บทที่ 3
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดสบาย ๆ ของแบรนด์ดัง อย่างเสื้อยืดกางเกงยีน และรองเท้าผ้าใบรุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน เดินออกมาจากช่องทางผู้โดยสารขาเข้าพร้อมกับผู้ใช้บริการสนามบินอีกหลายคน ทว่าเขากลับโดดเด่นที่สุดในกลุ่มคนเหล่านั้น ด้วยครอบครองความสูงเกินมาตรฐานชายไทย ท่าทางการเดินองอาจผึ่งผาย ดูทระนงตนและเย่อหยิ่ง กอปรกับใบหน้าคมคายภายใต้แว่นกันแดดสีดำ ยิ่งทำให้เขามีเสน่ห์เพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว
ดวงตาคมเข้มมองตรงไปเบื้องหน้า พลางกวาดตามองสำรวจด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งคิดถึงและห่วงหา ทว่าที่เด่นชัดที่สุดกลับเป็นความโกรธแค้นและเกลียดชัง จากผลการกระทำของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง คนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดอยากสร้างครอบครัวด้วย…
น่าขัน ที่เขาคิดวาดฝันไปเองฝ่ายเดียว หลงในความใสซื่อบริสุทธิ์จนเป็นไอ้โง่ ถูกนอกใจและนอกกาย ยิ่งคิดถึงหญิงไร้ยางอายคนนั้น ความแค้นก็ลุกโชนในดวงตาราวกับไฟที่กำลังรอการปะทุ ทุกความเจ็บปวด ความเสียใจ ที่เขาเคยได้รับ เขาจะคืนมันให้เธอทั้งหมด จะแก้แค้นเธออย่างสาสม! ให้สมกับที่เธอเคยทำไว้กับเขา ทำกับทิวากรคนนี้!
ทิวากร ศิวานันท์ ทายาทเพียงคนเดียวของศิวานันท์ บุตรชายของคุณทิพย์ประภา ที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทของครอบครัวอยู่ตอนนี้ ทิวากรเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 22 ปี จนตอนนี้เขาอายุ 28 ปีแล้ว ชายหนุ่มเรียนจบปริญญาโทตั้งแต่ 2 ปีแรกที่ไปถึง ก่อนจะใช้เวลาอีก 4 ปี ศึกษาดูงาน สั่งสมประสบการณ์เพื่อนำกลับมาพัฒนาธุรกิจของครอบครัว และตอนนี้เขากลับมาแล้ว กลับมาพร้อมความแค้นที่สุมอยู่ในอก
6 ปีที่จากไป ไม่มีวันไหนเลยที่เขาไม่คิดถึงบ้านเกิด และไม่มีวันไหนที่เขาจะลืมต้นเหตุที่ทำให้จำต้องจากครอบครัวไปไกล โดยเฉพาะสภาพเหมือนหมาที่ขึ้นเครื่องบินวันนั้น วันที่เขาหอบทุกความเจ็บปวด ความผิดหวังจากคนรัก หลบไปรักษาแผลใจไกลถึงต่างประเทศ!
“หกปีแล้วสินะที่ฉันจากไป... หวังว่าเธอจะเตรียมตัวเตรียมใจไว้พร้อมสำหรับการกลับมาของฉันนะเขมิกา เพราะจากวันนี้ไป จะเป็นการทวงแค้นของฉันทั้งหมด!” น้ำเสียงนุ่มทุ้มแฝงความเคียดแค้นไม่ดังไม่เบา ทว่าคนที่เพิ่งเดินกลับมาจากการไปเข้าห้องน้ำกลับได้ยินชัดเจน
“เฮ้! ยู ทำไมยูพูดแบบนั้นล่ะ ยูควรจะมีความสุขที่ได้กลับบ้านเกิดของยูสิ” เจ้าของน้ำเสียงแปร่งหูสำเนียงไทยไม่ชัดชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อมาทันได้ยินคำพูดของเพื่อนสนิทเข้าพอดี
ทิวากรเหลือบตามองหญิงสาวข้างกายด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนจะตอบไปว่า “ยูไม่เข้าใจไอหรอกแพตตี้ ไอเป็นผู้ถูกกระทำ จะไม่ให้เคียดแค้นชิงชังเลยคงไม่ได้ สภาพตอนนั้นของไอเป็นยังไงยูก็เห็น”
