บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 หมากตัวใหม่1

“ท่านรองคะ วันนี้บ่ายโมงตรงท่านรองมีนัดกับหุ้นส่วนนะคะ เพื่อพูดคุยทำข้อตกลงโครงการใหม่ที่ทางนั้นเสนอมาให้เราร่วมลงทุนค่ะ”

ทิวากรชะงักมือที่กำลังจรดปลายปากกาบนเอกสารสำคัญ ชายหนุ่มคิดเล็กน้อยก่อนถาม “โครงการรีสอร์ตที่เชียงรายที่ทางนั้นไปเทคโอเวอร์มาใช่ไหม”

“ค่ะ”

“เข้าใจแล้ว เธอก็ไปด้วยละ แต่งตัวให้มันดี ๆ ฉันไม่อยากให้ใครมาสบประมาทฉันได้ว่าใช้งานเลขาหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง น่าเบื่อชะมัดแค่นี้ก็ต้องให้บอก” ชายหนุ่มบอกพลางบ่นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเลขาคนสวยผมเผ้าไม่เรียบร้อย

“ค่ะ” หญิงสาวกัดฟันตอบรับ นึกแค้นในใจ ไอ้ที่สภาพเธอเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะเขาใช้งานเธอจนหัวหมุนหรือไง ยังไม่ทันเที่ยงเธอก็ใช้มือขยี้หัวตัวเองไม่รู้กี่รอบแล้ว ถ้าผมยังอยู่ทรงเหมือนตอนมาก็บ้าแล้ว!

“ออกไปได้แล้ว เอากาแฟมาให้ฉันด้วย ชงมาให้ดีละ ถ้าครั้งนี้เธอพยศใส่เกลือมาให้ฉันกินเหมือนคราวก่อนละก็ เธอเจอดีแน่” ชายหนุ่มขู่คนตัวเล็ก ที่ตอนแรกเหมือนจะยอมรับชะตากรรมให้เขาแกล้ง ที่ไหนได้ผ่านไปไม่ทันไรก็พยศขึ้นมา เธอช่างกล้าเอาเกลือใส่กาแฟให้เขากิน ยังจำรสชาติเค็มบาดจิตบาดใจไม่หายเลย นี่โรคไตไม่ถามหาก็ถือว่าเขาโชคดีสุด ๆ แล้ว

คนถูกขู่อมยิ้มในหน้าตอบรับคำแล้วออกจากห้องไปก่อนกลับมาพร้อมถ้วยกาแฟอีกครั้ง

“วางแล้วก็ใสหัวไป ชังน้ำหน้า”

เขมิกากลอกตาให้คนปากจัด แล้วออกจากห้องไปตามความต้องการของเจ้าตัว

วันเวลาผ่านไปเช่นนี้ นานวันเข้าเขมิกาก็ชินชากับการกลั่นแกล้งแบบเด็ก ๆ ของเขา แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่ชินคือถ้อยคำจิกกัดที่เขามักสรรหาคำมาพูดให้เธอเจ็บช้ำ เสเเสร้งบ้างละ สร้างภาพบ้างละ และถ้อยคำร้าย ๆ อีกหลายอย่างจนเธอไม่อยากจำ หากหญิงสาวไม่ได้ผูกใจเจ็บ

ถ้าเขาต่อว่าเธอแล้วมีความสุขก็ทำไป เธอไม่เดือดร้อน เพราะถ้อยคำที่เขาว่ากระทบเธอมันไม่ใช่เรื่องจริง เลยไม่รู้ว่าต้องถือไว้ให้หนักทำไม พอปล่อยวางได้ ชีวิตการทำงานของหญิงสาวก็ราบรื่นมากขึ้น อะไรที่เขาพูดมาเธอก็ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา เป็นเช่นนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ถ้าเขาไม่เหนื่อยก็ให้เขาพูดไปเถอะ

เธอคร้านจะใส่ใจแล้ว!

ณ ห้องอาหารของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง

ร่างบางของเขมิกาเดินเคียงคู่มาพร้อมร่างสูงของทิวากร ทั้งสองตรงดิ่งไปยังโต๊ะอาหารที่หุ้นส่วนได้นัดหมายไว้

“เขม! ทางนี้”

เขมิกาได้ยินสียงเรียกก็มองหาจนเจอต้นตอของเสียงยืนโบกมือส่งยิ้มให้เธออยู่ หญิงสาวเดินนำชายหนุ่มเข้าไปหา โดยมีสายตาเคลือบแคลงสงสัยของทิวากรมองตามหลัง

“รอนานไหม”

