บทที่ 5
‘จัดการทุกอย่างเรียบร้อยหรือยัง’
‘เรียบร้อยแล้วค่ะ’
‘อย่าให้มีอะไรผิดพลาดล่ะ’
‘ไม่มีแน่นอนครับ’
เสียงโต้ตอบของพนักงานศิวานันท์ดังขึ้นเป็นระยะพร้อมกับความวุ่นวายของคนที่เดินสวนกันไปมา ท่ามกลางใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขมิกา
“แหม... มีความสุขจังเลยนะ” อินทุอร เพื่อนสาวคนสนิทของหญิงสาวเอ่ยล้ออย่างอดใจไม่ไหว ที่เห็นเพื่อนของเธอยิ้มกว้างกว่าครั้งไหน ๆ อันที่จริงเธอก็มีความสุขกับเพื่อนมาก เพราะรอยยิ้มสดใสเต็มใบหน้าแบบนี้เธอไม่ได้เห็นมันมา 6 ปีแล้ว ขณะเดียวกันเธอก็มีความสุขแบบไม่สุด มันมีความกังวลเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาในใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม จู่ ๆ ความรู้สึกแบบนี้ก็เกิดขึ้นมาพร้อมกับความคิดที่ว่า
ไม่อยากให้เขมิกาเจอกับทิวากรอีกครั้งเลย...
แต่บางทีเธออาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ มันคงไม่มีอะไรหรอก... มั้ง?
“ปกติน่าอิน” หญิงสาวปฏิเสธทว่าทั้งปากและดวงตาก็ยิ้มพราวระยับจนหนุ่ม ๆ หลายคนที่มองมาทางนี้ระทวยกันเป็นแถบ ๆ
“เฮ้อ แกนี่นะ เขม ฉันถามแกตรง ๆ นะ แกได้เผื่อใจไว้บ้างหรือเปล่า เผื่อว่าบางทีพี่ทิวเขาอาจมีคนใหม่ไปแล้ว”
เขมิกาชะงักไปเสี้ยววินาทีก่อนจะยิ้มบางแล้วตอบกลับไปว่า “นิดหน่อยน่ะ แต่คุณป้าก็บอกแล้วว่าพี่ทิวยังไม่มีใคร...”
“ถึงจะไม่มีใครแต่แกคิดว่าเขาจะยังเหมือนเดิมอยู่เหรอ”
ใบหน้าของเขมิกาเหยเก และตอบอะไรกลับไปไม่ได้ เนื่องจากรู้ดีว่าทิวากรคงจะไม่ใช่ ‘พี่ทิวของเธอ’ อีกต่อไปแล้ว และเขาต้องไม่เหมือนเดิมแน่ ๆ เห็นชายอื่นอยู่ในห้องของเธอในสภาพสวมเสื้อคลุมอาบน้ำแบบนั้น จะยังเหมือนเดิมได้อย่างไร ไหนจะคำพูดสุดท้ายที่พูดกับเธอนั่นอีก
เรื่องนี้เธอทำใจยอมรับมาแล้วละ แค่ยังแอบคาดหวังเล็ก ๆ ว่าเขาจะให้อภัยกัน ไม่โกรธเกลียดเธอดังปากว่า ส่วนเรื่องความรัก... ให้มันเป็นไปตามที่ควรเป็นเถอะ เธอไม่กล้าคาดหวังขนาดนั้น แค่เขายอมรับเธอในฐานะรุ่นน้องหรือน้องสาวก็นับว่าเขาใจกว้างมากแล้ว
“เอาละ ๆ ไม่ต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้นก็ได้ ขอโทษนะที่ทำให้ไม่สบายใจ” อินทุอรรีบพูดเมื่อเห็นใบหน้าสวยของเพื่อนสนิทเศร้าสร้อย
เขมิกาส่ายหน้าเบา ๆ พลางตอบ “ไม่เป็นไรเลย แกไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย ไม่ต้องขอโทษหรอก มาดูความเรียบร้อยของทุกอย่างกันดีกว่า”
“ฉันละเสียดายความสวยของแกจริง ๆ เลยยัยเขม ผู้ชายรูปหล่อโปรไฟล์ดีจีบตั้งกี่คน ๆ ก็ปฏิเสธเขาหมด ไม่รู้จะปฏิเสธทำไม”
“แกก็รู้เหตุผลดีนี่ยังจะถาม”
“ย่ะ! แม่มั่นคงในรัก แม่รักมั่น แม่ยึดติด อวยยศ!” อินทุอรถลึงตาและพูดแกมหมั่นไส้ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายยิ้มรับบาง ๆ ไม่ปฏิเสธก็ยิ่งขัดใจ เป็นเธอหน่อยไม่ได้ แม่จะใช้ความสวยให้คุ้มเชียว
“ไม่ต้องมาหน้างอ ว่าแต่ฉันตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“อะไร เหมือนตรงไหน”
“เหมือนตรงที่ใครจีบแกก็ไม่เอาไง เลือกเยอะ ติดนั่นติดนี่ เป็นไงล่ะตอนนี้ก็โสดเหมือนฉันไม่ใช่หรือไง”
“ยัยเขม! ยัยคนปากร้าย! ฮึ่ย! ถ้าหนุ่ม ๆ ที่ชอบแกมาได้ยินแกพูดแบบนี้อยากรู้นักว่าพวกนั้นยังจะชอบแกอยู่ไหม”
ใบหน้างอเง้าของอินทุอรประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวเขียวทำให้เขมิกาหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ซึ่งไม่นานเพื่อนสนิทของเธอก็ร่วมวงหัวเราะด้วย
“คุยอะไรกันอยู่ครับสาว ๆ หัวเราะน่าสนุกเชียว ขอร่วมวงด้วยคนได้ไหมครับ” ดนุภพ หัวหน้าฝ่ายการเงินของศิวานันท์เข้ามาทักทายสองสาวอย่างสนิทสนมและเป็นกันเอง น้ำเสียงจึงติดหยอกล้ออยู่ในที
“สวัสดีค่ะพี่ภพ กลับมาทำงานแล้วเหรอคะ ไม่สบายเป็นยังไงบ้างคะ” อินทุอรกล่าวทักทายและถามถึงสุขภาพของอีกฝ่ายที่ลางานเพราะป่วย ส่วนเขมิกาแม้ไม่ได้ถามแต่ก็ยิ้มรับคำพร้อมมองตารอฟังคำตอบของรุ่นพี่ในที่ทำงาน
“หายแล้วครับ ขอบคุณมากครับที่เป็นห่วง... จริง ๆ ถ้ามีคนดูแลก็คงจะหายเร็วกว่านี้ น่าเสียดายที่พี่ไม่มีใคร” พูดแล้วมองอินทุอรอย่างสื่อความหมาย จนเจ้าหล่อนไปต่อไม่เป็น ทั้ง ๆ ที่ปกติเป็นคนพูดมาก
“อื้อ นั่นสินะคะ ถ้ามีคนดูแล… พี่ภพคงหายเร็วกว่านี้” เขมิกาพูดเป็นนัยแล้วมองเพื่อนล้อ ๆ
“มองอะไรยัยเขม!” เพื่อนสาวก๋ากั่นที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยยามนี้เสียอาการอีกแล้ว จึงอดไม่ได้ที่เขมิกาจะแกล้งเย้าแหย่ผสมโรงกับดนุภพต่อ
“ก็ที่พี่ภพพูดไง พี่เขายังขาดคนดูแล... แกไม่สนใจบ้างเหรอ ดูสิเนี่ยทั้งหล่อทั้งดี ใครได้พี่ภพเป็นแฟนโชคดีเป็นบ้าเลยน้า”
“แกสนก็เอาไปคนเดียวสิ ยัยเขม ยัยเพื่อนบ้า! ฉันไม่คุยกับแกแล้ว ไปดีกว่า ชิส์!” พูดจบก็สะบัดหน้าออกไปอย่างแง่งอน ทิ้งเขมิกาและดนุภพหัวเราะตามหลัง
“ขอบคุณนะครับน้องเขม” ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณรุ่นน้องสาวที่ช่วยเชียร์ตนให้กับเพื่อนสนิท
