บทที่ 16 ภาพบาดตา1
แผนการต่าง ๆ ดำเนินไปตามที่ทิวากรวางแผนไว้เป็นอย่างดี น่าแปลกที่สุดท้ายแล้วเป็นเขาเองที่ไม่มีความสุข เป็นเขาที่หงุดหงิดอารมณ์เสียเมื่อไม่เห็นเขมิกาเป็นทุกข์ตามที่ใจวาดหวัง กระวนกระวายไม่สบอารมณ์ยามเห็นเธอคุยกับผู้ชายคนอื่น ทั้ง ๆ ที่เธอก็ติดต่อแค่เรื่องงาน ชายหนุ่มรู้สึกโมโหตัวเองที่รู้สึกแบบนั้น หากไม่แสดงออกไปให้เธอได้รับรู้
ตุบ!
ทิวากรกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานด้วยความหงุดหงิดใจ ทั้งตอนนี้ยังต้องมานั่งรำคาญกับความจู้จี้จุกจิกวุ่นวายเกินพอดีของปานวาดอีก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่สมอารมณ์กับเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าระคนเสียงสายเรียกเข้าที่ดังแทรกขึ้นมา ตาคมปรายมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาเป็นต้องกลอกตา
เหอะ น่ารำคาญเป็นบ้า
ชายหนุ่มสบถ คิดว่าปานวาดจะว่าง่ายกว่านี้เสียอีก ที่ไหนได้กลับทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา ทั้งที่สถานะก็เป็นได้แค่คนคุย
ใช่ เขาคุยกับเธอมาร่วมเดือนแล้ว เป็นร่วมเดือนที่เขาพยายามเอาอกเอาใจหญิงสาวหวังให้ใครอีกคนเจ็บ แต่มันกลับไม่ได้ผล ในเมื่อหมากอย่างปานวาดใช้งานไม่ได้ เขาจะยังใช้ต่อไปทำไม
ทิวากรรอจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์หยุดลงเขาถึงหยิบมันขึ้นมาดู ตามคาด ข้อความและสายโทรเข้าเป็นใครไม่ได้นอกจากผู้หญิงน่ารำคาญคนนี้ มือหนาวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนนึกได้ว่ามีงานที่ยังต้องคุยกับปานวาดอยู่ ดังนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์และส่งข้อความไปหา
‘ขอโทษที่ไม่ได้รับสายและไม่ได้ตอบนะครับ’
‘พอดีผมงานยุ่ง เพิ่งว่าง’
‘คุณวาดว่างไหมครับ ถ้าว่างเอางานที่เราคุยกันค้างไว้มาหาผมที่บริษัทได้เลยครับ’
ทันทีที่ปานวาดได้รับข้อความของชายหนุ่มความกระวนกระวายใจก็หายไป ใบหน้าสวยยิ้มเริงร่าจัดเตรียมเอกสารแล้วออกไปพบชายหนุ่มที่บริษัทศิวานันท์ทันที ไม่ให้เธอรีบได้อย่างไร นี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมให้เธอไปหาที่บริษัทเลยนะ
ส่วนเขมิกาที่ยังนั่งทำงานของตัวเองไม่รู้เรื่องราวอะไรอยู่นั้นก็ต้องเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นเงาคนตัวใหญ่ทาบทับลงมา หญิงสาวสะกดความรู้สึกของตัวเองไว้ในส่วนลึกก่อนเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย
“คุณทิวมีอะไรจะใช้งานเขมเหรอคะ”
ตั้งแต่ที่ปะทะคารมณ์กันเมื่อเดือนก่อน เขมิกาก็ไม่ยอมเรียกเขาว่าท่านรองอีกเลย ต่อให้เขาสั่งอย่างไรเธอก็ไม่ยอมเรียก เธอเรียกเขาว่าคุณ ทุกคำทำชายหนุ่มอารมณ์เสียไม่น้อย ดีที่เธอยังแทนตัวเองว่าเขมอยู่ ไม่เช่นนั้นคงได้เห็นดีกันอีกแน่
“เดี๋ยวปานวาดจะเข้ามา เธอไปเตรียมของรับรองให้เรียบร้อย เธอมาถึงจะได้ไม่ต้องรอ”
“คุณทิวอยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”
“ไม่ต้อง! อะไรเหมาะสมก็เอาเข้ามา”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
หญิงสาวรับคำแล้วก้มหน้าทำงานของตนเองต่อ ซึ่งปฏิกิริยานั้นก็ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจเหมือนเดิม ตาคมเขม่นมองคนตัวเล็กที่นั่งทำงานไม่สนใจเขา แสร้งไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้มันน่านัก!
กล้าดีอย่างไรไม่สนใจเขา
กล้าดีอย่างไรถึงเมินเขา
เธอกล้า!..
ชายหนุ่มได้แต่สบถในใจคนเดียว ก่อนเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับห้องทำงาน
ฟู่ว!
เขมิกาเป่าปากโล่งอกเมื่อชายหนุ่มเดินจากไปสักที เธอไม่อยากปะทะอารมณ์กับเขา มันเปลืองพลังงาน ทุกวันนี้แค่ทำงานของตัวเองกับงานที่เขาโยนมาใส่หัวก็แทบจะไม่มีแรงเหลือแล้ว ให้เธอได้หายใจหายคอคล่องบ้างเถอะ
ส่วนเขาจะพอใจหรือไม่พอใจ จะทำอะไรก็ทำ มันเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเธอ หากเรื่องที่เขาทำมันไม่รุนแรงเกินไป เธอก็จะยอมหลับตาข้างลืมตาข้างแล้วกัน
ว่าแล้วก็เดินไปเตรียมของรับรองไว้รอจนปานวาดมาถึงค่อยยกเข้าไปให้
1 ชั่วโมงต่อมาปานวาดก็มาถึงบริษัทศิวานันท์ หญิงสาวขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นผู้บริหารตามที่พนักงานแผนกต้อนรับบอก เดินออกจากลิฟต์มาเรื่อย ๆ จนเห็นเขมิกานั่งทำงานอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง
“เขม นั่นใช่ห้องทำงานคุณทิวหรือเปล่า”
เขมิกาเงยหน้ามองตามปลายนิ้วของปานวาดพลางพยักหน้ารับ “ใช่ เธอเข้าไปสิ เดี๋ยวฉันยกของว่างไปให้”
“เดี๋ยวค่อยยกเข้าไปได้ไหม ขอฉันคุยเรื่องส่วนตัวกับคุณทิวก่อน อีกครึ่งชั่วโมงเธอค่อยยกเข้าไป”
“ได้สิ” เห็นว่าสิ่งที่เพื่อนขอไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง หญิงสาวจึงรับคำอย่างว่าง่าย
ปานวาดฉีกยิ้มให้เพื่อนสนิทก่อนเดินไปยังห้องทำงานของชายหนุ่ม ระหว่างนั้นก็คิดในใจ ตอนแรกว่าจะไม่คิดแต่พอมาเห็นเขมิกานั่งทำงานอยู่หน้าห้องของทิวากรแบบนี้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจแกว่ง
ยอมรับว่าเธอไม่เชื่อใจใคร แม้คุณทิวจะเอ่ยปากว่าโกรธแค้นเพื่อนของเธอก็ตาม ยิ่งทั้งสองเคยคบหากันมาก่อน และยังต้องมาเห็นหน้ากันทุกวัน ทำงานใกล้ชิดกันแบบนี้ เธอกลัวว่าถ่านไฟเก่ามันจะคุเข้าสักวัน ช่วงนี้ทิวากรยิ่งแปลก ๆ อยู่ด้วย
ปานวาดรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง!