“ไม่นาน ฉันก็เพิ่งมา แล้วนี่” หญิงสาวคนที่ร้องเรียกเขมิกาใช้สายตาคำถามมองชายหนุ่ม แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใครก็ตาม เพื่อไม่ให้เสียมารยาทเพราะเพิ่งเจอกันครั้งแรก เธอจึงรอให้เพื่อนของตัวเองแนะนำให้เธอรู้จักกับเขาอย่างเป็นทางการอีกที

“ท่านรองคะ นี่ปานวาดเพื่อนฉันค่ะและเป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่ยื่นข้อเสนอให้เราร่วมลงทุนในโครงการรีสอร์ทที่เชียงรายที่บริษัทเธอเทคโอเวอร์มาค่ะ วาด นี่คุณทิวากร ท่านรองประธานบริษัทศิวานันท์ เจ้านายฉัน” หญิงสาวแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันอย่างเป็นทางการด้วยรอยยิ้ม

ปานวาดดวงตาเป็นประกายมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชอบอย่างไม่คิดปิดบัง ยื่นมือไปจับและทักทายชายหนุ่มก่อนอย่างเร็วรี่

“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะคะคุณทิวากร ฉันปานวาดค่ะ แหม ไม่คิดว่าตัวจริงจะหล่อเสียยิ่งกว่าในรูปอีกนะคะ” หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

ชายหนุ่มกลั้วหัวเราะพร้อมกับยื่นมือไปจับ “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณปานวาด ไหน ๆ เราก็เป็นหุ้นส่วนธุรกิจกันแล้ว เรียกผมทิวก็ได้ครับ”

“ได้ค่ะคุณทิว งั้นคุณเรียกฉันว่าวาดเถอะค่ะ จะได้ดูสนิทกันขึ้นมาหน่อย ดีไหมคะ”

“ดีครับ แต่เอ... ผมไม่เคยรู้เลยนะครับว่าคุณวาดจะรู้จักเลขาของผมด้วย”

“อ๋อ พอดีวาดเป็นเพื่อนสนิทอีกคนของยัยเขมน่ะค่ะ รู้จักกันมาหลายปีแล้ว ที่วาดจบจากมหา’ลัยมาได้ก็ได้ยัยเขมนี่แหละค่ะช่วย” เห็นชายหนุ่มทำหน้าฉงนจึงอธิบายต่อ

“คือตอนแรกวาดเรียนที่ต่างประเทศน่ะค่ะ แล้วก็ย้ายมาเรียนมหา’ลัยที่นี่ ตอนไปเรียนวันแรกแทบไม่มีเพื่อนเลยค่ะ ได้ยัยเขมกับยัยอินที่มาทำความรู้จัก จากนั้นเราก็เลยคบหากันเรื่อยมาจนกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างทุกวันนี้แหละค่ะ”

‘มิน่าละ’ ชายหนุ่มพยักหน้าน้อย ๆ พึมพำเบาในลำคอ คำอธิบายของปานวาดทำให้เขาคลายความสงสัยว่าทำไมหญิงสาวตรงหน้าถึงเหมือนไม่รู้เรื่องราวระหว่างเขากับเขมิกา ที่แท้เจ้าตัวก็เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศตอนที่เขาไปเรียนต่างประเทศพอดีนี่เอง

“คุณทิวคะ คุณทิวเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“เปล่าครับ ผมแค่คิดอะไรนิดหน่อย ว่าแต่คุณวาดทานอะไรมาหรือยังครับ”

“วาดทานแล้วค่ะ คุณทิวล่ะคะ”

“เรียบร้อยแล้วเหมือนกันครับ งั้นเรามาคุยข้อตกลงเรื่องงานกันเถอะครับ”

“ได้ค่ะ”

ตลอดเวลาที่ชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสองพูดคุยกัน เขมิกาคล้ายเป็นคนนอก เห็นสายตาเป็นประกายของเพื่อนสนิทที่ใช้มองชายหนุ่มแล้วพลันรู้สึกเศร้าใจ

เพื่อนของเธอชอบเขาแน่แท้แล้ว...

