บทที่ 14 หลุมพราง2
“ว่าไงครับ จะถามหรือเปล่า ถ้าไม่ถามตอนนี้มาถามทีหลังผมไม่ตอบแล้วนะ” เสียงนุ่มทุ้มละมุนของเขาดังขึ้นอีกครั้ง ปานวาดสูดลมหายใจเข้าลึกเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาก่อนมองหน้าและถามเขาตรง ๆ ว่า
“ขอโทษนะคะคุณทิว คือ เอ่อ” พอจะถามเข้าจริง ๆ กลับหาเสียงตัวเองไม่เจอ หญิงสาวรู้สึกเก้อกระดาก จะว่าไปสิ่งที่เธอกำลังจะถามมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา หากถามไป ชายหนุ่มจะหาว่าเธอละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่า ถึงเขาจะอนุญาตแล้วก็เถอะ ยิ่งคิดคิ้วเรียวของเธอยิ่งกดเข้าหากัน
ทิวากรเห็นหญิงสาวไม่กล้าถามจึงเอ่ยสิ่งที่ปานวาดจะถามขึ้นมาเอง “คุณวาดจะถามผมเรื่องผมกับเขมิกาหรือเปล่าครับ”
“ชะ ใช่ค่ะ คุณทิว คือว่าวาด” หญิงสาวไม่พูดต่อ ช้อนดวงตากลมโตมองเขาอย่างไม่มั่นใจ ครั้นเห็นเขาไม่มีกิริยาผิดแปลก ทั้งยังมีท่าทีสบาย ราวกับเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพื่อคลายข้อสงสัยของตัวเอง หญิงสาวจึงตัดสินใจถามขึ้น
“ยัยเขมบอกวาดว่าคุณทิวกับยัยเขมเคยคบหากัน แล้วมีเหตุให้ต้องเลิกกันโดยที่ยัยเขมเป็นคนบอกเลิก สุดท้ายก็ไม่ได้เจอกันนานหลายปี คุณทิวรู้สึกเจ็บแค้นพอกลับมาเจอกันครั้งนี้ เลยคิดหาทางเอาคืนเขม ประจวบกับเห็นว่าวาดเป็นเพื่อนสนิทของยัยเขมพอดี เลยหวังจะใช้วาดเป็นหมากในกระดานแก้แค้นยัยเขม ทำให้ยัยเขมเจ็บจริงหรือเปล่าคะ เรื่องนี้เป็นมายังไงกันแน่คะคุณทิว ที่ยัยเขมพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า คุณทิวช่วยอธิบายให้ชัดเจนให้วาดเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ แล้ว เอ่อ คือ... คุณทิวเห็นวาดเป็นแค่หมากอย่างที่ยัยเขมพูดหรือเปล่า”
“จริงครับ” ปานวาดหน้าเสียเมื่อชายหนุ่มยอมรับตรง ๆ นี่หมายความว่าเป็นเธอคิดเพ้อฝันไปเองฝ่ายเดียวว่าเขาสนใจว่าเขาชอบเธออย่างนั้นเหรอ แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นเสียงนุ่มทุ้มของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง และมันก็ช่วยทำให้เธอโล่งอก
“เรื่องที่ผมเคยคบกับเขมิกาเป็นเรื่องจริงครับ แต่มันก็นานมาแล้ว นานจนผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ ส่วนเรื่องแค้นที่ถูกบอกเลิก ผมยอมรับว่าแค้นครับ เป็นใครจะไม่แค้นละครับ อยู่ดี ๆ ก็ถูกบอกเลิกเฉยเลยคำอธิบายก็ไม่มีให้ หึ ถ้าเป็นคุณวาดจะไม่แค้นเหรอครับ”
“เอ่อ ก็แค้นค่ะ”
“นั่นไงครับ แต่แค้นก็แค่แค้น ผมอายุเกือบจะสามสิบแล้วนะครับไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ผมไม่มาคิดเเผนเเก้แค้นบ้าบออะไรนั่นหรอกครับ เอาเวลาไปพัฒนาธุรกิจของตัวเองให้ดีขึ้นดีกว่า คุณวาดว่าจริงไหม” ชายหนุ่มหยุดถามหากไม่รอคำตอบเขายังพูดต่อ