“เฮ้อ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงวันนี้ก็เป็นวันแรกที่ยูกลับไทยนะ ไอว่ายูควรจะยิ้มหน่อย ส่วนความแค้นอะไรพวกนั้นก็วางไว้ก่อนเถอะ ถ้ายูเป็นแบบนี้ไอจะเที่ยวอย่างมีความสุขได้ยังไง” เจ้าของใบหน้าสวยเฉี่ยวทอดถอนใจและกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอที่เป็นคนไทย
แพทริเซีย วาร์ด ลูกครึ่งสาวสวยเจ้าของดวงตาสีฟ้าเช่นเดียวกับบิดาชาวอังกฤษ และมีเส้นผมสีดำสนิทเช่นเดียวกับมารดาชาวไทยที่จากไปตั้งแต่เธออายุ 10 ขวบ เป็นเหตุให้ภาษาไทยของเธอไม่ค่อยแข็งแรง เพิ่งมาดีขึ้นก็ตอนรู้จักกับทิวากร ทว่ายังคงมีสำเนียงแปร่งหูและบางคำที่ยังพูดไม่ชัด
แพทริเซียรู้จักกับทิวากรเมื่อ 6 ปีก่อน ณ สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ยามนั้นเธอเห็นชายหนุ่มกระดกวอดก้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดต่าง ๆ อยู่คนเดียวหน้าบาร์ จึงได้เข้าไปทัก เพราะความเมาเป็นเหตุ ทิวากรจึงหลุดปากเล่าสิ่งที่ตนพบเจอมาหมดเปลือก และตัดพ้อต่อว่าหญิงสาวปริศนาที่เธอไม่เคยเห็นหน้าให้ฟังด้วยสภาพน่าสงสาร แพทริเซียรู้สึกเห็นใจหนุ่มต่างบ้านต่างเมืองคนนี้มาก ยิ่งเห็นว่าเขาเป็นคนเอเชียมาจากประเทศไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของมารดา หญิงสาวจึงเต็มใจดูแลมากกว่าเดิม หลังจากวันนั้นทั้งเธอและเขาจึงตัดสินใจคบหากัน จนกลายมาเป็นยิ่งกว่าเพื่อนสนิทในวันนี้
6 ปีที่รู้จักกันมา ทำไมแพทริเซียจะไม่รู้ว่าทิวากรเป็นคนอย่างไร ความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเขาทำให้เธอไม่สบายใจ และกังวลว่าการกลับประเทศไทยของชายหนุ่มครั้งนี้ จะทำให้เพื่อนของเธอต้องเจ็บมากกว่าเดิม ซึ่งเธอไม่อยากให้เขาเจ็บ...
“ไม่ต้องห่วงไอหรอกแพตตี้ ไอไม่เป็นอะไรหรอก ยูไปเที่ยวอย่างสบายใจเถอะ” ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทเป็นห่วง แต่หากจะให้เขาวางความแค้นลง ละทิ้งทุกอย่างเริ่มต้นใหม่เขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน และเขามั่นใจว่าครั้งนี้คนที่เจ็บจะไม่ใช่เขาแน่นอน
“เฮ้อ ยูนี่นะ ไอไม่พูดกับยูแล้ว ไหนอะคนรถบ้านยูมารับหรือยัง ไอร้อนจะตายอยู่แล้วเนี่ย ประเทศไทยนี่แดดแรงจริง ๆ” รู้ว่าห้ามไปก็ไม่ฟัง แพทริเซียจึงหยุดพูดเรื่องที่จะทำให้ไม่สบายใจไปชั่วคราว แล้วถามหาคนขับรถของชายหนุ่มแทน ไม่วายบ่นอุบอิบให้กับอากาศร้อนที่กำลังเผชิญ
“น่าจะมาแล้วแหละ รอหน่อย” จบคำพูดของทิวากรก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“คุณทิวหรือเปล่าครับ ผมกายลูกตาเก่ง เอ่อ คุณพ่อน่ะครับ ท่านให้ผบมารับคุณทิว เพราะพ่อของผมต้องขับรถพาคุณท่านไปคุยงานข้างนอกน่ะครับ ทำให้มารับคุณทิวเองไม่ได้ แล้วต้องขอโทษที่มาช้านะครับ พอดีผมไปเข้าห้องน้ำมา” ชายหนุ่มร่ายยาวบอกความเป็นมาของตนพร้อมเหตุผลที่มาช้าทันที
“ลูกลุงเก่งงั้นเหรอ”
“ครับ”
ทิวากรนิ่งคิดไปชั่วครู่ ครั้นจำได้ว่าลุงเก่งเคยบอกว่ามีลูกชายอยู่ต่างจังหวัดคนหนึ่งจึงพยักหน้ารับ แล้วบอกให้กายนำไปที่รถ และตรงกลับบ้านทันที