บทที่ 22 ปรึกษา1
เย็นวันเดียวกันหลังเลิกงาน ด้วยความหงุดหงิดและความรู้สึกร้อนรุ่นที่หัวใจคล้ายถูกไฟแผดเผา ทิวากรจึงมาดับอาการหัวร้อนที่บาร์แห่งหนึ่ง ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่ชั้นลอย ดื่มเงียบ ๆ คนเดียว กระทั่งผ่านไปเกือบสามชั่วโมง แขกไม่ได้รับเชิญก็เดินเข้ามาหา
“แหม... คุณทิวมาดื่มไม่ชวนมีนเลยนะคะ แบบนี้มีนน้อยใจแย่” มีนาที่มาเที่ยวกลางคืนเป็นประจำ มองหนุ่มหล่อที่เธออยากครอบครองทั้งหัวใจและร่างกายด้วยสายตาแม่เสือสาว
เธอเอ่ยทักทายทั้งยังไม่รอให้เขาเชิญชวนเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ คล้องแขนชายหนุ่มอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ สายตาเย่อหยิ่งปรายมองบรรดาสาว ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ราวประกาศบอกว่านี่คือคนของฉัน พวกเธออย่ามายุ่ง
ทิวากรไม่ได้สนใจอะไรเธอนัก ก็แค่คู่ควงที่ตกลงกันด้วยผลประโยชน์ ไม่มีอะไรต้องใส่ใจ ชายหนุ่มกระดกแก้ววอดก้าแก้วแล้วแก้วเล่าจนหญิงสาวอดแปลกใจไม่ได้
“คุณทิวมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ” มีนาถามอย่างสงสัยระคนแปลกใจว่าอะไรทำให้ชายหนุ่มแสนหล่อเหลาคนนี้เคร่งเครียดจนต้องมาระบายกับน้ำเมาพวกนี้กัน
“เปล่า” ตอบเสียงเรียบใบหน้าเฉยชา ทั้งยังหยิบแก้ววอดก้ากระดกลงคออีกอึก
มีนาขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางคิด หรือคุณทิวจะคิดเรื่องแม่นั่น... ไหนว่าต้องการแก้แค้นเพราะจบกันได้ไม่ดีไง ทำไมสภาพที่เธอเห็นตอนนี้เหมือนทะเลาะกับคนรักมาเลยล่ะ?
“เปล่าเหรอคะ” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจสิ่งที่ตนเองคิด
“...” ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่ดวงตาคู่คมที่สะท้อนด้วยไฟราตรีของบาร์นั้นก็ทำให้หญิงสาวมั่นใจในสิ่งที่เธอคิดแล้ว แม้จะเห็นไม่ชัดนักเพราะมันมืดพอสมควร แต่ก็แน่ใจว่าเธอคิดไม่ผิดแน่นอน!
“คุณทิวแน่ใจนะคะว่าไม่ได้คิดเรื่องของเขมิกาอยู่” หย่อนเหยื่อล่อสักหน่อยเผื่อปลาจะติดเบ็ด
“ฉันจะไปคิดเรื่องของยัยนั่นทำไม เธอไม่ได้สำคัญกับฉันสักหน่อย” คนกลัวเสียฟอร์มพูดเสียงเข้ม
โป๊ะเชะ! ปากปฏิเสธแต่แววตากลับไหววูบ เหอะ เธอไม่ยอมหรอก แบบนี้มันต้องกระตุ้น เทน้ำมันราดบนกองเพลิงก่อนที่ไฟจะมอดดับ
“ไม่รู้สิคะ มีนก็แค่คิดว่าบางทีคุณอาจจะใจอ่อนไม่อยากแก้แค้นเธอแล้ว หรือไม่ก็...” หญิงสาวหยุดแล้วมองตาเขากล่าวต่อท้ายว่า “อยากกลับไปคบกับเธออีกครั้ง”
“เหลวไหล! ฉันจะไปทำแบบนั้นให้ได้อะไรขึ้นมา” ชายหนุ่มตวาดว่า มองหญิงสาวที่เหมือนจะรู้ทันตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์นักแล้วส่ายหน้าพรืด
“ฉันเกลียดเขมิกาอย่างกับอะไรดีจะกลับไปคืนดีกับคนที่ทำให้ฉันเจ็บทำไม แล้วเธอก็เลิกคิดว่าฉันใจอ่อนได้แล้ว รู้เอาไว้ฉันไม่เคยใจอ่อนให้ศัตรู ที่มาดื่มเหล้าวันนี้เพราะอยากมาผ่อนคลายอารมณ์เรื่องงานต่างหากละ”
มีนายิ้มมุมปากช้อนสายตายั่วยวนมองเขา “อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิคะ มีนก็แค่พูดออกไปเพราะกลัวคุณจะหลงใจอ่อนให้เธอ”
“ไม่มีวัน! ฉันบอกว่าต้องการทำให้เธอเจ็บฉันก็จะทำตามนั้น ไม่มีการใจอ่อนอะไรทั้งนั้นแหละ ถ้าเธอยังไม่หยุดพูดเรื่องนี้ก็กลับไปซะ ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว” กระแทกเสียงพูดอย่างไม่พอใจนัก
“มีนขอโทษค่ะ อย่าโกรธมีนเลยนะคะ นะคะคุณทิว อย่าโกรธมีนเลยน้า” หญิงสาวกล่าวเสียงอ้อนเบียดเสียดตัวเองแนบชิดกับร่างกายบึกบึนจนแทบจะเกยกัน
ทิวากรหลุบตามองหญิงสาวข้างตัวด้วยหางตาก่อนพยักหน้าอย่างขอไปที มีนายิ้มกว้างที่เขาไม่โกรธ ยกมือลูบหน้าอกกว้างอย่างถือดี
“ถ้าคุณทิวไม่ว่าอะไร คืนนี้ให้มีนช่วยทำให้คุณทิวรู้สึกดีขึ้นดีไหมคะ มีนพร้อมสำหรับคุณทิวเสมอ คุณทิวก็รู้ว่ามีนคิดยังไงกับคุณ”
“...” ชายหนุ่มยังคงเงียบ แต่หญิงสาวไม่ละความพยายาม
“นะคะ เราสองคนไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันนานแล้วน้า คุณทิวไม่คิดถึงมีนบ้างเหรอคะ มีนคิดถึงคุณทิวจะแย่ อยากทำให้คุณมีความสุขแทบบ้า”
ใบหน้าเล็กขยับขึ้นไปกระซิบริมหูเสียงสั่นพร้อมทั้งขบติ่งหูของชายหนุ่มอย่างไม่นึกอายสายตาประชาชีโดยรอบ คราแรกทิวากรก็คิดจะปฏิเสธ แต่ก็ตอบรับ เพราะนานแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้ปลดปล่อย บางทีมีนาอาจทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นก็ได้
“เอาสิ” ชายหนุ่มตอบรับพลางกระตุกยิ้มมองหญิงสาวข้างตัวด้วยสายตาของเสือมองเหยื่อ หึ คิดมาเล่นกับไฟเดี๋ยวรู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร
มีนายิ้มกว้างสมใจแววตาพราวระยับ เธออยากกลืนกินคนตรงหน้าสักหลาย ๆ รอบ หญิงสาวกัดริมฝีปากยั่วเย้าทำตาปรอยหวานเชื่อม
“ไปที่คอนโดมีนนะคะ” ชายหนุ่มไม่ตอบแต่ผุดลุกจับจูงมือมีนาออกไปทันที โดยที่มีหญิงสาวคลอเคลียเขาไม่ห่างตลอดการเดินทางจวบจนถึงคอนโด ไฟสวาทถึงได้รุกโหมโรมรันพันตูทั้งสองร่างจากฟ้ามืดจนฟ้าเกือบสว่าง
ทิวากรถอนกายออกจากร่างที่นอนปวกเปียกหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า ถอดถุงยางอนามัยทิ้งลงถังขยะ แล้วอาบน้ำแต่งตัวใหม่อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินไปที่เตียงเขียนเช็คเงินสดไว้ให้หญิงสาวอีกจำนวนหนึ่ง เสร็จแล้วจึงกลับคอนโดของตัวเอง
นี่เป็นปกติของทิวากร ชายหนุ่มไม่เคยค้างอ้างแรมกับผู้หญิงคนไหน ไม่ว่าภารกิจจะเสร็จสิ้นดึกดื่นเพียงใด เขาจะกลับไปนอนบ้านหรือคอนโดของตัวเองเสมอ
ต้องยอมรับว่ามีนาทำให้เขาคลายความเครียดที่มีได้เยอะเลย แต่!มันคงจะดีกว่านี้ถ้าคนที่นอนร้องครวญครางใต้ร่างเขาเป็นเขมิกา...
อยากได้ ทำไงดี?
ด้านหนึ่งกำลังคิดหาวิธีในการครอบครองร่างกายของเขมิกา สถานการณ์ของปานวาดกลับรู้สึกตึงเครียด หญิงสาวมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ขึ้นช่องแช็ตส่วนตัวระหว่างตนและทิวากร
หลายวันแล้วที่เขาไม่ตอบข้อความ ไม่รับโทรศัพท์ ซ้ำยังไม่ติดต่อกลับมาหาเธอ ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจะเช้าถึงเย็นถึง นี่มันไม่ปกติ
คราวก่อนที่ไปบริษัทเขาเธออุตส่าห์ลงแรงเล่นละครตบตาเขมิกาเพื่อตอกย้ำและกีดกันเพื่อนให้รู้สถานะและจุดยืนของตัวเอง ก็พอวางใจได้ประมาณหนึ่งแล้ว ทว่าตอนนี้...
บอกเลยว่าเธอไม่สบายใจอย่างแรง!
ในหัวความคิดตีกันสับสนวุ่นวายไปหมด กลัวถ่านไฟเก่าจะคุ กลัวเพื่อนสนิทหักหลัง กลัวว่าเขาจะมีคนอื่น!
ปานวาดทั้งรู้สึกกังวลและเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด นี่คงเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิงไม่ผิดแน่ เธอจะทำอย่างไรดี?
จะบุกเข้าไปถามเขาตรง ๆ เลยก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้สถานะของเธอเป็นได้แค่คนคุยเท่านั้น แต่จะให้เธออยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรก็ไม่ได้เหมือนกัน
อย่างไรเธอก็ต้องเคลียร์กับทิวากรให้รู้เรื่อง เธอจะไม่ยอมเป็นเหยื่อให้เขาเล่นสนุกกับความรู้สึกของเธอ พอเบื่อแล้วก็ทิ้งเธอไปแน่ ๆ
เมื่อความรู้สึกมาก่อนเหตุผล คนเรามักใช้อารมณ์ตัดสินใจไวกลัวความคิดเสมอ หญิงสาวจัดการจองตั๋วเครื่องบินจากเชียงรายกลับกรุงเทพฯ เลยทันที
ติ๊งหน่อง!
ปานวาดยืนกดกริ่งหน้าประตูห้องคอนโดของเขมิกาด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ หัวคิ้วเรียวสวยกดเข้าหากันไม่ยอมคลาย
ติ๊งหน่อง!
หญิงสาวกดกริ่งอีกครั้งเมื่อไม่เห็นวี่แววประตูจะเปิดออก ทำท่าจะกดอีกสักรอบ หากเสียงเรียกด้านหลังกลับรั้งมือเธอไว้ทัน
“ยัยวาด!” เขมิการ้องเรียกชื่อเพื่อนสนิทที่ยืนกดกริ่งหน้าประตูห้องด้วยสายตาสงสัยระคนสับสน ร้อยวันพันปีปานวาดไม่ค่อยมาที่คอนโดของเธอนัก นาน ๆ จะมาสักครั้ง และทุกครั้งจะบอกเธอก่อนเสมอ วันนี้มีอะไรเจ้าตัวถึงไม่ได้บอกทั้งยังมายืนกดกริ่งหน้าประตู ทั้งสีหน้าก็ดูไม่สู้ดี
“เขม” ปานวาดร้องเรียกชื่อเพื่อนสนิทเสียงแผ่ว
เขมิกากระวีกระวาดเปิดประตูห้องเดินนำปานวาดเข้าไปภายในแล้วจัดการล็อกประตูเสร็จสรรพ ก่อนเดินไปหยิบน้ำและแก้วมาให้เพื่อน