“ส่วนเรื่องเห็นคุณวาดเป็นหมากไหม ผมยอมรับว่าพูดกับเขมิกาอย่างนั้นจริง แต่ก็แค่พูดนั่นแหละครับ เห็นเธอกระวนกระวายบ้างก็ทำให้รู้สึกดีเหมือนกัน”
“คุณทิวเห็นวาดเป็นหมากเพื่อทำให้ยัยเขมกระวนกระวายเท่านั้นเหรอคะ” ปานวาดถามอย่างคนประหม่า ทิวากรระบายยิ้มอบอุ่น สายตาอ่อนโยนทอดมองไปยังคนที่นั่งตรงข้ามกัน
“เปล่าครับ ผมแค่พูดให้เขมิกาดิ้นเล่น ๆ เท่านั้น สำหรับผม คุณคือผู้หญิงที่สวย มั่นใจ และฉลาด เป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมสนใจน่ะครับ เรื่องหมากเหมิกอะไรนั่น ผมไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ผมสนแค่ว่าคุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ จะถือหรือเปล่าที่ผมเคยคบหากับเพื่อนของคุณ แล้วถ้าเรื่องที่ผมพูดว่าคุณเป็นหมากกับเขมิกาทำให้คุณวาดไม่สบายใจ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”
ทิวากรเลือกอธิบายความจริงบางส่วนเท่านั้น ส่วนไหนพูดได้ก็พูด ส่วนไหนพูดไม่ได้เขาก็เก็บเอาไว้ ชายหนุ่มมองคนตรงหน้ายิ้ม ๆ
ปานวาดที่ได้ยินเขาถามแบบนั้นทั้งสายตาที่ใช้มองเธอก็อ่อนโยนเสียยิ่งกว่าอรุณรุ่งยามเช้า หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแรงราวกับเพิ่งมีรักแรก มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้น ดวงตาทอประกาย ทิวากรเห็นแล้วพลันกระตุกยิ้มทรงเสน่ห์
หึ ก็แค่นี้ ฉลาดแค่ไหนอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบก็กลายเป็นคนซื่ออยู่ดี
“ว่าไงครับ คุณวาดจะรังเกียจหรือเปล่าที่ผมเคยคบเพื่อนสนิทของคุณ”
“มะ ไม่ค่ะ ไม่รังเกียจ จริง ๆ มันก็เป็นแค่เรื่องของอดีต วาดไม่ถือหรอกค่ะ” หญิงสาวละล่ำละลักตอบคำ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงรุกคืบ
“ถ้าอย่างงั้นคุณวาดคงจะไม่ว่าอะไรหากผมจะส่งข้อความหรือโทรไปกวนบ่อย ๆ”
ฉ่า! ปานวาดรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนทอด น้ำเสียงทุ้มละมุน สายตาทอประกายอ่อนโยนจากคนหล่อเหลาตรงหน้า ดาเมจนี้รุนแรงเกินไปแล้ว ไม่ไหว หญิงสาวรับไม่ไหว
“คะ ค่ะ”
เธอตอบได้แค่นั้นก็ก้มหน้าหนีสายตาหยอกล้อของเขา เรียกเสียงหัวเราะของชายหนุ่มได้อีกระลอก โดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่า ชายหนุ่มเปลี่ยนสายตาอ่อนโยนเป็นล้ำลึกมองเธอไปแล้ว ทั้งมุมปากของเขายังกระตุกยิ้มอย่างชั่วร้ายอีกด้วย
ทิวากรไม่รู้สึกผิดสักนิด ในเมื่อเหยื่อตกลงในหลุมพรางของนายพรานเองมันก็ช่วยไม่ได้ ยอมรับว่าปานวาดเป็นคนน่าสนใจ แต่ก็เท่านั้น สำหรับเขาอะไรก็ไม่สำคัญไปกว่าการได้แก้แค้นเขมิกาและทำให้หญิงสาวเจ็บแล้ว ดังนั้นหลุมพรางนี้ ในเมื่อปานวาดก้าวขาลงมาเอง ดังนั้นจะมาโทษเขาไม่ได้
เขาไม่ยอมรับ!
‘เอาล่ะค่ะคุณผู้ช๊มมม ข่าวบันเทิงก็อดซิปก็อดใจวันนี้ขอเสนอข่าวไฮโซหนุ่มหน้าคมและสาวหน้าสวย ฝ่ายชายอักษรย่อทอทหาร ฝ่ายหญิงอักษรย่อวอแหวน สายข่าวของเรารายงานมาว่าเห็นทั้งคู่นั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง บรรยากาศระหว่างทั้งคู่เต็มไปด้วยความสดใสเป็นประกายวิบวับสีชมพู ออร่าความรักฟุ้งกระจายจริง ๆ ค่ะ เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหัวเราะ งานนี้ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้รับข่าวดีของทายาทอสังหาริมทรัพย์เร็ว ๆ นี้หรือเปล่านะคะ เอาเป็นว่าดิฉันศุภกานต์จะติดตามข่าวนี้ต่อไป หากมีอะไรคืบหน้า ดิฉันจะรีบมารายงานให้คุณผู้ชมฟังอีกครั้งค่ะ ขอปิดรายการข่าวก็อดซิปก็อดใจด้วยภาพของชายหนุ่มและหญิงสาวปริศนาแล้วกันนะคะ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่า’
จบรายงานพิธีกรรายการภาพชายหนุ่มหล่อเหลาก็โชว์หราอยู่บนหน้าจอสี่เหลี่ยม ใจของเขมิกากระตุกวูบ ก่อนชาหนึบไปทั้งร่าง ชายคนนั้นคือทิวากร ส่วนผู้หญิงที่ถูกเบลอหน้าไม่บอกก็รู้ว่าคือปานวาดเพื่อนสนิทของเธอ
หญิงสาวจับจ้องภาพที่อยู่บนจอโทรทัศน์ไม่กะพริบตา สายตาอ่อนโยนและรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยได้รับอยามนี้เขามอบมันให้ผู้หญิงคนอื่น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนสนิทของเธอเอง หญิงสาวจะไม่คิดมากเลย ถ้าเขาบริสุทธิ์ใจในการเข้าหาเพื่อนของเธอ แต่นี่...
ร่างบางกัดริมฝีปากก่อนเม้มเเน่นดวงตากลมโตไหวระริก “ไม่ ๆ จะเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ให้เป็นแบบนี้ไม่ได้” หญิงสาวผุดลุกจากโซฟาเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือในห้องนอน แล้วออกมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง นิ้วเรียวกดค้นหาข่าวก็อดซิปของวงการบันเทิงและเซเลปไฮโซ เมื่อเจอแล้วจัดการแคปหน้าจอเข้าแอปพลิเคชันสื่อสารที่นิยมของยุคสมัยทันที
ติ๊ง
เขมิกา : แนบรูปภาพ
นิ้วเรียวที่รัวตัวอักษรยังไม่ทันจะกดส่งประโยคที่พิมพ์ด้วยความร้อนใจเสียงแจ้งเตือนจากคู่สนทนาก็ดังขึ้นรัว ๆ
ติ๊ง ๆ ๆ
ปานวาด : เห็นแล้วเหรอ
ปานวาด : ขอบคุณที่เตือนนะเขม แต่ฉันถามคุณทิวแล้วละ เขาบอกว่าไม่มีอะไรแค่พลั้งปากประชดเธอเท่านั้น ฉันไม่ถือที่เธอกับเขาจะเคยคบกัน ส่วนสถานะตอนนี้ระหว่างฉันกับคุณทิวก็คือกำลังศึกษากันอยู่
ปานวาด : แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องไปแล้ว คุณทิวนัดฉันไปดูหนังน่ะ
เขมิกาวนอ่านข้อความของปานวาดซ้ำไปซ้ำมาพร้อมส่ายหน้าอย่างไม่อยากยอมรับ หญิงสาวทรุดนั่งลงบนโซฟาอย่างคนหมดแรง หยดน้ำตาร่วงเผาะ
ไม่ได้หวงที่ชายหนุ่มจะมีใคร ที่ร้องไห้เพราะเขาไม่คิดจะหยุดแผนการทำร้ายเธอโดยการดึงเพื่อนเธอมาเกี่ยวข้อง สายตาของหญิงสาวทั้งสับสนและว้าวุ่น ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับเพราะรู้สึกปวดหัว