บทที่ 23 ปรึกษา2
“มาหาฉันถึงที่นี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า แล้วมาทำไมไม่บอก ปกติแกบอกฉันตลอดว่าจะมา แล้วนี่มารอฉันนานหรือยัง...” หญิงสาวรัวคำถามก่อนปานวาดจะยกมือห้ามไว้ เธอจึงหยุดพูดแล้วมองเพื่อนอย่างรอคำตอบแทน
“ฉันเพิ่งมาถึงไม่นาน แต่ลงเครื่องก็มาหาแกเลย โชคดีจังที่วันนี้แกไม่ไปทำงานไม่งั้นฉันคงมารอเก้อแน่ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกก่อน พอดีฉันมีเรื่องร้อนใจน่ะ”
เขมิกาไม่เพียงไม่โกรธเธอยังมองเพื่อนด้วยสายตาเป็นห่วง “ร้อนใจ? แกร้อนใจเรื่องอะไร”
“เรื่องคุณทิวน่ะสิ” ปานวาดตอบตามตรง เธอก้มหน้าใช้ความคิดโดยไม่เห็นสีหน้าเหยเกของเพื่อน
“เขม ฉันว่าคุณทิวแปลกไป”
“ปะ แปลกยังไง” เขมิกาถามเสียงตะกุกตะกักใจเต้นตุบตุบ หรือปานวาดจะรู้แล้ว?
“ไม่รู้สิ แต่เขาแปลกไปจริง ๆ นะ ปกติฉันส่งข้อความไปเขาจะตอบกลับเร็วทุกครั้ง อย่างช้าก็ไม่เกินห้านาที แต่ระยะหลังมานี้นอกจากจะไม่ตอบข้อความ บางทียังไม่อ่านอีกด้วย ข้ามวันแล้วก็ยังไม่อ่าน โทรไปก็ไม่รับ...” ปานวาดขบริมฝีปากตัวเองอย่างคนกลัดกลุ้มที่หาคำตอบไม่ได้
เธอทั้งหงุดหงิดและอารมณ์เสีย หลายครั้งเกือบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่พานจะลงกับลูกน้องที่ทำงานก็หลายหน พอรู้ตัวจะทนไม่ไหวเธอถึงบินกลับมาขอคำปรึกษากับเพื่อนนี่แหละ
“เขม... ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วอะ แกว่าฉันควรทำยังไงดี ในฐานะที่แกเคยคบกับคุณทิว แกให้คำปรึกษาฉันหน่อยได้ไหม ฉันไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้วจริง ๆ หากจะมีใครสักคนที่รู้จักเขาดีก็มีแต่แกนี่แหละที่ฉันพอจะนึกออก”
เขมิกาเพิ่งรู้จักคำว่าน้ำท่วมปากก็วันนี้ หญิงสาวกลอกตาครุ่นคิด จะบอกเพื่อนเรื่องของมีนาไปเลยดีไหม... แต่ถ้าบอกแล้วเพื่อนไม่เชื่อเธออีกล่ะ? ไม่ใช่ว่าครั้งก่อนเธอเตือนเพื่อนเรื่องของทิวากรไปแล้วไม่ใช่เหรอ?
ตอนนั้นเพื่อนยังไม่ฟัง ถ้าตอนนี้เตือนอีกครั้งเพื่อนจะยังฟังเธออยู่ไหม?
