บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 กลั่นแกล้ง2

“คุณเขมิกาช่วยชงกาแฟมาให้ผมใหม่ด้วยครับ ถ้วยนี้เย็นชืดหมดแล้ว”

วันนี้ก็เป็นเหมือนหลาย ๆ วันที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่เธอมาทำงานเป็นเลขาของเขาก็ถูกเจ้านายคนใหม่กลั่นแกล้งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

เฮ้อ! หญิงสาวถอนหายใจด้วยความปลดปลง ครั้งนี้เป็นรอบที่สามแล้วที่เสียงคนด้านในห้องทำงานใหญ่สั่งให้เธอชงกาแฟเข้าไปให้ ครั้งแรกบอกว่าหวานไป ทั้ง ๆ ที่เธอชงแต่กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล สูตรประจำที่เขาชอบ ครั้งที่สองบอกขมไปให้ไปชงให้ใหม่ ส่วนครั้งนี้บอกเย็นชืด แต่สิ่งที่เธอเห็นมันยังร้อนอยู่เลยนะ เขมิกาตวัดตามองเจ้าของคำสั่งด้วยความคับข้องใจ

“ทำไม มีปัญหา?” ทิวากรถามเสียงเข้มหาเรื่อง

“ค่ะ มีปัญหา” แล้วต้องแปลกใจเมื่อคนที่ไม่เคยมีปากเสียงมาตลอดสัปดาห์ยอมรับตรง ๆ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากเลิกคิ้ว วางมือจากงานเอกสารที่ทำ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ยกมือกอดอก สายตาคมปลาบจับจ้องไปยังดวงหน้าหวานที่เขาชื่นชอบ ไม่สิ เคยชื่นชอบให้พูดต่อ

เขมิกาทำใจกล้าเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดออกไปตรง ๆ ตามความรู้สึกว่า “ท่านรองจะกลั่นแกล้งเขมไปถึงไหนคะ สัปดาห์ก่อนเรียกเขมไปตำหนิเรื่องมาสาย สัปดาห์นี้ให้เขมเอาเอกสารเก่า ๆ มานั่งสรุปให้ ไม่ก็สั่งงานก่อนเวลาเลิกงานเพียงชั่วโมงเดียวแล้วบอกว่าต้องเสร็จ ไม่เสร็จก็ยังไม่ต้องกลับ มาวันนี้ใช้ให้ชงกาแฟ รอบนี้รอบที่สามแล้วนะคะ เห็น ๆ อยู่ว่ากาแฟมันไม่ได้เย็นชืดอย่างที่ท่านรองว่าเลยสักนิด ท่านรองจะเอายังไงกันแน่คะ ถ้าไม่พอใจเขม เขมจะได้ไปบอกท่านประธาน ท่านจะได้จัดหาเลขาคนใหม่ที่ตรงใจของท่านรองมาให้ ท่านรองจะได้ไม่หงุดหงิดเวลาเจอหน้าเขมและทำงานอย่างมีความสุข เขมก็จะได้สงบสุขเสียที”

พูดไปแล้ว เธอพูดมันออกไปแล้ว ใจของเขมิกาเต้นตุบตุบรัวแรงให้กับความใจกล้าของเธอ อย่างว่าโดนกลั่นแกล้งมาเกือบสองอาทิตย์ถ้าไม่พูดมันออกมาเธอคงอกแตกตายสักวัน

ทิวากรฟังคนร่ายยาวด้วยท่าทีเรียบเฉยหากแววตากลับฉายถึงความสนุกที่ทำให้คนตัวเล็กไม่สงบสุข

“จะเปลี่ยนทำไม ในเมื่อเธอตรงใจฉันที่สุดแล้ว” เงียบไปนานก่อนที่เขาจะพูดขึ้น ใบหน้าของเขมิกาเริ่มร้อนฉ่าเพราะประโยคคำพูดนั้น หากยังไม่ทันได้มีความสุขกับความคิดเข้าข้างตัวเองอย่างไร้สาระกลับถูกเขากระชากตกจากที่สูงด้วยประโยคถัดมา

