บทที่ 19 ตัวกระตุ้น2
จวนจะใกล้เวลาเลิกงานมีนาถึงยอมกลับไป ใบหน้าทิวากรฉายแววหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกหญิงสาววอแวไม่เลิก ชายหนุ่มยกมือปัดไปตามเนื้อผ้าของตัวเองให้เข้ารูปเข้ารอย พลางครุ่นคิด
ถึงมีนาจะน่าหงุดหงิดและทำอะไรเกินคำสั่งไปบ้างแต่ก็นับว่าการกระทำของเธอได้ผลดีทีเดียว เขามั่นใจว่าอีกไม่นานเขมิกาต้องเข้ามาในห้องเขาแน่ แววตาของเธอก่อนวิ่งออกจากห้องไปมันบอกเขาแบบนั้น
อ้อ กรุณาเข้าใจให้ถูก เขาไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากับมีนาในห้องทำงานหรอกนะ หลังเขมิกาออกไปเขาก็ไล่มีนาไปนั่งโซฟา ส่วนเขาก็ทำงาน ไม่สนใจใบหน้าบูดบึ้งแววตาหงุดหงิดของเจ้าหล่อนสักนิด
ผัวะ!
รอไม่นานประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างแรง ไร้ซึ่งเสียงเคาะประตูขออนุญาตแบบเช่นเคย
ทิวากรเลิกคิ้วมองคนเข้ามาใหม่ด้วยสายตาคำถาม ซึ่งเขมิกาก็ไม่รอช้า
“เขมไม่สนว่าคุณจะมีผู้หญิงในสต๊อกอีกกี่คน แต่คุณต้องไปเคลียร์กับยัยวาดให้ชัดเจน ในเมื่อคุณให้สถานะเพื่อนเขมไม่ได้ คุณก็ไปบอกเธอเลิกให้ความหวังลม ๆ แร้ง ๆ กับเธอเสียที”
“เรื่อง? ทำไมฉันต้องทำตามความต้องการของเธอด้วย ไม่คิดว่าเเบบนี้มันสนุกเหรอ ดูเธอสิ ดิ้นเป็นเจ้าเข้าเชียว”
“คุณทิว! เขมไม่ตลกกับคุณด้วยนะคะ”
“แล้วเธอคิดว่าฉันตลกหรือไง!”
“...” หญิงสาวเงียบไปแต่ส่งสายตาฟาดฟันเขาอย่างไม่กลัวเกรงเหมือนเคย
“เขมิกา เธอควรรู้สถานะตัวเองนะว่าเธอเป็นใคร ส่วนฉันเป็นใคร”
“เขมรู้ค่ะ คุณคือทิวากรชายหนุ่มผู้แสนเพอร์เฟกต์ ส่วนเขมคือเลขาพนักงานที่คุณจะคอยกลั่นแกล้งและกดขี่ยังไงก็ได้”
“ไม่ใช่! ฉันไม่ได้หมายถึงฐานะหน้าที่การงาน”
“แล้วคุณทิวหมายถึงอะไรคะ หรือคุณทิวหมายถึงเรื่องที่เขมติดค้างคุณทิว”
“ใช่! ฉันหมายถึงเรื่องนั้น เธอติดหนี้ฉัน เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้”
“งั้นก็มาลงที่เขมสิคะ! คุณอยากเอาคืนอยากแก้แค้นยังไงก็ได้จัดมาเลย มาลงที่เขมเลย แต่อย่ายุ่งกับเพื่อนเขม อย่าดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เข้ามายุ่ง คุณแค้นเขมก็ลงที่เขม ไม่ใช่เอาเพื่อนเขมมาเป็นหมากในการแก้แค้นบ้า ๆ แบบนี้”
“แก้แค้นบ้า ๆ งั้นเหรอเขมิกา เธอคิดว่าความเจ็บปวดของฉันมันเป็นแค่เรื่องบ้า ๆ หรือไงหา!” ทิวากรผุดลุกแล้วเข้ามากระชากต้นแขนของเขมิกาจนร่างบางปลิวปะทะอก ดวงตาของหญิงสาวไหววูบใบหน้าเหยเกกระนั้นกลับไม่ร้องออกมาว่าเจ็บ
“ตอบสิ! เธอเห็นความเจ็บปวดของฉันมันไร้ค่ามากเลยใช่ไหม เธอเลยไม่สนใจความรู้สึกฉันน่ะหา! สภาพฉันตอนนั้นเป็นยังไงเธอเคยสนใจบ้างรึเปล่า”
“ก็พูดมาสิคะ! พูดมาเลยให้เขมเข้าใจ คุณเอาแต่พูดว่าคุณเจ็บปวด แล้วเขมล่ะ เขมเจ็บไม่เป็นหรือไง เขมเสียใจไม่เป็นหรือไง เขมไม่มีความรู้สึกเหมือนกับคุณหรือไง” หญิงสาวตะเบ็งเสียงตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้ากับความอึดอัดนี้ เขาเอาแต่พูดว่าเขาเจ็บ เเล้วเขาล่ะเคยสนใจบ้างรึเปล่าว่าเธอก็เจ็บเป็นเหมือนกัน ก่อนหญิงสาวจะพรั่งพรูออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ
“คุณทิวก็สนแต่ตัวเอง สนแค่ว่าตัวเองเสียใจยังไงเจ็บปวดแค่ไหน แต่ไม่สนใจคนอื่นเลย ไม่เคยคิดแม้จะฟังคำอธิบาย ใช่! เขมยอมรับว่าเขมเป็นคนบอกเลิก แต่แล้วไงล่ะ คนบอกเลิกมันไม่เจ็บรึไงวะ ฮึก!”
ทิวากรตกใจที่ถูกหญิงสาวใส่อารมณ์ทั้งยังร้องไห้อีกด้วย ทว่าแรงที่บีบต้นแขนกลับไม่ผ่อนแรงลง
“เขมถามหน่อยเถอะ คุณทิวเคยคิดจะฟังเขมสักครั้งบ้างปะ”
“เหอะ เขมิกา เธอช่างกล้าพูดเนอะ ถ้าฉันไม่คิดฟังคำอธิบายฉันจะไปหาเธอที่ห้องจนเห็นผู้ชายคนอื่นใส่เสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ในห้องของเธอเหรอ ทำมาเป็นพูดดี เลิกเสเเสร้งสักที!”
“เออ! เขมเสเเสร้ง พอใจยัง?” เขมิกาสะบัดตัวออกจากการจับกุมจ้องตาคนที่เธอยังรักด้วยสายตาเดือดดาล
“แล้วก็นะ พูดใหม่ค่ะ คุณทิวไปหาเขมที่ห้องพอเห็นผู้ชายอยู่ในห้องก็ตีโพยตีพายไปเอง ด่าว่าเขมเเพศยาสวมเขาให้ ด่าว่าเขมมีชู้ ไม่เปิดโอกาสให้เขมได้พูดได้อธิบายเลยสักนิด ด่าเขมเสร็จก็วิ่งออกไป หันมามองข้างหลังบ้างปะว่าเขมต้องวิ่งตามจนล้มลุกคลุกคลานแค่ไหนอะ ฮึก ปากบอกอยากฟังคำอธิบายแล้วเคยอยากฟังมันจริง ๆ สักครั้งบ้างปะ บางทีถ้าคุณทิวเลิกอคติ เลิกเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ และเลิกเชื่อสิ่งที่เห็นสักเสี้ยวหนึ่ง บางทีคุณคงรู้ความจริงอะไรหลาย ๆ อย่างไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละ เรื่องมันผ่านมาแล้ว คุณเจ็บปวด เขมเจ็บปวด ต่างคนต่างเจ็บปวด งั้นก็หยุดแค่นี้เถอะค่ะ”
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าให้คุณทิวหยุดทุกอย่างแค่นี้ไงคะ เลิกเอาความรู้สึกของเพื่อนเขมมาเล่นสักที และถ้าเกลียดเขมมากขนาดนี้ เขมจะไปลาออกให้ เขมสัญญาว่าจะไม่มาให้คุณทิวเห็นหน้าอีก สัญญาว่าจะไปให้ไกลจากชีวิต อื้อ!”