เขมิกาตั้งคำถามกับตัวเอง ก่อนตัดสินใจว่าจะบอกไปให้มันจบ ๆ เชื่อหรือไม่ก็สุดแท้แต่เพื่อนแล้ว
“วาด อันที่จริงฉันไม่ได้รู้จักคุณทิวดีพอหรอกนะ แกรู้ใช่ไหมว่าฉันจบกับเขาไม่ดี แกจำเรื่องที่ฉันเตือนแกได้ไหม” เขมิกาเกริ่นด้วยการหย่อนหินถามทาง ปานวาดพยักหน้ารับ
“จำได้ ตอนนั้นแกบอกว่าคุณทิวเขาไม่ได้คิดอะไรจริงจังกับฉัน แต่หวังใช้ฉันเป็นหมากในการทำร้ายแก”
“ใช่ เพราะฉะนั้น...” พูดยังไม่ทันจบปานวาดก็แทรกขึ้น
“แต่มันจะเป็นไปได้เหรอแก นี่มันเหมือนบทละครเลยนะ”
เขมิกาถอนหายใจ คิดแล้วเชียวว่าต้องพูดแบบนี้ “งั้นแกจะอธิบายสถานการณ์ที่แกเจอตอนนี้ว่ายังไง”
“เขาบอกฉันว่าเขางานยุ่ง” ปานวาดตอบเสียงอ่อย
เขมิกาถอนหายใจอีกครั้ง “วาด! แกเชื่อเขาจริง ๆ งั้นเหรอว่าเขาติดงาน”
“ฉัน...” ปานวาดพูดไม่ออก ไม่ใช่ว่าเธอดูไม่ออก ก็แค่หวังว่าเขาจะไม่หลอกเธอ
แค่คิดว่าถูกหลอกร่างกายก็สั่นเทิ้มทั้งโกรธทั้งผิดหวัง ปานวาดไม่เคยชอบใครมากแบบนี้มาก่อน ถ้าเขาโกหกและใช้เธอเป็นหมากจริง ๆ ล่ะก็ คงได้เห็นดีกันแน่
“ทำใจเถอะวาด เชื่อฉันเถอะ คุณทิวเขาไม่ได้จริงจังกับแกหรอก แล้วเขาก็มี...”
“ฉันไม่สนหรอก ฉันชอบคุณทิว ฉันไม่ยอมให้เขาเทฉันแน่” ปานวาดไม่รอให้เพื่อนพูดจบประโยคเธอก็แทรกขึ้นทันที หญิงสาวไม่พร้อมที่จะฟังว่าเขามีคนอื่นตอนนี้
“วาดแก...”
“ขอบใจนะแกสำหรับการให้คำปรึกษา พอดีเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระต้องทำน่ะ ขอตัวก่อนนะ” ปานวาดเอ่ยตัดบทคว้ากระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องเขมิกาทันที
“วาด! เดี๋ยวสิวาด วาด!” เขมิกาเดินตามพร้อมทั้งร้องเรียกเพื่อนแต่ปานวาดก็ไม่หยุดและไม่หันมามอง หญิงสาวเร่งฝีเท้าแล้วเข้าลิฟต์กดลงไปชั้นล่างต่อหน้าต่อตาคนที่ร้อนใจเป็นห่วงความรู้สึกตัวเอง
เขมิกาเดินกลับเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเครียดขึง อาการของปานวาดวันนี้มัน... ค่อนข้างน่าเป็นห่วง
“ยัยบ้าเอ้ย! จะมาขอคำปรึกษาทำไมถ้ามีคำตอบของตัวเองอยู่แล้ว รอให้ฉันพูดให้จบก่อนก็ไม่ได้ ทำให้คนอื่นเป็นห่วงและกังวลเก่งจริง ๆ ยัยเพื่อนบ้า” หญิงสาวยกมือดึงทึ้งผมตัวเองด้วยความหงุดหงิดที่ปานวาดไม่ยอมฟังเธอพูดให้จบ ซ้ำยังไม่เชื่อคำเตือนของเธออีกแล้ว!
ใจกระหวัดคิดถึงต้นเหตุของเรื่องขึ้นมาใบหน้าสวยฉายแววถมึงทึง เป็นเพราะเขาคนเดียวที่ดึงเพื่อนเธอเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องบ้า ๆ พวกนี้ ถ้าเขาอยากเห็นเธอเสียใจล่ะก็ เขาได้เห็นมันแล้วละ เพราะตอนนี้เธอกำลังรู้สึกเสียใจ
เสียใจที่ไม่สามารถห้ามปรามเพื่อนตัวเองอย่างจริงจังไม่ให้รู้สึกชอบทิวากรได้สักที
ถ้าเธอจริงจังเตือนเพื่อนกว่านี้สักหน่อย บางทีปานวาดคงไม่ชอบชายหนุ่มจนถลำลึกก็เป็นได้
เครียด!
เขมิกานั่งชันเข่ายกมือสองข้างประสานไว้ที่ใต้คาง แววตาสับสนกังวลเด่นชัด เธอจะทำอย่างไรดี
ทำยังไงเพื่อนเธอถึงจะเสียใจน้อยที่สุด
ทำยังไงคนเจ้าคิดเจ้าแค้นถึงจะหยุดเรื่องราวบ้า ๆ นี่เสียที
เธอเหนื่อยไปทั้งตัวทั้งหัวใจแล้วนะ...
ปานวาดเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ฟังคำเตือนของเพื่อนเลยเสียทีเดียว เพียงแต่ว่าเธอต้องการหลักฐานที่ชัดเจนมากกว่าคำพูดธรรมดาพวกนี้
ครั้นคิดหาทางออกไม่ได้ก็หงุดหงิด อารมณ์เสีย เหวี่ยงวีนใครไปหลายต่อหลายคน จนคนรับใช้ที่บ้านต่างเข้าหน้าเธอไม่ติด
อาจเป็นเพราะใบหน้าสวยที่ติดจะเคร่งเครียดและมีแววตาครุ่นคิดตลอดเวลาก็ได้ เลยทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าหา แม้แต่บิดามารดายังรับรู้อาการตึงเครียดของบุตรสาวได้โดยไม่ต้องบอก แต่พวกท่านก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรให้เจ้าตัวอึดอัด หากพร้อมลูกคงบอกพวกตนเอง ตอนนี้จึงทำได้เพียงแค่มองห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ
เย็นวันหนึ่งปานวาดตัดสินใจไปปาร์ตีตามคำชวนของเพื่อนอีกกลุ่มที่เขมิกาไม่รู้จัก หญิงสาวแทรกตัวเดินผ่านเหล่าผีเสื้อราตรีจนไปถึงโต๊ะที่เพื่อนจองไว้ได้ในที่สุด
“ไงยัยวาด? ออกจากหลุมได้แล้วเหรอ”
“ปากเหรอนั่นน่ะ หลุมบ้านแกสิ” ปานวาดตอบด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง
“ฮ่าฮ่า เห็นไม่ออกมาเที่ยวนานฉันก็นึกว่าแกฝังกลบตัวเองไปแล้ว”
“จิ๊! แกนี่ยังไง มันมาก็ดีแล้วไหม” เพื่อนอีกคนต่อว่าเพื่อนในกลุ่มอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะกว่าจะชวนคุณหนูปานวาดออกมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายสักหน่อย
“เอาน่า ฉันแค่หยอกเล่นเอง วาดไม่โกรธหรอกจริงไหม” คนถูกว่าไม่สลดยังหันมาถามปานวาดด้วยรอยยิ้ม ซึ่งปานวาดก็พยักหน้าให้แล้ว ๆ กันไป
“จริงสิ มาแล้วแกก็สนุกหน่อย ทำหน้าเครียดอยู่ได้ ทำไม หรือจับได้ว่าแฟนมีกิ๊ก”
“แกก็ถามมั่ว ๆ นะ แม้แต่แฟนมันยังไม่มี แล้วจะไปจับกิ๊กแฟนได้ยังไง”
“เออจริง”
ทั้งกลุ่มหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน เพราะต่างรู้ดีว่าคุณหนูปานวาดเลือกเยอะขนาดไหน ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ที่เจ้าตัวตั้งไว้ ต่อให้หล่อปานเทพบุตรมาจุติเธอก็ไม่คุยด้วยหรอก
ปานวาดไม่คิดแก้คำพูดของเพื่อน เพราะตอนนี้เธอยังไม่ได้มีสถานะที่ชัดเจนจริง ๆ เป็นแค่คนคุยของทิวากรมีอะไรให้น่าอวด หากเป็นคนรักสิค่อยน่าอวดหน่อย
คิดแล้วพานหงุดหงิด หญิงสาวยกแก้วเครื่องดื่มดื่มพรวด ๆ เรียกเสียงฮือฮาของเพื่อนทั้งกลุ่มได้เป็นอย่างดี ทุกคนลอบมองตากันแล้วพยักหน้าเงียบ ๆ ทั้งยังคิดไปในทิศทางเดียวกันอีกด้วยว่า สงสัยคุณหนูปานวาดมีเรื่องเครียด จึงเเปลงร่างจากนางฟ้าเป็นนางเมรีอย่างไม่กลัวเมา
“เอ๊ะ นั่นใช่ผู้หญิงที่คุณทิวควงมาเที่ยวช่วงนี้หรือเปล่า” เสียงเพื่อนในกลุ่มพูดขึ้นพร้อมชี้ไม้ชี้มือไปยังทิศทางหนึ่งที่มีหญิงสาวแต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟันยืนโยกเบา ๆ อยู่
“ใช่ ชีชื่อมีนา รู้ปะว่าชีโพนทะนาไปทั่วว่าตัวเองเป็นคนรักของคุณทิวน่ะ”
“หา! ว่าไงนะ? ชีเนี่ยนะเป็นคนรักของคุณทิว... ทิว ทิวากร ศิวานันท์น่ะนะ?!” เพื่อนอีกคนถามเสียงหลงอย่างไม่เชื่อ
เพื่อนในกลุ่มพยักหน้ารับ “จริงสิ นี่ชียังอวดไม่เลิกเลยนะ ว่าผู้ชายเทคแคร์ชีดีขนาดไหน เพื่อนในกลุ่มและสาว ๆ คนอื่น ๆ อิจฉาชีกันให้ควักเลยละ”
“อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ฉันก็อิจฉาเหมือนกัน ถ้าชีคว้าผู้ชายเกรดเอพลัสอย่างคุณทิวากรมาได้จริงละก็”
ปานวาดฟังเพื่อนในกลุ่มสนทนาด้วยความรู้สึกร้อนรุ่มในอก เนื้อตัวสั่นเทิ้มดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ มองไปยังผู้หญิงที่ชื่อมีนาอย่างศัตรูคู่อาฆาต
ทิว ทิวากร ศิวานันท์ก็มีแค่คนเดียว จะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่คนคุยของเธอ!
หญิงสาวยกแก้วเครื่องดื่มดื่มอึก ๆ หวังให้คลายความร้อนรุ่มในอกลง หากไม่ช่วยอะไร ซ้ำยังทำให้เธอรู้สึกหัวร้อนมากกว่าเก่า
ทิวากรต้องมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ เขาต้องตอบคำถามของเธอให้ได้!
ปานวาดตัดสินใจจะไปพบชายหนุ่มที่บริษัทศิวานันท์พรุ่งนี้เช้า โดยตั้งใจว่าจะไม่บอกให้เขารู้ตัว
ส่วนคำตอบจะออกมาได้รูปแบบไหนเธอพร้อมฟังทั้งนั้น ขอเเค่เคลียร์ให้รู้เรื่องชัดเจน ไม่ใช่คุยกับเธอแต่กลับควงกับผู้หญิงคนอื่น นอกจากจะเป็นการไม่ให้เกียรติเธอแล้วยังทำให้ความสัมพันธ์คาราคาซังอีกด้วย ซึ่งเธอไม่ชอบ!
อย่างไรพรุ่งนี้ทิวากรก็ต้องตอบคำถามของเธอให้ได้ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นเธอไม่ยอมแน่ ปานวาดคิดอย่างหมายมาดและแน่วแน่
เธอรอจนถึงพรุ่งนี้เช้าไม่ไหวแล้ว!