“วาด ทำไมไม่เข้าไปอีกล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า” ปานวาดสะดุ้งกับเสียงของเขมิกา สายตาคำถามและเป็นห่วงเป็นใยของเพื่อนที่มองมาทำให้ปานวาดรู้สึกตัว นี่เธอกลัดกลุ้มจนยืนคิดเรื่องของชายหนุ่มและเพื่อนของตัวเองหน้าห้องทำงานเขาเลยหรือ? หญิงสาวโครงศีรษะไปมาช้า ๆ
“เปล่า แค่คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะ ขอตัวก่อนนะ”
“อืม” จบคำของเขมิกา ปานวาดก็เคาะประตูห้องก่อนเดินหายเข้าไป โดยมีสายตาครุ่นคิดของเขมิกามองตามหลัง
“เป็นไงบ้างครับคุณวาด กว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่รถติดหรือเปล่าครับ” ทิวากรเอ่ยถามขึ้นเมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องตัวเองแล้ว
“นิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวรับคำก่อนนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ตามที่เจ้าของห้องเชื้อเชิญ
“คุณวาดมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ” ทิวากรถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีสีหน้าไม่สบายจริง ๆ ให้เดาคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขา
“ก็มีค่ะ” ปานวาดรับคำพร้อมมองตาเขาอย่างค้นหา แต่เมื่อไม่เห็นอะไรผิดแปลกนอกจากอาการเหนื่อยล้าจากการทำงานหญิงสาวก็ลอบพรูลมหายใจออกมาจากปาก ซึ่งก็ไม่ได้รอดพ้นไปจากสายตาคู่คมของทิวากรเลยแม้แต่น้อย
“ช่วงนี้คุณกรทำงานหนักเหรอคะ”
“ใช่ครับ ช่วงนี้งานของผมค่อนข้างหนักแล้วก็ยุ่งเอาการน่ะครับ เวลากินข้าวยังแทบจะไม่มี เวลาพักผ่อนก็เช่นเดียวกัน” ชายหนุ่มตอบตามจริง เนื่องจากช่วงนี้เขาทำงานหนักจริง ๆ ...แต่ก็จริงเพียงครึ่งเดียว
ที่บอกว่าไม่มีเวลากินข้าวและพักผ่อนนั้นเขาโกหก! ใครใช้ให้หญิงสาวจู้จี้จุกจิกกับเขาเกินไปละ การตอบไปแบบนี้ก็เพื่อให้หญิงสาววุ่นวายกับเขาน้อยลง
สงสัยหลังจากนี้เขาคงต้องห่างจากเธอแล้วละก่อนที่เธอจะวุ่นวายกับเขาไปมากกว่านี้ คิดดูแล้วเธอก็ไม่ได้ผิดและเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเขาและเขมิกาเลย การดึงหญิงสาวเข้ามายุ่งเป็นการทำร้ายเธอเกินไปจริง ๆ เกิดเธอรักเขาขึ้นมาได้ยุ่งมากกว่าเก่าแน่ ยังไงก็ต้องทำธุรกิจร่วมกันแถมยังเป็นหุ้นส่วนกันในหลาย ๆ เรื่อง ดังนั้นไว้ไมตรีหน่อยดีกว่า
ทิวากรคิดเช่นไรปานวาดไม่รับรู้ แค่รู้ว่าเขางานยุ่งและเห็นว่าเขามีอาการเหนื่อยล้าจริง ๆ เธอก็สบายใจแล้ว ถ่านไฟเก่าที่เธอกลัวว่ามันจะคุนั้นไม่เกิดขึ้นแน่นอน
หญิงสาวระบายยิ้มเต็มใบหน้า สายตาสดใสเป็นประกายมองคนที่ตัวเองรู้สึกชอบมากขึ้นทุกวันด้วยความรู้สึกยินดี
“คุยงานกันเลยไหมครับ”
“ก็ดีครับ แต่เอ... ทำไมเขมิกาไม่เอาของว่างมารับรองแขกเสียที ใช้ไม่ได้จริง ๆ”
ชายหนุ่มบ่นหญิงสาวซึ่งปานวาดก็ไม่ได้แก้ตัวให้แต่อย่างใดว่าเธอบอกให้เพื่อนนำของว่างมาให้อีกครึ่งชั่วโมง
ปานวาดกลัวว่าถ้าบอกไปชายหนุ่มจะไม่พอใจ ทั้งเธอยังอยากอยู่กับเขาสองต่อสอง ไม่ต้องการก้างขวางคอ ดังนั้นเธอขอเห็นแก่ตัวสักครั้งแล้วกัน ยัยเขมโดนบ่นแค่นี้คงไม่เป็นไรหรอก เธอคิดอย่างเห็นแก่ได้ในใจ ไม่รู้สึกห่วงเพื่อนสักนิดว่าถ้าเธอกลับไปเขมิกาจะเจอกับอะไรบ้าง
บทสนทนาโต้ตอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องงานนานนับครึ่งชั่วโมงเป็นเวลาที่ปานวาดนัดเขมิกาให้เอาของว่างมาเสิร์ฟพอดี หญิงสาวผุดลุกก่อนสะดุดล้มนั่งทับตักชายหนุ่มอย่างหมิ่นเหม่ แขนเรียวยกคล้องคอชายหนุ่มไว้อย่างเจาะจง เป็นจังหวะเดียวกับที่เขมิกาเข้ามาเห็นพอดี
ตึก ตึก ตึก
เสียงหัวใจของหญิงสาวเต้นแทบทะลุอก เธอมองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บแปลบและรู้สึกวูบโหวงในอก
...พวกเขาจูบกัน