“โดนแค่นี้ทำเป็นโอดครวญ ฉันโดนมากกว่านี้ยังไม่บ่นสักคำเลยนะ แล้วนั่นหน้าแดงทำไม ฉันไม่ได้สารภาพว่าชอบเธอสักหน่อย ผู้หญิงอย่างเธอฉันชอบไม่ลงหรอก ไม่รู้ว่าสกปรกไปถึงไหนแล้ว น่ารังเกียจจริง ๆ ที่ทนให้เธอทำงานตำแหน่งเลขาอยู่ตอนนี้เพราะอยากจะเอาคืนหรอกนะ”

“เอาคืนเหรอคะ” ถามเสียงแผ่วพร้อมทั้งครุ่นคิดก่อนเบิกตากว้างมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

“ใช่! แต่นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง เธอก็มาโอดครวญซะแล้ว นี่! ตอนฉันถูกเธอบอกเลิก มันทรมานมากกว่าการกลั่นแกล้งแบบเด็ก ๆ อย่างที่เธอโดนตอนนี้อีกนะเขมิกา ตอนนั้นเธอไม่เห็นใจฉัน แล้วตอนนี้จะมาขอให้ฉันเห็นใจเธอให้มันได้อะไรขึ้นมา หืม ไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยหรือไง”

จากสายตาสนุกเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ ร่างสูงผุดลุกจากเก้าอี้เเล้วเดินเข้าหาร่างบางช้า ๆ ขณะที่หญิงสาวชักเท้าถอยหลังทีละก้าวเช่นเดียวกัน

หัวใจของร่างบางเต้นรัวแรงแทบทะลุอก ไม่ใช่เพราะดีใจแต่เป็นหวาดกลัวต่อคนตรงหน้ามากต่างหาก สายตาที่จะฆ่าเธอทั้งเป็นได้แบบนี้เธอไม่เคยเผชิญมันมาก่อนเลย

สายตาที่มีไฟลุกโชนอยู่ในนั้น...

“อ๊ะ!” เขมิกาอุทานออกมาเมื่อเธอถอยหลังจนสะดุดโซฟาแล้วร่างของเธอก็ล้มนั่งได้พอดิบพอดี ซึ่งท่วงท่ามันออกจะเชิญชวนอยู่ในที

“หึหึ” เสียงหัวเราะหยันดังขึ้นพลางมองเธอด้วยสายตาดูถูก ก่อนพ่นวาจาร้ายกาจทำร้ายจิตใจของอย่างไม่รีรอ

“ไง? นี่เป็นมุกที่เธอคิดได้เมื่อกี้เหรอ พอผู้ชายเข้าหาก็แสร้งทำเป็นหวาดกลัวคล้ายกระต่ายตื่นตระหนกตอนเจอหมาป่า ล่อลวงให้มันตามติด ก่อนส่งสายตาอ้อนวอนร้องขอเอาชีวิตรอดด้วยท่วงท่าเชิญชวน”

แปะ แปะ แปะ

“ฉันปรบมือให้กับความคิดและชื่นชมการแสดงของเธอเลยนะเขมิกา เพียงแต่ฉันไม่ใช่หมาป่าหน้าโง่คนเดิมที่เคยหลงในบ่วงคนใสซื่ออีกต่อไปแล้วน่ะสิ เธอรู้ไหม ยิ่งเธอทำตัวแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ฉันขยะแขยงเธอไปกันใหญ่”

หญิงสาวร้อนวาบไปทั้งใบหน้าจากคำพูดและสายตาดูถูกดูแคลนของเขา มือบางสั่นระริกข่มกลั้นอารมณ์ไม่ให้เข้าประทุษร้ายคนที่เอาแต่พ่นวาจาเจ็บแสบใส่กัน

ทิวากรมองหญิงสาวที่นั่งบนโซฟาตรง ๆ มุมปากหยักยกยิ้ม หากสายตากลับอัดอั้นไปด้วยความคั่งแค้น จนหญิงสาวผงะไป

“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่มีอารมณ์ทำอะไรเธอหรอก ถึงมีก็ทำไม่ลง เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดีเถอะ เพราะนี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น เธอยังต้องเจออีกมาก และต่อให้เธอไปฟ้องคุณแม่เธอก็หนีฉันไม่พ้น ความเจ็บปวดที่ฉันเคยได้รับ ฉันจะสนองคืนเธอทุกระเบียบนิ้วเลย ต่อให้เธอหนีไปสุดหล้า ฉันจะตามจองล้างจองผลาญเพื่อลากเธอกลับมาชดใช้ให้กับฉัน จำใส่หัวเอาไว้ให้ดีเขมิกา เธอต้องชดใช้ให้ฉัน!”