“ไม่เป็นไรค่ะ นาน ๆ ทีจะเห็นยัยอินเสียอาการ... สู้ ๆ นะคะ เขมเป็นกำลังใจให้”
“ขอบคุณครับ พี่จะพยายามให้เต็มที่ เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ อย่าลืมมารอรับท่านรองประธานลูกชายท่านประธานนะคะ”
“ไม่ลืมแน่นอนครับ” ชายหนุ่มยิ้มแล้วเดินไปยังทิศทางที่อินทุอรเดินไปทันที
เขมิกามองตามแล้วก็ยกยิ้มอย่างมีความสุข ดนุภพจีบอินทุอรมา 4 เดือนแล้ว แต่เพื่อนของเธอก็ยังไม่ยอมตกลงปลงใจสักที ทั้ง ๆ ที่ใครก็ดูออกว่าตัวเองก็ชอบชายหนุ่มไม่ต่างกัน ‘ปากแข็ง ท่ายาก ลีลาเยอะ’ เป็นนิยามที่เธอพอจะสรุปอาการเพื่อนสนิทของตัวเองได้คร่าว ๆ
หญิงสาวเดินเช็กความเรียบร้อยอีกนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงมายืนร่วมกับพนักงานคนอื่น ๆ ที่มายืนรอรับท่านรองประธาน หรือลูกชายท่านประธานบริษัทศิวานันท์ ที่เข้ามารับตำแหน่งวันแรก ยิ่งใกล้ได้เวลาปกติเป็นประจำของทุกวันที่รถของคุณทิพย์ประภาจะมาจอดหน้าประตู เขมิกายิ่งกระวนกระวายใจ เริ่มทำตัวและปั้นหน้าไม่ถูก ทั้งตื่นเต้นยินดี กังวลและหวาดกลัวที่จะได้เจอผู้ชายที่เธอรักอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันเลยตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
“เขม แกไหวเปล่า สีหน้าแกดูไม่ดีเลยนะ” อินทุอรเห็นเพื่อนหน้าซีดจึงไต่ถามด้วยความเป็นห่วง
“อื้ม ไหวสิ ฉันโอเค แกไม่ต้องเป็นห่วง”
“ถ้าไม่ไหวก็บอกแล้วกัน” ในเมื่อเพื่อนบอกไหวเธอจึงไม่มากความอีก ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงพนักงานบางส่วนที่มาต้อนรับรองประธานบริษัทดังขึ้นพอดี
‘นั่นใช่คุณทิว ทิวากร ลูกชายของท่านประธานหรือเปล่า เธ๊อ หล่อมากกก หล่อกว่าในรูปที่เคยเห็นตามหน้าข่าวบันเทิงอีก’
‘ใช่ หล่ออะไรขนาดนี้อะ พ่อของลูกชัด ๆ’
‘หล่อจริง ๆ นั่นแหละ ผมเป็นผู้ชายยังอดที่จะชมไม่ได้เลย’
เขมิกามองไปยังหน้าประตูอย่างรวดเร็ว ครั้นเห็นคนที่เป็นเจ้าของหัวใจในชุดสูทสีดำเรียบหรูก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็เต้นกระหน่ำ มุมปากกดลึกก่อนจะฉีกยิ้มออกมาบาง ๆ ทว่ายังไม่ทันได้ยิ้มอย่างเต็มใบหน้าก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้า
ทิวากรกำลังประคับประคองใครบางคนลงมาจากรถ ใครคนนั้นเป็นผู้หญิง และไม่ใช่คุณทิพย์ประภา...
เขมิกาค่อย ๆ หุบยิ้มลง นัยน์ตาหวานทอประกายความเศร้าวูบหนึ่งก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว เพราะเธอทำใจไว้แล้วว่าอาจต้องเจอกับภาพแบบนี้...