ทิวากรทนฟังต่อไปไม่ไหวด้วยอารมณ์โมโหและอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายเขาจึงดึงคนตัวเล็กเข้ามาจูบปิดปากที่พยายามพ่นวาจาไม่น่าฟังนั้นซะ
เขมิกาดิ้นรนขัดขืนแต่กลับไม่สามารถสู้แรงคนตัวโตตรงหน้าได้เลย อ้อมแขนแกร่งที่กอดกระชับเธอจนทรวงอกนุ่มหยุ่นสัมผัสกับแผงอกแข็ง ต้นคอระหงถูกมือใหญ่กระชับตรึงให้รับจุมพิตจาบจ้วงนั้นอย่างเอาแต่ใจ
เรียวลิ้นหนากระหวัดรัดรึงดูดดึงเรียวลิ้นเล็กอย่างเอาแต่ใจ บ้างขบริมฝีปากเล็กทว่าอวบอิ่มและนุ่มนิ่ม ชายหนุ่มช่วงชิงลมหายใจและความหวานจากริมฝีปากเธออย่างคนพาล
เนิ่นนานแรงต่อต้านของคนในอ้อมแขนเริ่มน้อยลงจนกลายเป็นไร้แรงขัดขืนแล้ว ชายหนุ่มผุดยิ้มมุมปากอย่างรู้สึกดี ความหวานที่เขาได้รับมันช่างดีต่อความรู้สึกเขาจริง ๆ
จูบยังดีขนาดนี้แล้วถ้าเป็นอย่างอื่นล่ะ?
คิดได้แบบนั้นมือหนาเริ่มอยู่ไม่สุข เขารูปไล้แผ่นหลังบางผ่านเนื้อผ้า ก่อนวกมาเบื้องหน้าเข้ากอบกุมทรวงอกนุ่มแล้วบีบเคล้นอย่างแรง
เขมิกาที่ถูกลวนลามสะดุ้งสุดตัว สติสัมปชัญญะของหญิงสาวกลับมาอีกครั้ง งัดเรี่ยวเเรงอันน้อยนิดขัดขืนเขา ภายในใจตื่นตระหนกอย่างหนัก ตัวสั่นระริกทั้งโกรธทั้งอาย
เขาทำราวกับว่าเธอเป็นดอกไม้ริมทาง
เขาทำเหมือนเธอเป็นสิ่งไร้ค่า จะทำอะไรกับเธอยังไง เมื่อไหร่ตรงไหนก็ได้
จู่ ๆ เขมิกาก็มีแรงขึ้นมา เธอกัดลิ้นหนาที่เข้ามากวาดหาความหวานในปากของตัวเอง แล้วดิ้นรนผละตัวออกจากอ้อมแขนเขาอย่างรวดเร็ว
เพียะ!
เสียงฝ่ามือดังกระทบใบหน้าคมสันดังไปก้องห้อง เขมิกาหอบตัวโยนดวงตากลมโตสั่นระริกสายตาเจ็บปวดมองคนตรงหน้าด้วยอารมณ์สับสนวุ่นวาย ก่อนที่ร่างบางจะเดินกระแทกไหล่ชายหนุ่มออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว
“โธ่เว้ย!”
ทิวากรที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปหัวเสียอย่างหนัก เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มข้างที่โดนตบก่อนยกมือมาลูบเบา ๆ
“มือหนักเป็นบ้า!” ชายหนุ่มพูดเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนทั้งสีหน้าและแววตาจะกลัดกลุ้ม และรู้สึกไม่สบายใจ ทั้งยังโกรธตัวเองแปลก ๆ
สายตาเจ็บปวดที่เขาเฝ้าอยากเห็นจากเขมิกา หากได้เห็นแล้วกลับรู้สึกหน่วงในอกอย่างไรไม่รู้ แทนที่จะรู้สึกดีใจหรือมีความสุขอย่างที่เคยคิดไว้ เขากลับรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นไม่ได้เลย
นี่เขาเป็นบ้าอะไรกันแน่?