ยิ่งพูดยิ่งเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ ดวงตาของชายหนุ่มแดงก่ำด้วยไฟแค้น พยายามหักห้ามใจอย่างมากไม่ให้ตัวเองเผลอบีบคอผู้หญิงตรงหน้า

ทิวากรสะบัดหน้าหนีเธอแล้วเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานดังเดิม คล้ายกลัวว่าหากมองดวงหน้าหวานนานกว่านี้จะเผลอลงมือกับเธอเอาได้ ซึ่งถ้าทำเเบบนั้นเขาคงสะใจ แต่ก็แค่แวบเดียว คนอย่างเขมิกาต้องทรมานมากกว่านี้มันถึงจะสาสม

ขณะเดียวกันเขมิกาตกใจกับความแค้นที่ทิวากรมีต่อเธอ ทั้งสายตาและคำพูดมันไม่มีตรงไหนเลยที่บอกว่าเขาพูดเล่น เธอรู้ว่าเขาเอาจริง และดูเหมือนว่าเขาจะเกลียดเธอมากจริง ๆ ตอนแรกก็ไม่แน่ชัด แต่ตอนนี้เธอแน่ใจแล้ว ทิวากรไม่มีวันอภัยให้เธอจนกว่าเขาจะได้เอาคืน

หยดน้ำตาสีใสร่วงเผาะอาบแก้มนวลกับสิ่งที่เธอกำลังเผชิญ ดวงตาหวานช้อนมองชายหนุ่มด้วยน้ำตาเอ่อคลอจนภาพตรงหน้าพร่าเบลอ

นี่เขาเกลียดเธอจนอยากทำร้ายกันมากขนาดนี้เลยหรือ ไม่คิดบ้างหรือว่าเธอก็เจ็บปวดเป็นเหมือนกัน ใช่ว่าเขาต้องเจ็บปวดอยู่คนเดียวเสียหน่อย เธอเป็นคนมีความจิตใจมีความรู้สึกเหมือนกันนะ ร่างเล็กทำได้แค่ตัดพ้ออยู่ในใจเท่านั้น

เขมิการู้สึกรับไม่ไหว หัวใจเธอกำลังบอบช้ำ ยิ่งมองหน้าเขาน้ำตาที่เคยอดกลั้นมาหลายวันยิ่งพานไหล สุดท้ายก็สะอื้นไห้ออกมา เพียงดวงตาคมตวัดมามองด้วยสายตาแข็งกร้าว เธอก็ผุดลุกจากโซฟาและออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

“ฮึก ฮือ” เขมิกาตรงเข้าห้องน้ำจัดการล็อกประตูแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น มือขวายกขึ้นกุมที่หน้าอกข้างซ้ายไว้แน่น หวังให้มันบรรเทาความเจ็บปวด หากไม่ช่วยอะไร อยากลืมถ้อยคำร้ายกาจ และสายตาทิ่มแทงของเขาวันนี้ให้สิ้น กลับยิ่งจำและเด่นชัดเหลือเกิน

เขมิกาเจ็บปวดจนอยากออกไปจากจุดนี้ แต่รู้ดีว่าต่อให้เธอหนีไปจริง เขาก็ต้องตามหาและหาวิธีแก้แค้นเธออยู่ดี ยิ่งถ้าเกิดเธอหนีแล้วเขาจับได้ การแก้แค้นของเขามันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

เขมิการู้ดีว่าคนอย่างทิวากรไม่ได้ขู่ แต่เขากำลังเอาจริง ที่เขาพูดมันออกมาวันนี้เพียงเพื่อให้เธอทำใจและยอมรับชะตากรรมเท่านั้น แม้ใจหนึ่งอยากคัดค้าน แต่ความรู้สึกผิดที่อยู่กับเธอมาตลอดหลายปีกลับรั้งเอาไว้ เป็นเธอเองที่บอกเลิกเขาโดยไม่ได้อธิบายอะไร ที่เขาเจ็บแค้นก็สมควรแล้ว

หากการที่เขากลั่นแกล้งรังแกเธอจะคลายความโกรธและความเกลียดชังที่เขามีต่อเธอลงได้บ้าง เธอก็ยินดีที่จะยอมรับมัน หวังว่าเมื่อเขาสาสมใจพอแล้ว เขาจะปล่อยเธอไป ไม่ทำร้ายกันอีกก็พอ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel