแบบนี้ที่ไหนนะครับ เดี๋ยวมีคนมาได้ยินแล้วเอาไปบอกพ่อเธอผมซวยแย่”
ทิวากรโอดครวญพลางเอ่ยห้ามอย่างไม่จริงจังนักทั้งยังมีน้ำเสียงแฝงความขี้เล่นเอาไว้ทำเอาคุณทิพย์ประภาหัวเราะร่า
“ว่าแต่ลูกจะเข้าบริษัทเมื่อไหร่” ทักทายถามสารทุกข์สุกดิบกันพอหอมปากหอมคอ คุณทิพย์ประภาก็ถามเรื่องสำคัญทันที เพื่อที่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
“อืม... คงเป็นอาทิตย์หน้าครับคุณแม่ อาทิตย์นี้ผมขอพักและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยให้แพตตี้ก่อน ยังไงคุณแม่เตรียมห้องทำงานไว้ให้ผมด้วยนะครับ”
“อาทิตย์หน้าก็ดีเหมือนกัน ลูกจะได้ปรับตัวให้เข้ากับเวลาของประเทศเราได้ ส่วนเรื่องห้องไม่ต้องห่วงจ้ะ แม่เตรียมไว้แล้ว”
“ผู้ช่วยผมด้วยนะครับคุณแม่ จะได้มาช่วยงานผมไปคร่าว ๆ ในระหว่างที่ผมยังไม่มีเลขาเป็นของตัวเอง” ชายหนุ่มบอกความต้องการของตน แล้วต้องมุ่นคิ้วเมื่อเห็นว่ามารดายิ้มและมองเขาแบบแปลก ๆ
“คุณแม่... เตรียมไว้แล้วเหรอครับ” เขาถามอย่างไม่แน่ใจ
“ใช้จ้ะ แม่เตรียมไว้แล้ว รับรองว่าทำงานเก่งและดีมาก ๆ ลูกต้องชอบแน่ อ้อ ลูกรู้จักด้วยนะคนนี้”
“ใครครับ”
“หนูเขม เขมิกาไงลูก จำน้องได้ไหม”
“...” คำตอบของมารดาทำชายหนุ่มชะงักไป พร้อมก้มหน้าซ่อนแววตาร้ายกาจไว้ไม่ให้มารดาเห็น หูก็ฟังมารดาของตนสาธยายความดีงามของคนที่ถูกกล่าวถึงไปด้วย หึ แต่ละอย่างที่มารดาเขาพูดออกมาช่างขัดกับความจริงที่เขารับรู้เสียเหลือเกิน!
“ทิว ตาทิว!” เห็นลูกชายไม่ตอบคำและเหม่อลอยจึงเรียกเสียงดังจนชายหนุ่มสะดุ้ง “ครับ คุณแม่มีอะไรครับ”
“เหม่ออะไรของลูก แม่เรียกตั้งนาน”
“เพลียนิดหน่อยน่ะครับ”
“แม่ลืมไปเลยว่าลูกเพิ่งกลับมา ไป ไป๊ ขึ้นไปพัก เดี๋ยวหนึ่งทุ่มแม่ให้คนไปตามมากินข้าว”
“ครับ งั้นผมไปนอนก่อนนะครับ ฟอด!”
ทิวากรกล่าวพลางโฉบหน้าหอมแก้มเหี่ยวย่นตามวัยเข้าปอดฟอดใหญ่แล้วจึงลุกเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านเพื่อเข้าห้องนอนของตัวเอง ระหว่างเดินก็ครุ่นคิดไปด้วยว่าทำไมมารดาของเขาถึงรับเขมิกาเข้ามาทำงาน ทั้งยังมีตำแหน่งที่ดีอีกด้วย
คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ช่างเถอะ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ส่งผลดีกับเขา ดีเหมือนกันไม่ต้องออกไปตามหาให้ยาก อยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ทำอะไรจะได้สะดวกหน่อย
‘แม่จะให้หนูเขมมาเป็นผู้ช่วยของลูก ถึงจะอายุน้อยไปหน่อย แต่น้องทำงานดี ทำงานเรียบร้อย รับรองว่าลูกจะไม่เหนื่อยแน่นอนจ้ะ’
หึ ไม่รู้ว่าเธอไปมารยาสาไถอย่างไร มารดาของเขาถึงได้มีท่าทีเอ็นดูเวลาพูดถึงเธอแบบนั้น คล้ายกับลืมไปแล้วว่า ผู้หญิงคนนั้นทำให้เขาต้องเจ็บปวดขนาดไหน กว่าจะกลับคืนมาได้ใช้เวลาไปตั้งหลายเดือน
จากนี้ไปเขมิกาก็เหมือนลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด แน่นอนว่าเขาจะไม่คลาย และนอกจากจะไม่คลายแล้วจะทั้งบีบทั้งขยี้เลยทีเดียว
“ฉันอยากเจอเธอเร็ว ๆ ซะแล้วสิเขมิกา หวังว่าเธอจะไม่ชิงตายไปก่อนที่ฉันจะได้เอาคืนอย่างสาสมนะ”