ทว่านั่นไม่ทำให้เธอติดใจเท่ากับสายตาของทิวากรที่กำลังมองปานวาดราวราชสีห์มองเหยื่อ หวังว่าสิ่งที่เธอกำลังคิดมันเป็นเธอคิดไปเองฝ่ายเดียว ไม่เช่นนั้นเรื่องมันได้แย่และยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้แน่

อย่างไรก็ตาม หลังพูดคุยทำข้อตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง ว่าอย่าดึงเพื่อนของเธอมาเกี่ยวข้องกับความแค้นระหว่างเรา หวังว่าเขาจะยอมลงให้เธอสักครั้ง

“ข้อเสนอที่คุณวาดเสนอมาโอเคเลยนะครับ แต่ผมอยากให้คุณวาดกลับไปแก้ตรงจุดที่ผมบอก ถ้าเป็นไปตามนั้นผมก็ยินดีจะร่ามลงทุนกับธุรกิจนี้ครับ”

“ไม่มีปัญหาค่ะคุณทิว วาดเป็นคนดูแลโครงการนี้เอง เดี๋ยววาดจะรีบเอาข้อเสนอของคุณทิวเข้าที่ประชุม ถ้าตกลงภายในกันเรียบร้อยได้เรื่องยังไงวาดจะบอกนะคะ แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหา คุณทิวเตรียมเซ็นสัญญาร่วมลงทุนกับวาดได้เลยค่ะ” หญิงสาวพูดอย่างมั่นใจ

“ตกลงครับ งั้นก็ยินดีล่วงหน้าสำหรับการร่วมงานกันอีกครั้งในโครงการนี้นะครับ”

“ยินดีค่ะ ขอบคุณคุณทิวนะคะที่ตกลงร่วมมือ แม้ตอนนี้จะเป็นเพียงสัญญาปากเปล่าก็ตาม”

“ฮ่าฮ่า ผมยินดีอยู่แล้วครับถ้าธุรกิจนั้นน่าสนใจ”

“ค่ะ” ปานวาดตื่นเต้นจนเกือบจะเก็บอาการไม่อยู่

วันนี้นอกจากจะได้เจอหนุ่มหล่อโปรไฟล์เริ่ดแล้ว เธอยังทำให้เขาตกลงร่วมธุรกิจได้อีกด้วย เธอจะรีบยื่นเรื่องที่เขาเสนอมาเข้าที่ประชุมทันทีที่กลับบริษัท เธอมั่นใจว่าจะต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่ และคุณพ่อจะต้องชื่นชมเธอเช่นกัน ว่าลูกสาวคนนี้ก็มีหัวธุรกิจไม่แพ้พี่น้องคนอื่น ๆ

ปานวาดคิดอย่างหมายมาดว่าอย่างไรเธอจะต้องดูแลโครงการนี้ไปตั้งแต่ต้นจนจบ หนึ่งเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับครอบครัว สองเธอยังอยากพูดคุยกับทิวากรเอง แม้จะเป็นเรื่องงานก็ไม่เป็นไร ใกล้ชิดกันไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวสถานะก็ขยับขึ้นเอง

การได้ทำงานอยู่กับคนที่ตนเองหลงใหลได้ปลื้มนี่นอกจากจะมีความสุขแล้วยังมีอาหารตาให้มอง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว กำไรชัด ๆ

ทิวากรเห็นสายตาของปานวาดก็รู้แล้วว่า หญิงสาวคงหลงเสน่ห์เขาไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มโปรยเสน่ห์พลางว่า “ถ้าคุณวาดไม่รังเกียจ ผมขอช่องทางติดต่อด้วยได้ไหมครับ เราจะได้คุยกันสะดวก”

“ได้ค่ะ ไม่รังเกียจ ๆ วาดรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติมากค่ะ” หญิงสาวตอบรับอย่างเร็วรี่ หากไม่เกรงว่าจะเสียมารยาทเกินไปเธอคงแย่งโทรศัพท์ของเขามากดเบอร์ตัวเองและบันทึกไว้นานแล้ว

อ๊าย! คนที่เธอปลาบปลื้มขอเบอร์เธอละ แบบนี้ไม่ใช่ว่า เขาก็สนใจเธอเหมือนกันหรือไร

หญิงสาวหวีดร้องดีใจกับตัวเองโดยลืมเพื่อนที่อยู่ตรงข้ามเสียสนิท ทั้งยังมองไม่เห็นแววตาไหววูบของเพื่อนอีกด้วย

“คุณวาดครับ ยังไงผมต้องขอตัวก่อนนะครับ ยังมีงานที่บริษัทที่ผมต้องกลับไปทำ ไว้ว่าง ๆ ผมจะติดต่อไปหานะครับ”

“ค่ะคุณทิว ฉันก็ขอตัวเหมือนกันค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ บายนะแก” ปานวาดรับคำและเอ่ยลาทั้งชายหนุ่มและเขมิกา มองตามหลังหนึ่งชายหนึ่งหญิงไปจนลับตาแล้วถึงเรียกบริกรมาเช็กบิล ก่อนเธอจะกลับไปบอกข่าวดีกับคุณพ่อที่บริษัทเช่นกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel